แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย



แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย



     เปิดใจครั้งแรก แพนเค้ก เขมนิจ และแม่แพม นวลนง หลังหายป่วยจากโควิด-19 วินาทีห่วงแม่เชื้อลงปอด ต้องฉีดยาสลายลิ่มเลือด พร้อมอัพเดตอาการล่าสุด นอยด์หนักหมอบอกว่าเป็นแล้วยังเสี่ยงเป็นอีกได้ ในรายการ "คุยแซ่บSHOW" ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล และเป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

อาการล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง?
แพนเค้ก : "เอ็กซเรย์ปอด คุณหมอบอกว่าปอดแพนหายเป็นปกติแล้ว หายแล้วแต่อาจจะมีเอฟเฟ็กต์ อาจจะเพลีย เหนื่อยง่าย ซึ่งอาการเหล่านี้ยังเป็นอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู อาจจะทำอะไรหักโหมเหมือนเดิมไม่ได้ ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป และต้องคอยบริหารปอดให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น"

บริหารปอดอย่างไร?

 แพนเค้ก : "การฝึกหายใจ ฝึกเพื่อให้ปอดขยายไม่ให้ปอดแฟ่บ หรือแม้แต่การเดินออกกำลังกายเบาๆ สูดหายใจลึกๆ ทำสม่ำเสมอเป็นประจำ"

ฟีดแบ็กที่หลงเหลือจากการเป็นโควิดมีอะไรบ้าง?
แม่แพม : "ของแม่พออายุมากขึ้น การฟื้นตัวจะช้ากว่าคนที่อายุน้อย วันที่ออกมาจากโรงพยาบาลวันแรกดีใจมาก ทุกอย่างสดใสไปหมด จัดการทำโน่นทำนี่จนคุณหมอต้องขอว่าอย่าเพิ่งทำอะไร ให้อยู่นิ่งๆ และพักจริงๆ ซึ่งพอออกมาจริงๆ เรารู้เลยว่าเราต้องพัก และต้องใช้เวลา ลูกๆ จะฟื้นตัวเร็วหายกันเร็วมาก เขาอาจจะใช้เวลากัน 2 อาทิตย์ แต่แม่อาจจะต้องใช้เวลา 1 เดือน"




ตอนแรกรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นโควิด?
แพนเค้ก : "ทุกคนในบ้านเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่"

แม่แพม : "มันเร็วมากใช้เวลาแค่วันสองวันเท่านั้นเอง คุณแม่ก็จะมีอาการแปลก เวลากลืนอะไรก็ตามจะรู้สึกเหมือนบาดแรงมาก มันผิดปกติ แล้วเสมหะจะมีมูกเลือดออกมาทันที เราก็ตกใจ แต่อาการ อื่นๆ ก็ไม่มีอะไร เราไม่ได้มีไข้สูง มารู้อีกทีตอนลูกสะใภ้เช็คแล้วทราบว่าเป็น"

แพนเค้ก : "อาการของคนในบ้านจะคล้ายๆ กัน แต่ของน้องสะใภ้จะไม่ได้กลิ่น ฉีดน้ำหอมแล้วก็ยังไม่ได้กลิ่น ดมก็แล้ว ทาครีมก็แล้วก็ยังไม่ได้กลิ่น เขาก็เลยคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็น เขาก็เลยรีบไปตรวจ พอรู้ผลคนที่อยู่ใกล้เขาก็ต้องไปตรวจ"

แม่แพม : "ตอนที่ทราบผล ลูกสะใภ้ไม่กล้าเข้าบ้าน เขารออยู่หน้าบ้าน ขนาดเรามีบ้านเป็นของตัวเอง พอถึงเวลานั้นเราทุกคนต้องเซฟตัวเองหมด ตอนนั้นเราร้อนรนไปหมด เราวิ่งเก็บของใช้ที่จำเป็น และเตรียมพร้อมว่าโรงพยาบาลจะบอกเราอย่างไรต่อไป เราต้องรอฟังเป็นสเต็ปเพราะโรงพยาบาลก็จะยุ่งมาก และทุกคนไม่ได้อยู่พร้อมกันหมด ก็จะถูกแยกกันเป็นส่วนๆ"

สรุปติดกี่คน เพราะหลายคนเข้าใจว่าติดทั้งบ้าน?

 แพนเค้ก : "ติด 8 คน ไม่ได้ติดทั้งหมด เพราะช่วงนั้นคุณพ่อก็ไปบวช ส่วนน้องชายก็ไปฝึก ก็จะไม่ได้ใกล้ชิด"

แม่แพม : "คนที่อยู่ใกล้ชิดติดหมด แล้วก็มีแม่บ้าน"

แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย


ความรู้สึกตอนที่โรงพยาบาลมารับเป็นอย่างไรบ้าง?
 แม่แพม : "เป็นอะไรในชีวิตที่ไม่เคยเจอ เรายังคุยกับแพนเลยว่า ขอบคุณเหตุการณ์ทั้งหมดที่ทำให้เราเข้าใจคนที่มีทุกข์ เหมือนเขาให้เราเป็นคนบอกต่ออะไรหลายๆ อย่าง ให้กับคนอีกเยอะ เพราะหลังจากที่เราป่วยเป็นโควิด ทุกสายที่โทรมาเราช่วยหมด หมายถึงช่วยเป็นกำลังใจทุกอย่าง ต้องไปโรงพยาบาลแบบหลบๆ ซ่อนๆ แล้วเราไปตอนเวลาดึกแล้ว ข้าวของทุกอย่างต้องขนกันเองหมด พอเราไปอยู่จุดนั้น เราเข้าใจเลยว่า หมอ พยาบาลทำงานหนักมากก็ไม่กล้าเข้าใกล้เรา เขาก็ต้องเซฟตัวเอง เราไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตจะต้องหอบของขึ้นบันได แล้วถึงจะไปเจอลิฟท์ที่เขากันไว้สำหรับผู้ป่วยโควิดเฉพาะ มันวังเวงมาก แล้วพอขึ้นไปก็ถูกแยกไปอีกฟากหนึ่งซึ่งมันเดินไกลมาก"

แพนเค้ก : "พอเข้าห้องแล้วก็ไม่ได้ก้าวออกมาอีกเลย อยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมตรงนั้น แต่โชคดีที่ได้อยู่รวมกัน เพราะตอนนั้นห้องก็มีจำกัดมาก แล้วเราเป็นครอบครัว ก็เลยได้อยู่ร่วมกัน แพน แม่ แล้วน้องสาว ก็เลยอยู่ด้วยกัน"

ห่วงคุณแม่ขนาดไหน?
แพนเค้ก : "ก็ห่วง เพราะตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าต้องคิดอะไรก่อน พอมันข้ามช็อตไปแล้วว่าเป็น คุณแม่เป็นมากไหม เราก็ไม่รู้ น้องสาวเป็นอย่างไร เราก็ไม่รู้ แม้แต่ตัวเราเองพอเข้าไปก็ไข้ขึ้น ปอดอักเสบ ทุกอย่างมันมีสเต็ปของมัน"

แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย


แม่แพม : "เชื้อของเราจะแปลกอย่างหนึ่งคือกลับไปกลับมา แรกๆ เหมือนไม่มีอะไร พอผ่านไป 3-4 วันก็เป็นแบบนี้ พอวันที่ 7-8 ก็เป็นอีกแบบ พอจะกลับบ้านอาการก็พลิกมาเป็นอีกแบบ เหมือนปอดดีขึ้น ปอดกลับ มันพลิกไปมาไม่แน่นอน"

แพนเค้ก : "คุณหมอบอกว่าเชื้อโควิดมันไม่แน่นอน ตอนเราไปเราอาจจะดูปกติดี แต่พอปลายๆ อาทิตย์มันอาจจมีอะไรแทรกซ้อนเข้ามาที่ทำให้เราทรุดลง ซึ่งเราก็ต้องดูอาการตัวเองตลอดเวลา แล้วก็ห่วงคุณแม่ เพราะคุณแม่ไม่พูด แม่จะพูดแต่ว่าแม่โอเค กินข้าวกินยานอน แต่เราก็จะคอยสังเกตว่าคุณแม่ไข้ขึ้นไหม ออกซิเจนปกติไหม ความดันโอเคหรือเปล่า"

แม่แพม : "จากที่เราเม้าธ์มอย ลูกจะสังเกตแม่ตลอดเวลา จะเห็นว่าแม่จะนั่งนิ่งตลอดเวลา พอผ่านไปหลายๆ วันแล้วหลังวันที่ 7 วันที่ 8 แม่ถึงบอกลูกว่าทำไมแม่ถึงเป็นแบบนี้ ไม่คิดเหรอว่าแม่จะกลัวมาก แต่ถ้าแม่ไม่เข้มแข็งจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกกับหลาน แม่กลัวมากกลัวจะไม่เจอลูก เพราะแม่รู้เลยว่าโควิดถ้าลงปอดแล้วหมอรับมือไม่ทัน เราจะไม่ได้เจอกัน มันก็จะทำให้ลูกตระหนักได้ว่าลูกจะต้องทำอะไรบ้างกับสิ่งที่แม่ย้ำเตือน อย่าคิดว่ามันเรื่องน่าเบื่อ มันไม่ใช้เรื่องเล่นๆ เพราะโควิดมันทำได้จริงๆ"

ตอนนั้นกลัวตายไหม เพราะเราเห็นข่าวทุกวัน?
 แพนเค้ก : "มันน่ากลัวมาก ถามว่ากลัวไหม มันกลัวอยู่แล้ว แต่เราก็คิดว่าตอนนั้นเราอยู่ในการกำลังรักษา เราก็ต้องรีบพยายามฟื้นตัว และทำตัวเองให้แข็งแรงให้เร็วที่สุด เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ เราจะดีขึ้นไหม หรือปอดเราจะแย่ลงหรือเปล่า ซึ่งเราก็ตอบไม่ได้ และคุณหมอก็ไม่ได้มีเวลามาตอบเราว่ากี่วันหาย เราไม่รู้ตรงนั้น มันอยู่ที่ตัวเราที่จะต้องรีบทำตัวให้แข็งแรงให้เร็วที่สุด"

ขั้นตอนการรักษาเห็นว่าครอบครัวเจอวิกฤตเหมือนกัน คุณแม่อาการทรุด?
แพนเค้ก : "ใช่ เรารู้สึกว่าเราเห็นกันเป็นปกติแบบนี้ เราไม่รู้ว่าข้างในเราเป็นอย่างไร ผลเลือดของเราอาจจะอยู่ในภาวะเสี่ยง ซึ่งเราก็ไม่รู้ ซึ่งมีช็อตที่เราพีก กลางคืนคุณหมอมาปลุกเพื่อฉีดยาด่วนให้แพนกับคุณแม่"

แม่แพม : "คุณหมอบอกว่าเขาได้ดูผลเอ็กซเรย์ แล้วเห็นว่ามันมีจุดที่น่ากลัวมาก ในลิ่มเลือดตรงนั้น ซึ่งเราก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้เลย ตอนที่ฉีดเข้าสะดือตอนนั้นกลัวมาก แต่ก็นิ่งมาก ส่วนแพนเขาก็อยู่ในช่วงงงๆ เราก็บอกลูกว่าเราต้องสู้เพื่อให้รอดไปด้วยกันให้ได้ แล้วพี่หมีเขาก็ส่งข้อความมาว่าเขาจะไม่ทิ้งใครไว้ที่นั่น เขาจะเอาพวกเรากลับบ้านให้หมด (ร้องไห้) คือเขาทรมานยิ่งกว่าเรา เราอยู่ด้วยกัน เรายังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาไม่รู้เลย กับหลวงพ่อกำลังบวช ท่านก็กังวลมากว่าจะรวบรวมสมาชิกกลับบ้านกันได้มากแค่ไหน"แพนเค้ก : "ก็มีเฟซไทม์สวดมนต์เป็นกำลังใจให้กันและกัน เราอยู่กัน 3 ห้อง แต่คนละฟากคนละตึก จะเห็นหน้ากันได้ก็คือเฟซไทม์อย่างเดียว เราก็สวดมนต์กันไป อย่างน้อยก็ให้เรามีกำลังใจซึ่งกันและกัน พอเราก้าวเข้าห้องแล้วเราจะไม่มีโอกาสก้าวออกไปอีกเลย ยกเว้นเปิดประตูไปรับข้าวเข้ามา จนกว่าเราจะหาย"

แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย



ยาที่คุณหมอฉีดคือยาสลายลิ่มเลือดใช่ไหม มันเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องให้ยาสลายลิ่มเลือด?
 แพนเค้ก : "ใช่ค่ะ แพนว่าน่าจะจากผลเลือด แล้วเราปอดอักเสบอยู่ คาดว่าน่าจะเพื่อไม่ให้อาการทรุดมากกว่านี้ เราโชคดีที่ร่างกายตอบสนองกับยาที่คุณหมอให้มา แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราตกใจมาก"

แม่แพม : "ซึ่งมันมีด้วยนะว่าให้ยาแล้วร่างกายเราตอบสนองไหม ถ้าไม่ตอบสนอง คุณหมอก็ต้องเปลี่ยนวิธีใหม่ เปลี่ยนยาใหม่ ซึ่งแต่ละคนก็ตอบสนองไม่เหมือนกันเลย"

ตอนที่ต่างคนต่างอยู่ห่วงลูกๆ ขนาดไหน?
แม่แพม : "ใจทรมานมาก แต่ตอนที่เราอยู่ แม่ แพน มิกิ อยู่ในกรุ๊ปเดียวกัน ส่วนหลานอยู่อีกกรุ๊ปหนึ่ง หลานแม่ก็อยู่อีกกรุ๊ปหนึ่ง เป็นเด็กเล็กก็จะอยู่อีกกรุ๊ปหนึ่ง ตอนนั้นที่ป่วยพร้อมกันหมด ใจจะขาด เพราะว่าไม่เคยเป็นอะไรที่เราจะมาเป็นรวมกันขนาดนี้ แต่แม่ก็ต้องทำใจ เมื่อหลานอยู่กับแม่เขาแล้วนั่นก็คือแม่เขา แม่ก็ต้องให้เขาดูแลจนถึงที่สุด ส่วนเราก็ต้องห่วงตัวเรา เพราะเราอยากอยู่กับลูกดังนั้นเราต้องอยู่ให้ได้ และวิธีไหนที่จะทำให้เราอยู่ได้ ก็คือกำลังใจ"

อยู่โรงพยาบาลกี่วัน?

แพนเค้ก : "14 วัน ตอนที่หมอบอกว่ากลับบ้านได้แล้วเรากรี๊ดเลย ตอนออกมาก็ต้องใช้เวลาปรับตัวนิดหนึ่ง"

แม่แพม : "แต่โควิดวางใจไม่ได้ ก่อนกลับเราต้องเอ็กซเรย์ เพราะบางกลุ่มพอจะออกแล้วไปเอ็กซเรย์แล้วปรากฎว่ากลับไม่ได้ แม่ถึงบอกว่าไว้ใจไม่ได้ โควิดทำให้เราไม่ได้ดีใจจนเกินไป ไม่ได้เสียใจจนเกินไปเพราะว่าอะไรที่เราคาดหวังว่ากำลังจะมีความสุข ความสุขก็ยังหลุดไปได้ อย่าง อัญชัญพอจะได้ออกเก็บของเตรียมกลับบ้าน ปรากฎว่าอัญชัญไม่ได้ออก แม่ก็เลยบอกว่าไม่ต้องตื่นเต้น ใครได้ออกก็เก็บของกลับบ้านแค่นั้น"

ถามความรู้สึก พี่หมี ให้กำลังใจอย่างไรบ้าง?
แพนเค้ก : "ที่สุด ทุกอย่าง เขาก็จะคอยเชียร์อัพกัน เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรุนแรงหรือเปล่า เขาก็จะส่งรูปอัพเดททุกวันเหมือนเป็นการให้กำลังใจกัน เขาก็รู้แหละว่าวันนี้เราดูโทรมจัง วันนี้เราดูเพลียจัง บางทีเราก็มีเล่าให้เขาฟังบ้างว่าวันนี้โดนฉีดยานะ เจ็บมากเลย เขาก็ไปหาข้อมูลว่าทำไมต้องฉีด ตัวเขาคงรู้เยอะกว่าเรา เราอยู่ข้างในเราก็จะรู้แค่ว่าต้องทำอะไรบ้าง ส่วนคนที่อยู่ข้างนอกก็จะไปเช็คเยอะแยะมากมาย จนเขาเครียดมาก นอนไม่หลับ สติแตก แต่ไม่ให้เราเห็น ไม่ให้เรารู้"ถามว่าใจฟูขนาดไหน เรียกว่าเป็นการเติมซึ่งกันและกันมากกว่า เพราะเวลานั้นเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเป็นอย่างไร แล้วตัวเขาเองก็แย่ไม่ต่างกัน เพียงแต่อยู่ข้างนอกกับข้างในเท่านั้นเอง ขอแค่มีช่วงเวลาได้เห็นหน้ากัน ได้โบกมือ อย่างตอนที่พี่หมีไปตรวจครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาล ก็บอกเขาว่าห้องเราตรงกับทางออกของโรงพยาบาล ช่วยขับผ่านมาลงมาโบกมือบ๊ายบายกันหน่อย อยู่ตรงนี้เห็นหรือเปล่า ก็จะได้เห็นกันแค่นี้เท่านั้น

"ถามว่ารักกันมากขึ้นไหม ก็เข้าใจกันมากขึ้น เรียกว่าห่วงกันมากยิ่งขึ้น เราได้รู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ว่าใครรักเรา ใครที่ห่วงเรา และใครที่พร้อมจะทำสิ่งต่างๆ ให้เราและครอบครัวด้วย"

ดูคุณแม่รักพี่หมีมาก?

แม่แพม : "อย่างที่แพนบอก เราเข้าใจกันมากขึ้น เราเปิดไพ่ใบสุดท้าย พอกลับไปบ้าน พี่หมีก็พูดความรู้สึกตัวเองทุกอย่าง แล้วเราก็ได้เห็นทุกอย่างที่เขาเดือดร้อนไปกับขณะนั้น เขาวิ่งเต้นทุกอย่างอยู่ข้างนอก คนเดียวจริงๆ ของครอบครัวเราที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย"

แพนเค้ก : "คือเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ติดไง จริงๆ ก็อยู่ด้วยกันตลอด อยู่ในบ้าน เจอหลาน ทานข้าวด้วยกัน แต่เป็นคนเดียวที่ไม่ติด"

แม่แพม : "เหมือนเหลือเขาอยู่คนเดียวที่คอยช่วยเรา เช็คทุกอย่างให้เราว่าทุกคนอยู่กันเรียบร้อย เจอหมอเรียบร้อย"


แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย




แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย




แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย




แพนเค้ก ควงแม่แพม เปิดใจหลังหายโควิด เผยทั้งทรมานทั้งกลัวตาย


ชมคลิป
VVVVV
VV
V
V
VV
V
VV
VVVVV





++++
เครดิตแหล่งข้อมูล : รายการ คุยแซ่บโชว์





เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์