แซม เล่าที่มานามสกุล ภมรมนตรี เป็นตำนานมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเอกทัต
หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย แซม เล่าที่มานามสกุล ภมรมนตรี เป็นตำนานมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเอกทัต
มีเรื่องราวมากมาย มาเขียนเล่าให้แฟนๆ ได้อ่านได้ติดตามกัน สำรับอดีตพระเอกดัง แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีทั้งเรื่อง คุณปู่ คุณย่า คุณพ่อและคุณแม่
ล่าสุดพระเอกดัง ได้เขียนเรื่องราวที่มาที่ไปของนามสกุล ที่ย้อนต้นตระกูลไปถึงที่เป็นเสนาบดีสมัยพระเจ้าเอกทัต โดยมีเนื้อหาดังนี้
"Somewhere in Time" ภาพนี้เป็นภาพหลักที่ติดอยู่ในห้องโถงกลางบ้าน ตั้งแต่ผมจำความได้ครับ เป็นภาพวันหวานน่ารักของคุณปู่คุณย่า คุณพระชำนาญคุรุวิทย์และแพทย์หญิงแอนเนรีคราวที่แล้วเขียนเล่าเรื่องคุณย่าไป แต่ยังติดค้างไว้เรื่องของคุณปู่ครับ คุณปู่ของผมชื่อว่าแย้มครับ เป็นบุตรของพระยามณเฑียรบาล(บัว)ในรัชกาลที่สี่ เป็นหลานปู่ของพระยาราชมนตรี(ภู่)ในรัชกาลที่สาม เป็นหลานทวดของพระยาสรราช ซึ่งเป็นบุตรของพระยาธิเบศร์บดี เสนาบดีในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัต(กรุงศรีอยุธยา) สืบแค่นี้ก่อนละกันนะครับเดี๋ยวอาจจะยาวไปถึงกรุงสุโขทัย หลังจากเสียกรุงครั้งที่2 ขณะที่พระเจ้าตากทรงกำลังกอบกู้เอกราช ทรงมอบหมายให้คุณปู่ทวด เป็นแม่ทัพไปตีไล่พม่าที่เมืองตากและกำแพงเพชร!! เมื่อสำเร็จก็เข้ารับราชการเป็นจางวางมหาดเล็กในรัชสมัยของพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระราชทานพระสุพรรณบัตรแต่งตั้งเป็น*เจ้าพระยาธิเบศร์บดี*ครับ
ครั้นเมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่หก ทรงพระราชทานนามสกุลให้แก่คุณปู่ ทรงเห็นว่าพระยาราชมนตรี(ภู่) เป็นผู้ที่ถวายงานให้แก่สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้อย่างซื่อสัตย์ สุจริต จนเป็นที่กล่าวขาน เป็นเสนาบดีพระคลังมหาสมบัติ ที่ทั้งหาเงินและเก็บเงินเข้าพระคลังมากมายมั่งคั่ง..ไม่ตกหล่น!! ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สะสมเงินใส่ถุงแดงอีกจำนวนมากเป็นสมบัติของชาติสืบมา พระยาราชมนตรียังนำทรัพย์สินส่วนตัวคือบ้านและที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี สร้างเป็นวัดถวาย พระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดพระราชทานนามว่า "วัดคฤหบดี"เป็นวัดอารามหลวงครับ และทรงพระราชทาน พระแซกคำ พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยเชียงแสน ที่รัชกาลที่หนึ่งทรงอัญเชิญกลับมาจากกรุงเวียงจันทน์พร้อมพระแก้วมรกต มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถครับ ภายในวัดมีเจดีย์สีขาวองค์ใหญ่บรรจุอัฐิบรรพบุรุษของผม(และคงจะเป็นของผมด้วยในอนาคต!!)
เมื่อคุณปู่ของคุณปู่มีชื่อว่า "ภู่" ซึ่งก็คือ ภมร ส่วน มนตรี ก็มาจากพระยาราชมนตรีนั่นเอง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลว่า "ภมรมนตรี" เมื่อเดือนพฤษภาคม 2456 ครับ
มาเล่าเรื่องคุณปู่กันต่อนะครับ วัยหนุ่มคุณปู่เข้ารับราชการทหารสังกัดกรมทหารม้า ได้ส่งไปปราบจีนฮ่อที่ชายแดน เมื่อสำเร็จกลับมาได้รับความชมเชย..ว่ามีความกล้าหาญ เข้มแข็งและเฉลียวฉลาด ในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปศึกษาต่อวิชาการทหาร ณ ประเทศเยอรมัน และทรงพระราชทานยศเป็นร้อยโทครับ
เรียนก็เรียนหนัก! ฝึกก็ฝึกหนัก!แต่ความรักก็ไม่เบานะครับ ได้พบรักกับคุณย่าซึ่งเป็นนักเรียนแพทย์ แถมยังมีดีกรีเป็นถึงลูกสาวของคณบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังของเยอรมัน(ตามภาพ) แต่ทหารไทยใจถึงก็ไม่ได้ย่อท้อ!..พิสูจน์รักแท้ให้คุณพ่อตาศาสดาจารย์ด็อกเตอร์ไฟเอร์เห็น จนได้รับการยอมรับ.. และแต่งงานกันในที่สุด และเมื่อถึงคราวจะต้องเดินทางกลับประเทศไทย ก็เป็นที่ห่วงใยของญาติพี่น้อง..เพราะสยามประเทศของเรายังเป็นที่รู้จักกันน้อยมากสำหรับคนต่างชาติ ณ เวลานั้น..เป็นห่วงว่าจะต้องไปตกระกำลำบากอย่างไร?? แต่คุณย่าก็ยืนกรานว่าจะขอไปกับคนที่รักทุกที่
เมื่อกลับมาถึงประเทศไทยก็เป็นอย่างใจคุณพ่อตาที่เป็นห่วงเลยครับ!! ประเทศไทยมีกรณีพิพาทเรื่องดินแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงกับฝรั่งเศส โดยฝรั่งเศสนำกองทหารเข้ามาประชิดชายแดนไทย!! คุณปู่ซึ่งจบการทหารทางด้านปืนใหญ่และอาวุธสงคราม ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการการรบ ต้านกองทัพฝรั่งเศสที่ชายแดนครับ รบกันถึงหกปี!! โดยมีคุณย่าติดตามไปด้วยทุกที่ ช่วยออกหน่วยแพทย์และฝึกพยาบาล ว่างจากรบก็ช่วยรักษาชาวบ้านเป็นครั้งคราวจนเป็นที่เรียกติดปากกันว่า "หมอแหม่ม" หมอแหม่มให้กำเนิดลูกสาวสองคนที่บ้านหมากแข้ง(อุดรธานี) ชื่ออำพันและอรุณวดีครับ(ตามรูป)
คุณย่าได้กล่าวว่า..ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนเร็วกว่าที่คิด โดยแทบไม่รู้จักเมืองหลวงของประเทศไทยดีพอเลย กลับเยอรมันครั้งนี้ คุณย่าได้ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝด ประยงค์-ประยูร ตามที่เล่าไปเมื่อครั้งที่แล้วครับ
https://www.facebook.com/teeneedotcom