เหตุจากความเชื่อมั่นที่มากเกิน

เมื่อสาวตั๊กได้ยินได้ฟังทั้งข่าวลือและคําถามของสื่อมวลชน ก็เกิดอาการปรี๊ด อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นสูง

ออกโรง ปกป้องความรักของตัวเองกับแฟนหนุ่มใหญ่ ว่าเป็นรักที่บริสุทธิ์ ถูกใจคนนี้ใช่เลย ชายในฝันที่เข้าใจกัน และจะดูแลกันไปในอนาคต ไม่เชื่อคําเตือนหรือเอะใจอะไรกับคําถาม-คําเตือนเด็ดขาดแถมยังประกาศร่วมหุ้นลงขันทําธุรกิจสร้างหนังด้วยกัน 30-50 ล้าน เพื่อสาวตั๊กได้โชว์ความสามารถที่เจ้าตัวคิดว่ามีให้ชาวโลกได้เห็นแต่นี่ผ่านไปแค่ 3 เดือน สาวตั๊กก็ออกมาประกาศว่าเลิกกันแล้ว ไม่เคยบอกว่าเป็นแฟนกันซะหน่อย เป็นแค่คนที่ดูๆ กันอยู่ ส่วนสาเหตุการคบกันเลิกกันยังไงเลิกกันตอนไหน ขอไม่ตอบ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว บอกแค่ว่าเราเลิกยุ่งเลิกติดต่อกันแล้วแค่นั้นพอ

และขอแก้ข่าวว่า เสี่ยโต้งไม่ได้เป็นนายทุนแล้ว เธอทําโปรเจ็คท์นี้ด้วยตัวเอง ติดต่อหาสปอนเซอร์เอง

เพราะไม่อยากให้คนมองว่าเธอไปเอาเงินเสี่ยโต้งมาลงทุนทําหนัง เพราะเธอจะถูกมองว่า กลายเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความสามารถอะไรนอกจากเอาเงินคนอื่นมาทําหนังเพราะทุกวันนี้เธอก็ไม่เคยใช้เงินของใคร ไม่อยากให้ใครมาดูถูกเอาได้  และสาวตั๊กเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง และเชื่อว่าในความพยายามที่มีอยู่ จะทําให้หนังออกมาดูดีโดยไม่จําเป็นต้องใช้เงินใคร ไม่อยากให้มาต่อว่าตัวเธอและแม่ของเธอว่าอยากได้เงินของคนอื่น

แล้วยิ่งมาเจอคําถามแทงใจดําว่า กลัวคนเมาธ์ว่าคบกันไม่นานก็ไปกันไม่รอดแล้วรึเปล่า สาวตั๊กก็เริ่มมีอาการสีหน้าบ่งบอกว่าอารมณ์ชักไม่ค่อยดี และตอบคําถามว่า

เธอจะคบเขากี่เดือนมันก็เรื่องของเธอคนอื่นไม่เกี่ยว เธอไม่พอใจจะอยู่ก็ไม่อยู่ ใครจะพูดยังไงเธอไม่รู้ แต่ตัวเธอเองอยู่จุดไหนมีความสุข เธอก็จะอยู่ ตรงนั้น ใครจะพูดยังไงก็พูดไปเธอไม่สน เพราะคนที่เอาไปพูดเอาไปเมาธ์  ไม่ได้ทํามาหาเลี้ยงดูแลอะไรเธอ เพราะตัวเธอหากินเลี้ยงดูตัวเองได้ ดังนั้นเธอจะไม่แคร์ใครนอกจากคนที่จะให้เธอกินให้เธอใช้เท่านั้น

จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความรักครั้งนี้ของสาวตั๊ก ต้องบอกว่าหญิงสาวคนนี้สมแล้วกับฉายา ‘ขวานผ่าซาก’ เพราะความเชื่อมั่นที่มีอยู่ในตัวของเธอเองอย่างมากมาย มันมากซะจนทําให้เธอพูดอะไรตรงๆ โดยไม่สนใจใคร เธอเลือกที่จะให้ชีวิตเธอมีความสุขกับสิ่งที่เลือก และเลือกที่ไม่อยู่ในจุดนั้นถ้าไม่มีความสุข ถือว่าเป็นความชัดเจนในตัวตนของตัวเธอ

แต่อยากจะบอกกล่าวเธอว่า คนเรามั่นใจในตัวเองได้ แต่อยากให้ลองเอา  คําพระมาใช้ดูบ้างว่า คนเราอะไรที่มากเกินก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี เอาแบบที่มันพอดีๆ น่าจะมีความสุขกับชีวิตในแบบที่พอดี ไม่ต้องนึกระแวงอยู่ในใจว่าใครจะครหาต่อว่าอะไร ไม่ต้องเสียหน้าเสียใจ เพราะความมากเกินพอดีของตัวเอง♦