มีข่าวร่ำ ๆ ออกมาว่าเตรียมโกอินเตอร์ไปเล่นหนังที่เมืองโรตี สำหรับนางเอกสาว พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช
เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้เจ้าตัวได้มีโอกาสไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์อินเดีย ที่ประเทศอินเดียแล้ว โดยเธอเป็นนักแสดงไทยคนเดียวที่ได้มีโอกาสไปร่วมงานนี้ เอ้า!ลองไปฟังจากปากสาวพิ้งกี้เลยดีกว่าว่าตกลงไปทิ้งงานบันเทิงไทยไปแจ้งเกิดที่อินเดียจริง ๆ หรือเปล่าพิ้งกี้ กล่าวว่า “ก็ได้มีโอกาสไปงานเทศกาลภาพยนตร์ที่อินเดีย บังเอิญว่า เพื่อนของแม่พิ้งกี้ทำธุรกิจที่ต้องติดต่อกับวงการนี้อยู่ เขาก็แนะนำให้เราได้รู้จักกับ มีโม่ นักแสดงชื่อดังจากประเทศอินเดีย
พิ้งกี้ ไม่พร้อมไปอินเดียขอลุยงานที่ไทยก่อน
มีโม่เห็นว่าเราเป็นนักแสดงของไทยด้วย ก็เลยชวนให้ไปร่วมงานนี้
มันเหมือนเป็นการให้เกียรติกันและกัน เพราะต่างคนก็ต่างเป็นนักแสดง วันที่ไปร่วมงานพิ้งกี้ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้เข้าไปในงาน และงานก็เข้ายากมาก ค่าบัตรเข้างานใบละแสน เป็นงานประกาศรางวัลที่ยิ่งใหญ่มากดาราอินเดียจะไปร่วมงานกันหมด”
ได้มีโอกาสคุยเรื่องงานด้วยมั้ย?
“คุยหลายอย่าง ก็ชวนให้ไปร่วมงานหลาย ๆ ด้าน เช่น ถ่ายแบบ และ ถ่ายหนัง อย่างก่อนที่จะกลับมาเมืองไทยพิ้งกี้ก็ไปถ่ายแบบมา ตอนที่อยู่ที่นั่นก็มีโอกาสให้สัมภาษณ์นักข่าวที่อินเดียด้วย ก็เริ่มรู้จักเราบ้าง พอเราบอกว่าเรามาจากเมืองไทยก็เหมือนกับเป็นการโปรโมทประเทศไทยไปด้วย พวกเขาก็สงสัยกันว่าทำไมคนไทยมีหน้าแขกด้วยเหรอ แต่เขาก็ให้การต้อนรับเราดีมาก
ส่วนเรื่องงานนั้น ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย
เพราะเรื่องตรงนี้มันขึ้นอยู่ที่เรามากกว่าว่าพร้อมที่จะไปเต็มตัวหรือเปล่า ถ้าคิดจะไปทำงานที่นั่นเราต้องไปเรียนภาษา ต้องเรียนเต้นด้วย เพราะนางเอกที่นั่นเต้นเก่งมาก เราต้องไปอยู่ที่โน่นเลย พิ้งกี้ยังไม่พร้อม ก็ขอทำงานที่นี่ไปก่อนดีกว่า คิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่ อีกสัก 2-3 ปีค่อยว่ากันใหม่”
มันเหมือนเป็นการให้เกียรติกันและกัน เพราะต่างคนก็ต่างเป็นนักแสดง วันที่ไปร่วมงานพิ้งกี้ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้เข้าไปในงาน และงานก็เข้ายากมาก ค่าบัตรเข้างานใบละแสน เป็นงานประกาศรางวัลที่ยิ่งใหญ่มากดาราอินเดียจะไปร่วมงานกันหมด”
ได้มีโอกาสคุยเรื่องงานด้วยมั้ย?
“คุยหลายอย่าง ก็ชวนให้ไปร่วมงานหลาย ๆ ด้าน เช่น ถ่ายแบบ และ ถ่ายหนัง อย่างก่อนที่จะกลับมาเมืองไทยพิ้งกี้ก็ไปถ่ายแบบมา ตอนที่อยู่ที่นั่นก็มีโอกาสให้สัมภาษณ์นักข่าวที่อินเดียด้วย ก็เริ่มรู้จักเราบ้าง พอเราบอกว่าเรามาจากเมืองไทยก็เหมือนกับเป็นการโปรโมทประเทศไทยไปด้วย พวกเขาก็สงสัยกันว่าทำไมคนไทยมีหน้าแขกด้วยเหรอ แต่เขาก็ให้การต้อนรับเราดีมาก
ส่วนเรื่องงานนั้น ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย
เพราะเรื่องตรงนี้มันขึ้นอยู่ที่เรามากกว่าว่าพร้อมที่จะไปเต็มตัวหรือเปล่า ถ้าคิดจะไปทำงานที่นั่นเราต้องไปเรียนภาษา ต้องเรียนเต้นด้วย เพราะนางเอกที่นั่นเต้นเก่งมาก เราต้องไปอยู่ที่โน่นเลย พิ้งกี้ยังไม่พร้อม ก็ขอทำงานที่นี่ไปก่อนดีกว่า คิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่ อีกสัก 2-3 ปีค่อยว่ากันใหม่”
...คิดหนักเหรอที่จะต้องไปอยู่ที่โน่น...
“ก็คิดไม่หนักนะ อินเดียก็เหมือนฮอลลีวู้ด โอกาสที่เราจะได้ไปทำงานตรงนั้นมันยากมาก ถ้าได้ก็ดีใจ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร มันอยู่ที่ดวงและโอกาสมากกว่า แล้วอีกอย่างเราต้องถามผู้ใหญ่ทางช่องด้วย แต่ช่วงนี้ไม่ได้แน่นอน เพราะเรายังติดงานละครที่เมืองไทย ขอทำหน้าที่ตรงนี้ก่อน”
เป็นเพราะติดสัญญากับช่อง 7 หรือเปล่า?
“ไม่เกี่ยวเลย จริง ๆ งานที่อินเดียเป็นงานอดิเรกที่ทำให้เราได้ไปเห็นโน่นเห็นนี่มากกว่า และเวลาเราจะทำอะไรเราก็ต้องรอถามทางช่องก่อน ซึ่งพิ้งกี้เชื่อว่าถ้าผู้ใหญ่คิดว่างานนั้นดี เขาก็คงให้เราทำอยู่แล้ว”
...กับ มีโม่ ล่ะมีท่าทีมาจีบมั้ย...
“เป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรแน่นอน ตอนที่ไปงานเปิดตัวที่นั่นคนก็คงงงว่าพิ้งกี้เป็นใครทำไมมาเดินกับมีโม่ เขาก็มาถามนะว่ารู้จักกับมีโม่ได้ยังไง”
...พี่อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์ ว่าอย่างไรบ้าง...
“เขาก็แซว ๆ ว่าเดี๋ยวนี้ชอบแบบนี้แล้วเหรอ แซว ๆ มากกว่า แต่ก็ไม่ได้อะไร อย่างถ้าพิ้งกี้จะไปทำงานที่โน่น เขาก็คงไม่ห้ามอะไร เขายังบอกเลยว่า ถ้าพิ้งกี้จะไปทำงานที่นั่นจริง ๆ เดี๋ยวจะลาออกไปเป็นคนขับรถให้ที่โน่น”
“ก็คิดไม่หนักนะ อินเดียก็เหมือนฮอลลีวู้ด โอกาสที่เราจะได้ไปทำงานตรงนั้นมันยากมาก ถ้าได้ก็ดีใจ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร มันอยู่ที่ดวงและโอกาสมากกว่า แล้วอีกอย่างเราต้องถามผู้ใหญ่ทางช่องด้วย แต่ช่วงนี้ไม่ได้แน่นอน เพราะเรายังติดงานละครที่เมืองไทย ขอทำหน้าที่ตรงนี้ก่อน”
เป็นเพราะติดสัญญากับช่อง 7 หรือเปล่า?
“ไม่เกี่ยวเลย จริง ๆ งานที่อินเดียเป็นงานอดิเรกที่ทำให้เราได้ไปเห็นโน่นเห็นนี่มากกว่า และเวลาเราจะทำอะไรเราก็ต้องรอถามทางช่องก่อน ซึ่งพิ้งกี้เชื่อว่าถ้าผู้ใหญ่คิดว่างานนั้นดี เขาก็คงให้เราทำอยู่แล้ว”
...กับ มีโม่ ล่ะมีท่าทีมาจีบมั้ย...
“เป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรแน่นอน ตอนที่ไปงานเปิดตัวที่นั่นคนก็คงงงว่าพิ้งกี้เป็นใครทำไมมาเดินกับมีโม่ เขาก็มาถามนะว่ารู้จักกับมีโม่ได้ยังไง”
...พี่อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์ ว่าอย่างไรบ้าง...
“เขาก็แซว ๆ ว่าเดี๋ยวนี้ชอบแบบนี้แล้วเหรอ แซว ๆ มากกว่า แต่ก็ไม่ได้อะไร อย่างถ้าพิ้งกี้จะไปทำงานที่โน่น เขาก็คงไม่ห้ามอะไร เขายังบอกเลยว่า ถ้าพิ้งกี้จะไปทำงานที่นั่นจริง ๆ เดี๋ยวจะลาออกไปเป็นคนขับรถให้ที่โน่น”
https://www.facebook.com/teeneedotcom