จับตาเส้นทางพระเอกจะรุ่งหรือจะร่วง

จับตาเส้นทางพระเอกจะรุ่งหรือจะร่วง

เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ดาราวัยรุ่นหน้าใสพากันแจ้งเกิดกันอย่างถ้วนหน้าสำหรับวงการภาพยนตร์บ้านเราในช่วงนี้

แต่ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามวัฏจักรของธรรมชาติ คือ เมื่อมีเกิด มีตั้งอยู่ และย่อมต้องมีดับสูญ

ลองมาดูกันว่า เหล่า “พระเอก” วัยไม่เกินยี่สิบต้นๆ ที่กำลังมีชื่อเสียงเปรี้ยงปร้าง ใครบ้างที่น่าจับตาถึงอนาคตบนเส้นทางแห่งโลกมายาสายนี้ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าหากเขาคิดจะเดินก้าวไปอย่างจริงจัง


“โอ้ มาริโอ้ เมาเร่อ” (4 ธันวาคม พ.ศ.2531)

นายแบบ นักร้อง นักแสดงที่แจ้งเกิดได้อย่างงดงามกับบท “โต้ง” จากภาพยนตร์เรื่อง “รักแห่งสยาม” ทั้งรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากนิตยสารสตาร์พิกส์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอเชียนฟิล์ม สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Best Supporting Actor) , เข้าชิงรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิงครั้งที่ 16 ประจำปี 2550 ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และรางวัลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส ครั้งที่ 6 ในสาขาผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม

หนุ่มวัย 19 คนนี้ ถือได้ว่าเป็นนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังได้รับการจับตาเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของฝีไม้ลายมือตลอดจนรูปร่างหน้าตา ทว่าด้วยความที่เจ้าตัวนั้นเป็นคนที่พูดน้อยนั่นเอง จึงทำให้ถูกตั้งข้อหาหยิ่งในบางครั้ง ซึ่งกับการที่เขาได้ตัดสินใจที่จะปฏิเสธบทบทการเล่นเป็นลูกของบุญชู ให้กับค่ายไฟว์สตาร์ โดยให้เหตุผลว่าตัวเองไม่เหมาะกับบทดังกล่าว รวมถึงการปฏิเสธที่จะเล่นละครให้กับทางช่อง 3 เพราะยังไม่พร้อมนั้น แม้แง่หนึ่งจะมองได้ว่าเจ้าตัวเป็นคนเลือกมาก แต่ถ้ามองกันในแง่ดีก็ต้องถือว่าเขามีความพิถีพิถันในการทำงาน เพราะต้องการที่จะให้ผลงานที่ตนรับผิดชอบนั้นออกมาดีที่สุดก็เป็นไปได้

สำหรับจุดอ่อนของนักแสดงหนุ่มคนนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของกระแสข่าวต่างๆ ที่ออกมา ทั้งเรื่องเกย์ ทั้งเรื่องการคบหากับแฟนสาวที่มีชื่อว่า “กุ๊บกิ๊บ” นั่นเอง


“แน็ก ชาลี ไตรรัตน์” (ปอทเจส) (19 มกราคม 2536)

เป็นนักแสดงอีกคนหนึ่งที่หลายคนมีโอกาสเห็นพัฒนาการของเจ้าตัวตั้งแต่เด็กกระทั่งเข้าสู่หนุ่มวัยรุ่น ไล่ไปตั้งแต่ ผลงานภาพยนตร์ชิ้นแรก “กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้” ก่อนจะมาดังเปรี้ยงปร้างกับบท “เจี๊ยบ” เด็กขี้แยใน “แฟนฉัน” ถัดมาโตอีกนิด “เด็กหอ” “สุดสาคร” และล่าสุดกับ “ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น”

แม้จะดูเป็นการเอาใจเด็กตามกระแสของความนิยมในตัวหนัง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเด็กน้อยวัย 15 กว่าๆ คนนี้เคยคว้าเอารางวัลพระสุรัสวดีในปีที่มีคู่แข่งเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือทั้ง น้อย วงพรู และ ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง มาแล้ว โดยปัญหาเดียวของหนุ่มแน็ก นอกจากเรื่องของการวางตัวที่หลายคนมองว่าเขาติสท์เกินวัย อาร์ตเกินตัวแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรักซึ่งมักปรากฏเป็นข่าวออกมาบ่อยครั้งทั้งรัก ทั้งเลิก นั่นเอง

“ไม่เข็ด เฉยๆ มันเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนต้องมี มันเป็นช่วงที่ต้องเป็นแบบนี้ๆๆๆ แต่ผ่านไปได้ก็โอเค.เราไม่ได้เครียดกับมัน คิดว่าครั้งหน้าถ้ามีความรักอีก อาจไม่เป็นถึงขนาดนี้ เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว (ตอนนี้เปิดใจคุยกับสาวใหม่?) ไม่มี ไม่มีคนคุยด้วย เพราะโทรศัพท์ก็ไม่พก ไม่ยุ่งอะไรเลย เราอย่าไปหา อย่าไปไขว่คว้าเดี๋ยวมันก็มาเอง ตอนนี้เลยไม่มีใคร (หัวเราะ)” เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อครั้งที่เลิกกับแฟนสาวที่คบหากันมา


พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล (20 กรกฎาคม พ.ศ. 2532)

แม้ “รักแห่งสยาม” จะไม่ทำให้ชื่อของ หนุ่มพิช ในบทของ “มิว” โด่งดังเท่ากับมาริโอ้ที่แสดงร่วมกันในหนังเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าว่ากันถึงฝีไม้ลายมือทางด้านการแสดงแล้วต้องบอกว่าหนุ่มวารสารศาสตร์ มธ.ปี 1 จากจังหวัดเชียงใหม่ คนนี้ไม่เป็นรองใคร โดยมีรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม “เฉลิมไทยอวอร์ด ครั้งที่ 5” ประจำปี พ.ศ.2550 รวมถึงการได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 17 และรางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 16 ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นเครื่องยืนยัน

นอกจากเรื่องของการแสดงแล้วที่ดูจะเด่นๆ มากๆ ในตัวของหนุ่มคนนี้คือทักษะการเล่นดนตรี (เปียโน) รวมถึงการร้องเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลง “ไม่เป็นไร (สมมติว่า รีมิกซ์)” ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์ “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง” รวมถึงเกือบจะทุกเพลงในภาพยนตร์เรื่องรักแห่งสยามโดยมีเพลงที่เขาทั้งร้องและแต่งเองอย่าง “รู้สึกบ้างไหม” ก่อนจะมีผลงานอัลบั้ม “august * thanx” ออกมาในนามของ วงออกัส

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้พิชเคยร่วมงานกับผู้กำกับรักแห่งสยามมาแล้วในการเป็นตัวประกอบจากหนังเรื่อง “13 เกมสยอง” และหลังจากรักแห่งสยามแล้วทั้งคู่ก็ยังได้มีโอกาสร่วมงานกันอีกครั้งในหนังสั้นชื่อ “Dopamine” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักในมุมมองทางวิทยาศาสตร์


ไมเคิล ศิรชัช เจียรถาวร (28 พฤษภาคม พ.ศ.2535)

ผ่านงานโฆษณามาหลายต่อหลายชิ้นรวมถึงงานละครอย่าง ครูไหวใจร้าย , เหมราช ในที่สุดแววตาที่ชวนเศร้าๆ ของหนุ่มวัย 16 คนนี้ก็ไปเข้าตาผู้กำกับ “ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์” จนได้มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง “เด็กหอ” ในบทของ “วิเชียร”

ในระยะแรกชื่อของไมเคิลดูจะไม่เป็นที่จับตาสักเท่าไหร่นัก เพราะจุดโฟกัสส่วนใหญ่จะไปตกอยู่ที่หนุ่มแน็กซึ่งโด่งดังมาอย่างถล่มทลายจากภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน ทว่าๆ ในระยะหลังชื่อของเขาก็ค่อยๆ เบียดพระเอกแฟนฉันจนขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกัน หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำเมื่อพิจารณาจากบทบาทที่ได้รับในหนังเรื่องเด็กหอ และนั่นเองที่ทำให้เขาได้มีโอกาสรับงานแสดงอีกครั้งใน “ปิดเทอมใหญ่...หัวใจว้าวุ่น” ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

เมื่อพิจารณาถึงรูปร่างหน้าตารวมถึงนิสัยแล้ว หนุ่มน้อยคนนี้น่าจะเป็นดารารุ่นใหม่อีกคนที่มีอนาคตสดใสทีเดียว


บอล วิทวัส สิงห์ลำพอง (12 มีนาคม พ.ศ.2531)

ด้วยวัย 20 ปี หนุ่มบอลจึงถือว่าเป็นรุ่นพี่ของบรรดานักแสดงดาวรุ่งทั้งหลายในช่วงนี้ โดยก่อนหน้าที่เขาจะมาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในภาพยนตร์เรื่อง “Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” หนุ่มบอลได้ผ่านงานในวงการมาแล้วหลายต่อหลายงานเนื่องจากเจ้าตัวนั้นสมัครเข้าสังกัดโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งมาตั้งแต่อายุ 15 มีผลงานโฆษณา อาทิ ดินสอสี Master Art , โค้ก , ขนมปาร์ตี้ งานถ่ายแบบนิตยสาร The Boy , ICE

หลังจบจากงานภาพยนตร์ Seasons Change เจ้าตัวก็ได้ไปร่วมแสดงละครเรื่อง “นารีสโมสร” รวมถึงงานพิธีกรรายการ “รถโรงเรียน” ก่อนจะมีโอกาสกลับมารับงานภาพยนตร์เรื่อง “สี่แพร่ง” รวมถึงละคร “ตราบดินสิ้นฟ้า”

วิเคราะห์จากข่าวเกี่ยวกับผู้หญิงที่ออกมาทั้งเรื่องของแฟนเก่าอย่าง “แจน มัชฌิเม จินดารักษ์” ข่าวกุ๊กกิ๊กกับนางร้ายเซ็กซี่ “ลูกตาล อาริษา วิลล์” รวมถึงงานต่างๆ ที่เขารับทำซึ่งค่อนข้างจะหลากหลายแล้ว เจ้าตัวคงจะอยู่ในเส้นทางบันเทิงไปอีกนานอย่างแน่นอน ส่วนจะได้ชื่อว่าเป็น “พระเอกขายดี” - “พระเอกคุณภาพ” นั้นคงจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร


ปิดท้ายกันที่ว่าที่พระเอกใหม่ของวงการ “อาร์ตี้ ธนฉัตร ตุลยฉัตร”

หนุ่มวัย 18 ปี จากจังหวัดขอนแก่น ผู้ที่จะมารับบทเป็น “บุญโชค” ลูกชายของ บุญชู ในภาพยนตร์เรื่อง “บุญชู 9” อีกหนึ่งโปรเจกต์ใหญ่ในรอบปีนี้ของค่ายไฟว์สตาร์ โดยผู้กำกับรุ่นใหญ่คนเดิม “บัณฑิต ฤทธิ์ถกล”

ความสามารถทางด้านการแสดงของหนุ่มคนนี้คงต้องรอหลังจากที่หนังบุญชูได้ออกมาให้ยลโฉมกัน แต่ที่หยิบยกชื่อขึ้นมาให้จับตา ก็คือ เรื่องความต้องการในการเข้าสู่เส้นทางวงการบันเทิง โดยว่ากันว่าวันที่รับสมัครหานักแสดงผู้มารับบทนี้นั้นทางฝ่ายผู้เป็นบิดาของเขาลงทุนขับรถพาเจ้าตัวมาที่กรุงเทพฯ เลยทีเดียว

อีกประการหนึ่ง ก็คือ แม้หนุ่มคนนี้จะใหม่ในเรื่องของการแสดง แต่ที่ผ่านมาในโลกของอินเทอร์เน็ตเจ้าตัวค่อนข้างจะมีชื่อเป็นที่รู้จักอยู่พอสมควรทีเดียว อย่างไรก็ตามเสียงสะท้อนเกี่ยวกับเขาที่มีการโพสต์กันนั้น นอกจากอาการปลื้มอกปลื้มใจในความหล่อเหลาแล้วก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียวที่ออกอาการหมั่นไส้และเอาเรื่องลับๆ ของเขาออกมาเปิดเผย

อนาคตหากเจ้าตัวมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา เชื่อว่าหนุ่มอาร์ตี้คนนี้น่าจะเป็นดาราคนหนึ่งที่ข่าวค่อนข้างชุกอย่างแน่นอน


************คุณคิดว่าใครจะรุ่งรึจะร่วง************


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์