ชินโดนสายตาบูลลี่! พีเค รับดวงซวยถูกกล่าวหาติดโควิด

มีประเด็นให้ได้เคลียร์กันเลยทันทีหลังพิธีกรคนดังถูกข่าวลวงว่าติดเชื้อโควิดจนกระทบงานทำให้ถูกยกเลิกรัวๆ ต่อมาเจ้าตัวมีชื่อเสี่ยงติดเชื้อเพราะใกล้ชิด ดีเจมะตูม ที่เพิ่งประกาศติดโควิดไป

งานนี้เลยทำให้หนุ่ม พีเค-ปิยะวัฒน์ ถึงกับเซ็งเบาๆ แม้จะตรวจ 3 รอบแล้วไม่ติด แต่สายตาคนที่มองมากลับดูรังเกียจตัวเองมากๆ ล่าสุดเจอตัวหนุ่มพีเคเลยไม่พลาดต้องอัพเดทเรื่องนี้ทันที 
 
พีเค เผยว่า ...ผมบอกเลยว่าที่อยู่บ้านกักตัว คือแข็งแรงมาก เพราะเรามีเวลาดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย อายุ 46 ปีคือฟิตที่สุดแล้ว จิ้มไปตรงไหนก็แข็งแรง เป็นกล้ามเนื้อหมด แต่สถานการณ์ตอนนั้นที่เราไม่ได้ทำงานเลยคือเงินหายไปเยอะมาก คนทำฟรีแลนซ์อย่างเรา ถ้าตัวอยู่ เงินก็ได้ ตัวไม่อยู่ก็จบกัน เราไม่สามารถไปไหนได้เลย อีเว้นท์ต่างๆ ก็โดนแคนเซิล เท่ากับศูนย์ แต่โชคดีมากๆ ที่ตอนปลายปี ต้นเดือน มค. เราทำงานไว้เยอะ และมีเงินเก็บไว้ที่ทำให้เราสามารถอยู่ได้ ก็เลยรอดตัวไป ตอนที่มีชื่อเสี่ยงเป็นผู้ติดเชื้อ(หัวเราะ)ก็ซวยไงครับ แต่เอาจริงๆ ถ้าตอนนั้น คุณก็ออกมาทำงานปกติ เพราะคุณไม่รู้เลยว่าคนไหนเป็น หรือใครจะผ่านเส้นทางของการแพร่โควิดมา เรารู้อย่างเดียวว่าหน้าที่เราคือทำงาน คนที่จะมาร่วมงานกับเรา เราเลือกไม่ได้ อะไรจะเกิดมันก็เกิด เราเลือกไม่ได้ และถ้ามันเกิดกับเราแล้ว ดูแลตัวเองคนรอบข้าง

ตอนโดนแคนเซิลงานปีที่แล้วคือช็อค พูดได้เลยว่า เม็ดเงินมันเหลือแค่ศูนย์หมดเลยแย่แล้ว ทำไงกับชีวิตดี แต่พอครั้งนี้โดนเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 แล้ว พอมีคนโทรมาแคนเซิล เราก็เข้าใจเขา ก็ยิ้มๆ ไป ไม่ว่ากัน ทำใจได้มากขึ้น มะตูมเขาก็ขอโทษๆ จะมีกรุ๊ปไลน์ของดีเจเอไทม์อยู่ เขาก็ขอโทษเรา เราไม่ว่าอะไร อะไรที่เขาทำมาและได้รับมา เขาก็จะออกมาขอโทษสื่อเอง แต่พอเรารู้ว่าเขาเป็นแล้ว เราจะทำยังไงกับชีวิตเรา เราจะดูแลตัวเองยังไง ไม่ให้คนรอบข้างเป็นห่วงเรา อย่างความรู้สึกเรา แค่จากที่จอดรถเดินไปขึ้นลิฟท์ สายตาที่มองมา ยี้ ตัวนี้มา ไอ้ตัวขี้(ยิ้ม) แต่เราเข้าใจ ไม่ได้ว่าอะไร ไปออกกำลังกาย ก็มีคนไปบ่นกับนิติ แต่ระหว่างนั้นเราไปตรวจมา 3 รอบแล้ว ผลก็เป็นลบ แต่ก็รอให้ครบ 14 วัน เราก็ไปตรวจอีก ผลก็เป็นลบ เราชินนะกับสายตาบูลลี่ ตราบใดที่ภรรยา คุณแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ คุณหลานโอเค ผมไม่มีปัญหาอะไรเลย ใครจะคิดยังไง ผมไม่ว่าเลยครับ

พีเค เล่าต่อว่า ...สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการกักตัวครั้งนี้คือจน(ยิ้ม) ผมกักตัว 14 วัน เพราะครั้งแรกที่ตรวจ เข้าเวิร์คพ้อยท์ไม่ได้ เป็นการตรวจด้วยการเจาะเลือด และผลของเราออกมาเหมือนมีความเสี่ยงว่าจะเป็น ขึ้นมา 2 ขีด พอเราจะกลับมาทำคุยแซ่บโชว์ ยังไม่ถึงแกรมมี่ งานวันนั้นโดนยกเลิกรวดทีเดียว งั้นขอไปตรวจเพื่อให้ทุกคนสบาย สรุปรอด ครั้งที่ 2 ไปตรวจตอนมะตูมติดก็รอด และครั้งที่ 3 ที่เพิ่งไปตรวจมาก็รอด ตอนนี้โพรงจมูกจะเชื่อมกันอยู่แหละ จิ้มกันแรงมาก บางทีเขาจิ้มข้างเดียว รพ.รามคำแหงจิ้มสองข้าง อย่างคุณชมพู่ ก่อนบ่าย คุณโยเกิร์ต ทุกคนโดนสองข้างหมด ส่วนเรื่องคุรพ่อที่เพิ่งเสีย ถ้ารู้จักพ่อผม พ่อเป็นคนที่ชิลมาก พ่อจะเป็นคนที่พูดเล่นด้วยตลอด มุกปัญญาอ่อนที่เห็นว่ามีทุกวันนี้ได้กับความตลกกึ่งปัญญาอ่อนส่วนหนึ่งก็ได้มาจากพ่อ เพราะฉะนั้นถ้าเห็นผมคุยเล่นเรื่องพ่อ มันเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นการบำบัดความรู้สึกมากกว่า ตอนนี้คนที่เศร้าสุดคือแม่ สงสารแม่ เมื่อเช้านี้เขาเพิ่งจะไปลอยอังคารที่สัตหีบ แต่ผมไม่ได้ไปเพราะมีงานนี้ แล้วก็มีแฉข่าวเช้าวิทยุ เลยบอกเขาว่าเราไปงานศพทุกวันแล้ว เผาเราก็ไป ขอไม่ไปวันหนึ่งแล้วกัน เพราะเราแค่รู้สึกว่าไปไม่ไปพ่อก็เสียไปแล้ว และเราถูกกักไม่ได้ทำงานมา 14 วัน ถึงเวลาทำแล้วขอไม่หยุดดีกว่า
 
สาเหตุที่พ่อผมจากไป ท่านเป็นลูคีเมีย เป็นมะเร็งในเม็ดเลือด และกำลังรักษาตัวเองอยู่แต่ว่าเกิดเกล็ดเลือดต่ำ เลยต้องมาโรงพยาบาลทุกวัน แล้วทุกเช้าพี่ชายคนกลางของผมจะพาพ่อไปรพ. แล้วทีนี้เช้าวันหนึ่งอาทิตย์ที่แล้ว แกลุกขึ้นมากินข้าว กินนม อาบน้ำ กำลังจะใส่กางเกงบนเตียง แล้วก็ล้มตุ๊บลงไปบนเตียง ล้มแบบคนนอน เส้นเลือดในสมองแตกแล้วก็ไปเลย ไปถึงหมอ หมอก็บอกว่าไม่ทันแล้ว 99 เปอร์เซ็นต์สมองไปหมดแล้ว เราก็เข้าใจ และไปวันแรกเลยที่พ่อเข้ารพ. ไปวันที่สองวันที่สาม แล้วก็ไปที่วัดวันแรก สวดวันที่สองที่สาม แล้วก็เผาเมื่อวานนี้ จะบอกว่าท่านโชคดีกว่าคนที่เสียชีวิตที่ผมรู้จักที่ผ่านๆ มาเยอะมาก เพราะว่าหลายคนเจ็บปวดก่อนตาย แต่พ่อผมไปแบบหลับไปเลย