โบวี่ อัฐมา เผยรักครั้งใหม่กับแฟนหนุ่มนอกวงการ ยอมรับมือลั่นลงรูป
โบวี่ อัฐมา : ไม่เคยคิดเรื่องกลัวเลิก แต่ว่ามีความสุขดีที่อยู่แบบนี้ไม่ต้องมีใครรู้จักเขา และเราก็ไม่ได้มีการตกลงอะไรในเรื่องของการโพสต์รูปเพราะเขาก็ไม่ได้โพสต์เหมือนกันมันเลยกลายเป็นความรู้สึกที่ดีเพราะเขาไม่ได้อยากมีตัวตน อยากเป็นข่าว คือ เพราะที่เขาคุยกับเราเพราะเขาอยากคุยกับเรา
โบวี่ อัฐมา : ไม่ใช่ค่ะ คือ จริงๆเหตุผลที่ เรารู้สึกว่าคนคนนี้ที่เขาเข้ากับเราได้ก็เพราะว่า เราเป็นคนที่ไม่ค่อยเหมือนใครคือหลังจากที่ตัวของ โบ เองได้มีโอกาสได้พบพูดคุยกับบุคคลหลายรูปแบบ หลายฐานะอะไรอย่างนี้ หลายฐานะแล้วเรารู้สึกว่าเราได้ค้นพบตัวเราเองว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหาเงินอะไรขนาดนั้น อย่างเมื่อก่อนเราจะรู้สึกว่าเราจะต้องสร้างฐานะ แต่พอเรามีแล้วเราก็จะคิดต่อไปอีกว่าเราจะก้าวไปสู่ข้างหน้าต่อยัง สเต็ปต่อไปคือยังอะไร เหมือนก่อนเราเป็นอย่างนั้น แต่พอมาปฏิบัติธรรมจริงๆเหมือนความรู้สึกข้างในเปลี่ยนไปทำให้เรารู้สึกว่าการหาเงินเสียเวลา (คือเราไม่ได้บอกว่าการหาเงินเสียเวลาไม่ได้บอกว่าต้องง้อมือง้อเท้านะ) แต่การที่เราหาเงินไปเรื่อยแล้วไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่มันเสียเวลา เพราะเรามองย้อนมาดูตัวเราเองตอนนี้ว่าทรัพย์สินที่มีอยู่มันไม่ได้เยอะขนาดนั้นแต่ถามว่ามันพอไหมพอ รายได้ต่อเดือนพอใช้ไหมพอ แต่ถ้าเรายังหาๆจนไม่มีเวลาแต่เวลาที่เราตายไปแล้วเราไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลยนะ สู้เรารู้จักแบ่งเวลาคือครึ่งหนึ่งทำงาน อีกครึ่งไปปฏิบัติธรรม ไปช่วยเหลือสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถนำติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปได้ แต่เงินเรามีเงินแค่ไหนเราตายไปคือมันหมดชาตินี้เลยนะ(ไอเดียเราเป็นแบบนี้) แล้วพอเราไปเจอคนที่นักธุรกิจคนที่มีมั่งคั่งมาก ความคิดของเขาไม่ตรงกับเราเพราะเมื่อเขาสำเร็จหนึ่งระดับแล้วเขาก็จะไปก้าวที่สองแล้วก็ขยายต่อๆไป ซึ่งเราไปอยู่ตรงนั้นแล้วเรารู้สึกว่าเราอยู่ไม่ได้เพราะว่าเรารู้สึกเสียเวลา แต่พอเราเจอคนคนนี้ คือ เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นคือเขาก็ไม่ได้รวยอะไรมากมาย แต่เขาก็สามารถอยู่สบายๆโดยที่แบบไม่ต้องพยายามไปหาอะไรเพิ่ม
โบวี่ อัฐมา : ครั้งแรกตอนนั้นอกหัก !! แล้วเพราะเราอกหักตลอดเวลา โบ เป็นคนใจร้อนขี้โมโหเอาแต่ใจ (ตอนนั้นเราไม่รู้ตัวเองเลยเพราะเอาแต่โทษคนอื่น) แต่พอเราได้มาปฏิบัติธรรมแล้วกลายเป็นว่าสิ่งที่เราโทษๆคนอื่นมาตลอดไม่ใช่เพราะคนอื่นแต่เป็นเพราะตัวเราเองที่ทำเรื่องเสีย (แต่ส่วนใหญ่ที่เราวีนเหวี่ยงใส่จะเป็นแฟน) คนทั่วไปไม่ค่อยมี แต่ที่มีคนบอกว่าคนในกองมีโดนเราวีน คือ ต้องอธิบายแบบนี้ค่ะ คือ เราเป็นคนที่เสียงดุ แล้วเวลาที่เราโกรธเสียงเราจะแบบ ดุ มาก บางทีเรานั่งเฉยๆนิ่งๆหน้าเราเหวี่ยงมาก แต่จริงๆเราไม่ได้เป็นอะไรเลย
เป็นคนที่มีอารมณ์วีน ขนาดนี้แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายไปเป็นนักออกแบบดีไซน์บ้านได้
โบวี่ อัฐมา : งานที่ทำเกี่ยวกับแต่งบ้านคือ เพิ่งเริ่มทำเองค่ะหลังจากที่ไปปฏิบัติธรรมมา คือ โบ ไปซื้อบ้านแล้วเราก็ไปเลือกซื้อของเองไปศึกษาหาความรู้เรื่องของการตกแต่งเพราะเราสร้างบ้านนานเราเลยได้มีโอกาสศึกษาพูดคุยกับสถาปนิก อินทีเรีย ทั้งช่าง วิศวกร จนเรามีความชอบเราเลยทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน
แล้วตอนนี้บ้านแต่งเสร็จเรียบร้อยยังของ โบวี่ เอง แล้วคิดว่าจะเอาไว้เป็นเรือนหอไหม
โบวี่ อัฐมา : เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ไม่ได้คิดว่าเอาไว้เป็นเรือนหอเพราะเรือนหอขอแบบเล็กๆไม่ใหญ่มาก เพราะที่เราอยากได้เรือนหอเล็กๆเพราะว่าเรารู้สึกว่าบ้านของเราที่สร้างไปคือ ใหญ่เกินกว่าเหตุพื้นที่ดินที่เราสร้างบ้านเกือบครึ่งไร่ แต่เรารู้สึกว่าเราไปปฏิบัติธรรมห้องที่เราอยู่คือ 2 เมตรเองเราก็รู้สึกว่าเท่านี้ก็อยู่ได้แล้วคนที่ โบ คุยอยู่เขาก็ไปปฏิบัติธรรมกับเราเหมือนกันเขาก็เห็นด้วยว่าใหญ่ๆดูแลยาก เล็กๆที่เราอยู่ได้ก็เพียงพอแล้วกับชีวิต
https://www.facebook.com/teeneedotcom