“อีฟ” เปิดใจหลังศาลนัดสืบพยาน คดี “กานต์-แซนวิช” ไลฟ์สดไล่

จากกรณีศาลนัดสืบพยานในคดีที่ "อีฟ แม็กซิม" หรือ "อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์" เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง "กานต์-วิภากร ศุขพิมาย" ภรรยา "เสก โลโซ" หรือ "เสกสรร ศุขพิมาย" เป็นจำเลยที่ 1 และอดีตภรรยาเสก โลโซ "แซนวิช-ปภาดา โชติกวณิชย์" เป็นจำเลยที่ 2 กรณีร่วมมือกันไล่ "อีฟ" ออกจากบ้าน พร้อมทำการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กให้ประชาชนรับรู้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2562

โดย "อีฟ" ได้ยื่นฟ้องทั้ง 2 คนไว้คนละ 2 ข้อหา คือ 1.ข้อหาข่มขืนใจ ในส่วนที่มีการร่วมกันบุกไปที่บ้านและไล่อีฟออกจากบ้าน 2.ข้อหาหมิ่นประมาท จากที่ทางกานต์ไลฟ์สดและมีข้อความบางช่วงบางตอนส่อไปในทางหมิ่นประมาทนั่นเอง

ซึ่งทางด้าน "อีฟ อภิสร์ญา" ผู้เป็นโจทก์ก็เดินทางมาพร้อมกับคุณแม่ ในขณะเดียวกัน "กานต์ วิภากร" จำเลยที่ 1 และ "แซนวิส ปภาดา" จำเลยที่ 2 ก็ได้เดินทางมาสืบสืบพยานในวันนี้ด้วย ซึ่งจำเลยทั้ง 3 คน หลังจากออกมาจากศาลก็เดินทางกลับบ้านทันที แต่ทีมข่าวของเราก็ได้คุยกับคุณอีฟถึงการดำเนินคดีขั้นต่อไปถึงความคืบหน้าว่า

โดยการนัดสืบพยานจากจำเลยทั้ง 2 คนก็ผ่านไปด้วยดี ใช้เวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึงเวลาประมาณ 15.40 น. รวมแล้วเกือบ 6 ชั่วโมง ส่วนตัวแล้วจากการฟังคำให้การของจำเลยทั้ง 2 คนก็บอกว่ามีหลายอย่างที่ถูกพูดเพียงแค่มุมของเขา แต่อย่างไรก็ตามหลักฐานซึ่งเป็นคลิปไลฟ์สดที่ตนนำมายื่นค่อนข้างที่จะชัดเจน สามารถดำเนินคดีกับทั้ง 2 คน

เมื่อถามว่า ณ เวลานี้ยังมีโอกาสไกล่เกลี่ยกันได้ไหม อีฟก็บอกว่า "วันนี้ศาลได้ถามแล้วว่าคดีนี้เป็นคดีที่ทั้ง 3 คนฟ้องกันเอง จะไกล่เกลี่ยไหม?" ซึ่งอีฟก็ให้เหตุผลว่าด้วยเวลาที่ผ่านมาปีกว่า มันหมดช่วงเวลาที่จะต้องไกล่เกลี่ยกันแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายอย่างเดียวและไม่ยินดีรับเงิน 7 ล้านบาท เพื่อจบคดีตามคำแนะนำของทนายความฝั่งจำเลยก่อนหน้านี้ที่เคยเสนอมา

นอกจากนี้ "อีฟ" บอกว่าหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนและจำเลยทั้ง 2 คนก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือการแสดงความสำนึกผิดใดๆ จากทั้ง 2 คนและไม่มีความประสงค์ที่อยากคุยกันด้วย เนื่องจากตนมองว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ ดังนั้นใครที่ทำอะไรไว้ก็ควรที่จะได้รับผลของการกระทำนั้น เช่นเดียวกับ "เสก โลโซ" ตนก็เปิดใจว่าหลังเกิดเหตุไม่มีการพูดคุยอะไรกัน เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้ว

สุดท้าย "อีฟ" ก็บอกว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียแก่ตนมาก แต่วันนี้ไม่ได้จมปลักกับเรื่องราวนี้แล้ว พร้อมเดินหน้าต่อไป หลังจากนี้ศาลได้มีการนัดฟังคำแถลงอีกครั้งในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 เวลา 13.00 ที่ศาลมีนบุรี