น้องขวัญ เห็นกล้อง..วิ่งเข้าหาทุกที

หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย น้องขวัญ เห็นกล้อง..วิ่งเข้าหาทุกที

ข่าวดาราล่าสุด star.teenee.com
บันเทิงดารา entertain.teenee.com

เอ่ยชื่อ “น้องขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์” นางเอกสาวชื่อดังทางช่อง 7 สี

แฟนละครรู้จักกันดีอย่างแน่นอน เล่นละครเรื่องไหนก็ดังเปรี้ยงปร๊าง หลายคนอยากรู้เรื่องราวในวัยเด็กของเธอ ว่าน่ารักสดใสซาบซ่านขนาดไหน วันนี้เราจะพาไปย้อนวันวานของ “น้องขวัญ” “น้องขวัญ” ลืมตาดูโลก ในช่วงเช้าของวันพฤหัสที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2531 เป็นลูกคนที่ 2 ของครอบครัว

ในระหว่างที่คุณแม่ปราณีตั้งท้องน้องขวัญ คุณพ่อได้ฝันเห็นสร้อยเพชรลอยมาตรงหน้าต่างเป็นแพเลย

สร้อยแบบยี่เกน่ะ ตอนนั้นคุณแม่ไม่มีอาการแพ้ท้อง คิดว่าลูกคนนี้น่าจะเป็นผู้ชาย เพราะคนแรกได้ผู้หญิง(ลูกแก้วพี่สาว)หลังได้ยินคุณพ่อเล่า คุณแม่ถึงกับอุทานออกมาทันทีว่า ผู้หญิงมาอีกแล้ว

วันที่คุณแม่คลอดน้องขวัญ เล่นเอาตกใจกันทั้งบ้าน น้องขวัญทารกตัวน้อยผิวขาวจั๊ว..จั๊วจริงๆ จนหมอสงสัยว่าเป็นโรคซีด

ต้องเจาะปลายนิ้วมือวันละนิ้วๆ ไปตรวจเลือดดูก็อยู่ในระดับปกติ น้องขวัญเป็นเด็กเลี้ยงง่ายไม่งอแง ขนาดข้างห้อง(แฟลตตำราจ)ยังไม่รู้เลยว่า ในห้องนี้มีเด็กอยู่ คุณแม่เลี้ยงน้องขวัญด้วยนมแม่ จนอายุ 8 เดือน ต่อมาเข้าเรียนอนุบาลที่ร.ร.ถนอมพิศวิทยา น้องขวัญเป็นเด็กที่ไม่ยอมนอนกลางวัน จะเดินเล่นดูนู้นดูนี่ประสาเด็กอยู่เฉยไม่เป็น เข้าเรียนระดับมัธยมที่ร.ร.แม่พระฟาติมา เรียนบ้างเล่นบ้าง แต่หนักไปทางทำกิจกรรมของโรงเรียนซะมากกว่า เช่นโชว์การแสดงต่างๆ

น้องขวัญเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก ใครเห็นใครก็ชอบเหมือนถูกชะตาเขาไปทั่ว

จนวันหนึ่งมีโมเดลลิ่งมาเจอ ก็เลยชวนไปเทสโฆษณา เขาให้น้องขวัญทำอะไรทำได้หมด แต่ต้องมีของมาล่อ เช่นลิปสติก,แป้งผัดหน้า และเห็นกล้องที่ไหนวิ่งเข้าหาทุกที คุณแม่ปราณีเล่าว่า น้องขวัญเป็นคนขี้สงสาร เจอขอทานที่ไหนเป็นต้องเดินเข้าไปหา แล้วหยอดเงินให้เขา ช่วงโตเป็นสาวไม่ขอเงินแม่ (เวลาเห็นขอทาน) เปิดกระเป๋าแม่หยิบเงินให้เขาเฉยเลย เล่นเอาคุณแม่อึ้งไปเลย แต่ก็แอบชื่นชมลูกว่ามีน้ำใจเมตตาแก่ผู้อื่น ซึ่งคงเป็นผลมาจากที่คุณแม่อบรมเลี้ยงดูน้องขวัญ ขยันพาไปทำบุญเข้าวัดเข้าวา และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเสมอ

ความดีที่น้องขวัญได้สร้างสมมา จึงส่งผลให้ๆ”น้องขวัญ” ในวันนี้กลายเป็นนางเอกดาวเจิดจรัสของวงการบันเทิง และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)