อนันดา แฮปปี้ จี๊ดแต่ยังไม่ถึง แม่ของลูก

กลายเป็นพระเอกงานชุกอีกคนของวงการบันเทิง โดยเฉพาะงานหนัง จะเห็นว่า “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” มีงานหนังให้เราดูกันตลอด

ถือเป็นพระเอกหนังที่ขายดีที่สุดในพ.ศ.นี้ ล่าสุดจะมีหนังเรื่อง ‘เมมโมรี่ รักหลอน’ งานก็ดีควบคู่ไปกับเรื่องราวของความรักกับนางแบบหุ่นสะบึม “จี๊ด-แสงทอง เกตุอู่ทอง” ที่ไม่หวือหวาแต่ก็ถือว่า ลงตัว วันนี้ถือเป็นวันว่าง ‘อนันดา’ เลยมานั่งคุยกับเราแบบเปิดอกชิลล์ๆ ถามอะไรก็ตอบได้ เป็นกันเองแบบนี้นี่แหละคือเสน่ห์มัดใจสาวๆ ของหนุ่มเซอร์คนนี้

หนังปีนี้มีกี่เรื่อง ?

“มีหลายเรื่องครับ มีหนังสิงคโปร์ที่ถ่ายไปเมื่อชาติที่แล้ว จะเข้าฉายเร็วๆ นี้ ปีนี้ประมาณ 4 เรื่อง ลงโรงชัวร์ๆ”

กลัวคนดูเบื่อหน้ามั้ย ?

“เค้าจะเบื่อถ้าหนังไม่ดี ก็เสี่ยงเหมือนกัน ต้องลองดู ถ้าคนดูชม แต่หนังมันคนละอารมณ์กันหมด”

ความคาดหวัง ?

“ก็มีนะ อาจจะคาดหวังไม่ถึงเรื่อง ‘พลอย’ ?

เรื่องหลายๆ เรื่องมีเครียดกับบทบาทหรือเปล่า ?

“คือตัวละครมันมีเรื่องกังวลเยอะ พอได้พักแล้วมาดูเรื่องตัวละครอีกทีแล้วถ่าย เราไม่จำเป็นต้องแบกภาระของตัวละครตัวนี้ มันไม่ต้องเครียด24ชั่วโมง เราพยายามเอาเราเป็นบท อย่าเอาบทมาเป็นตัวเรา ผมจะนอนดูหนังฟังเพลงขี่มอเตอร์ไซด์ขึ้นดอย หาวิธีผ่อนคลาย แรกๆ จะมีปัญหาว่า เล่นแล้วมันเครียดเหลือเกินพอทำไปทำมา เหมือนกับเขาเบรคกองเลย แล้วมาดูกันหน่อย ทำยังไงไม่ต้องมีบรรยากาศเครียดมากขนาดนี้ พอเบรคเราไม่ต้องมาแบกรับภาระของตัวละครตลอดเวลา เราสามารถปล่อยวางได้ หลังจากนั้นไม่เครียด อย่าไปอินกับมันมาก”

อยากจะทำหนังของตัวเองแบบเป็นเรื่องเป็นราว ?

“ก็เคยคิด ช่วงตอนที่ถ่ายหนัง ก็คุยกะ พี่ใหม่ (ใหม่ เจริญปุระ) คุยบ่อยเหมือนกันว่า จะทำหนัง เขาก็อยากทำ เขาตกใจตอนที่เราบอกว่า เคยทำหนัง เขาก็ถามว่า ทำได้เหรอ เราก็บอกได้ ถ้าอยากจะทำ มันเหมือนไปจุดประกายอะไรในตัวเขาว่า อยากจะทำ ก็อยากลงทุน อยากอะไรแบบนี้ เราไม่ได้บอกว่า ทำแบบนี้ๆ แค่บอกว่าทำได้”

พูดถึง ‘อนันดา’ ก็ต้องคิดถึง ฉากเลิฟซีน ?

“มันก็ไม่ได้หมูนะ ทำไปตามนั้นเขาให้วางตรงนี้ๆ มันเป็นสิ่งธรรมชาติของมนุษย์ ตอนทำเราก็ต้องมีลิมิตของซีนอยู่แล้ว ฉากเลิฟซีนก็ไม่ใช่ฉากที่ต้องเครียดอะไรมากมาย”

กลัวคนมองเป็น พระเอกไม้เลื้อย ?

“ไม่ครับ เพราะอิมเมจของผมไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว ผมไม่ใช่พวกพระเอกมีแฟนคลับ ผมไม่ต้องมีอิมเมจอะไรขนาดนั้น เขาเข้าใจที่มาที่ไปของเรา พยายามเน้นให้เขารู้จักงานของเราดีกว่า อย่าไปเน้นเรื่องของบุคลิกของคนในงาน ส่วนตัวผม มันจะมีข่าวดีไม่ดี มันไม่ค่อยมีผลกระทบกับตัวผมเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายแล้วเนี่ยมันคือเนื้องาน”

ชินกับเรื่องพวกนี้ ?

“ก็ชินครับ หนังพี่อ๊อฟ ที่ฉายก็มีข่าวกับแอม เดี๋ยวพอเรื่องนี้ฉายก็มีข่าวกับ พี่ใหม่ ขึ้นมาอีก ผมว่ามันหนีไมได้หรอก”

เตรียมใจอะไรไว้บ้างกับข่าว ‘พี่ใหม่’ ที่กำลังจะมา ?

“ผมคงไม่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจอะไรมากหรอก ถ้ากังวลคงเป็นฝ่าย พี่ใหม่ ว่าเขาจะรู้สึกยังไงบ้าง พี่เราก็คือพี่เรา แล้วเราค่อนข้างรู้จักกับครอบครัวเขา พอมีข่าวแบบนี้ มันจะไปหนักทางผู้หญิงมากกว่า เราอาจดูเป็นคาสโนว่า ช่างมันไม่เป็นไร”

เคยคุยกันมั้ย ?

“บางทีเราก็จะคุยกัน ไม่ก็ sms ไปว่า ยู โอเคหรือเปล่า เรื่องบันเทิงมันเป็นเรื่องปกติ บางทีปรึกษาเขาว่า อยากให้ทำอะไรหรือเปล่า เพราะเราก็ปรึกษาเขาเรื่องข่าว”

มีภาพแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ ‘จี๊ด’ ว่าไงบ้าง ?

“เขาก็รู้อยู่แล้วทุกเรื่อง เราต้องแยกแยะ”

ได้ข่าวว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ?

“เป็นสิ่งที่คุยกันมานานมาก ตอนนี้ยอมรับว่า คุยมานานมาก ก็กะว่าจะชาร์ตแบตตัวเอง หลังจบ ‘อินทรีแดง’ ใช้ชีวิตคู่ของเราหน่อย”

‘จี๊ด’ น้อยใจมั้ย ไม่มีเวลาให้ ?

“เขาไม่น้อยใจ เขาเข้าใจ ตอนนี้ผมอยากทำโน่นทำนี่ อยากพิสูจน์ว่า เราทำตรงนี้ได้ เขาเข้าใจว่าเราพยายามทำอยู่”

‘จี๊ด’ ห่วงอะไรบ้าง ?

“ห่วงสุขภาพจิต บางทีจะเพี้ยน เรื่องนอนเรื่องพักผ่อน เขาต้องคอยดูแลผมตรงนี้ ไม่งั้นผมคงสติแตกแน่ๆ เพราะผมเพิ่งกลับมาใช้ชีวิตปกติ”

ห่วงอะไร ‘จี๊ด’ ?

“ผมจะคุยเรื่องสิ่งอื่นๆที่คุณต้องการในชีวิต คือ อะไร บางทีอาชีพเรา มันไม่แน่นอน เราก็สนใจไปทางอื่นบ้าง พยายามจะบอกเขาให้ทำอย่างอื่น นอกจากนางแบบ”

เรื่องแต่งตัวโป๊ห่วงมั้ย ?

“ไม่ห่วงครับ อันนี้แล้วแต่เขา”

มีเรื่องทะเลาะกันบ้างมั้ย ?

“เรื่องจุกจิก บางทีอยากทะเลาะก็ทะเลาะ บางทีลืมว่า เรื่องอะไร แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะแบบว่า ไปไหนมา ทำไมกลับบ้านดึก แนวนี้จะไม่มี”

ใครง้อใครก่อน ?

“ก็ง้อทั้งคู่ แต่ผมจะบ้าเหตุผล เหตุผลจะเยอะเกินเหตุ จะต้องอย่างโน้นจะต้องอย่างนั้น จะขอโทษทีมีเรื่องพูดเยอะ เหตุผลเป็น 10 หน้ากระดาษเลยกว่าจะขอโทษได้ ผมขั้นตอนเยอะ เขาจะคิดอะไรง่ายกว่าผม”

มีคนมองว่า แรงด้วยกันทั้งคู่ จะไปไม่รอด ?

“มันก็อาจจะไปไม่รอด ใครจะไปรู้ มันต้องคิดแบบนี้ไว้ เหมือนกับอะไรๆ ก็ไม่เที่ยง โลกมันเป็นแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่า โลกมันเป็นแบบนี้ไปตลอดเหรอ คือโชคดีก็อยู่กันจนแก่แต่อีกคนก็ต้องตาย มันคงไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด คือ จะไปคิดแทน หรือ เขาจะมาคิดแทนผมมันก็ไม่ได้ แค่วันๆเราทำให้ดีที่สุด พยายามเข้าหากัน คุยกันให้มากๆ ถ้าไม่เวิร์คก็แค่นั้นเอง อย่าไปสู้มัน ถ้ามันเวิร์คก็อยู่กันไปเรื่อยๆ ตอนนี้อยู่ด้วยกันมา 2 ปีแล้วเนี่ย น่าจะนานสุดแล้ว คือ สำหรับผมถือว่า นานมากแล้ว ผมไม่ค่อยอยู่กับที่ แต่นี่ 2 ปี ยังเหมือนเดิม คงอยู่ได้อีกหลายปีมั้ง”

ชอบถึงขนาดแม่ของลูก ?

“ไม่ ยังไม่คิด ผมยังไม่พร้อมจะเป็นพ่อคน ผมก็อยากเป็นนะพ่อคน แต่สภาพของผมตอนนี้คงเป็นไม่ได้ ทำได้ก็แบบขรุขระ มันไม่ดีเท่าไหร่ เราไม่ได้คิดถึงตัวเขา เราคิดถึงตัวเราก่อนว่า ตัวเราจะไหวมั้ย ถ้าเราไม่ไหว อย่าไปคิดให้เขาเลย มันต้องดูที่ตัวเราว่า สามารถหรือเปล่า ถ้าไม่ก็อย่าทะลึ่งไปคิดถึงตรงนั้นดีกว่า”

เคยคิดมั้ยว่า อายุเท่าไหร่จะแต่งงาน ?

“เคยคิดตอนเด็กๆ ตอนยังไม่ชัวร์เท่าไรว่า อยากมีลูกตอนวัยรุ่นจะได้ทันโต เราจะได้เป็นพ่อที่แบบว่าดูเท่ห์ แต่พอคิดไปคิดมา ไอ้นี่แม่งเห็นแก่ตัว เลยต้องย้อนเคลียร์ตรงนี้ออกไป เดี๋ยวมันเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม อย่าพยายามอย่าไปคิดตรงนั้น”

หลายปีที่ผ่านมา มีอะไรพิเศษให้กัน ?

“มันก็มีเรื่อยๆ แต่เราไม่ใช่คู่ที่เน่ากันเท่าไหร่ มันไม่ค่อยผ่านน้ำเน่าเท่าไหร่ คือรักกันทุกวัน ทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นทุกวัน แต่ไม่ใช่ต้องเซอร์ไพรส์ เอากลีบกุหลาบไปโรยหน้าบ้านมาถึงเตียงไม่ขนาดนั้น แต่ถ้าพูดถึงความโรแมนติคก็ทำกันอยู่ทุกวัน กินข้าว ไปทำโน่นทำนี่ ก็ปกติ”

ซื้อแหวนให้กัน ?

“มันก็มีซื้อให้กันเต็มไปหมด สร้อย แหวน คือเราเป็นพวกแนว ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง อะไรแบบนั้นมันก็เป็นแนวนั้น แล้วบางทีมันมีบางสิ่งบางอย่างที่มันพิเศษหน่อย อย่างเช่นครั้งนึง เราขี่มอเตอร์ไซค์ไปปายที่แม่ฮ่องสอน นั่งมอเตอร์ไซค์ไปถ้ำ แล้วก็ได้ยินว่า มีฝรั่งคนนึงอยู่ในเขา ทำเครื่องเงิน เราเลยไปซื้อจี้มาคนละอัน เขาทำกับมือของเขาในบ้าน แล้วเราก็รีบขึ้นมอเตอร์ไซด์กลับ ก็มีของจุกจิกๆแบบนี้ ที่เรามีให้กัน แต่ไม่ได้ซื้อแหวนเพชร สร้อยเพชร แล้วเขาก็ไม่ชอบแบบนั้น ทำไปเขาก็จะหาว่า เราตอแหลอีก อย่าเลย” 

     ลงตัวตามแบบฉบับรักของหนุ่มเซอร์จริงๆ...