นิโคล เผยความน่ารัก หลังเข้าปรึกษาเรื่องหัวใจกับ น้องทิกเกอร์

นิโคล : มีตัวช่วยด้วยค่ะ อย่างเช่น ออกกำลังกาย ให้หมอดูแล ทานอาหาร ดูแลตัวเองอย่างดี แล้วก็จากภายในคือ ใจของเรา แต่ก็มีบางช่วงไหนที่หดหู่ แต่งหน้าให้ดีขนาดไหนมันก็ไม่ช่วย

หดหู่เรื่องอะไร ??

นิโคล : (หัวเราะ) หดหู่เรื่องอะไร ?? ก็มีหลายอย่างชีวิตเนอะคะ แต่พอเราแฮปปี้มันก็จะสดใส ถ้าจะถามถึงเคล็ดลับมันอยู่ข้างในมากกว่าค่ะ ถ้าเราไม่เครียดคิดแต่เรื่องบวก ความสวยบางทีมันไม่ได้ออกจากภายนอกอย่างเดียวนะคะ มันมาจากข้างในด้วย

ตั้งแต่รู้จัก นิโคล มาคือ ตั้งแต่อัลบั้มแรกเขาก็กลัวว่าเขาจะแก่แล้ว ตอนอัลบั้มแรกอายุเท่าไหร่ ?

นิโคล : เข้าวงการ 15 เอง แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ออกเทปนะคะ ถ่ายโฆษณา ถ่ายโน้นนี่ !!

ตอนออก เด็กกะโปโล ตอนนั้นคือเราอายุเท่าไหร่?

นิโคล : ตอนนั้นคือ 24 แล้วค่ะ เราก็แบบคุยกับอั๋นว่าเราอยากไปดึงหน้าๆ แล้วก็บอกว่าเราอยากเหมือนพี่ติ๊นา อยากโกลด์เด้นท์อาย เซ็กซี่ สวย ใส่บู๊ท แต่พอออกมาเป็น กะโปโล เราแบบนี่คือ อะไรทำไมเราเป็นแบบนี้ เพราะเราคาดฝันเลยเราอยากเป็น มาดอนน่า แต่ถ้าเวอร์ชั่นไทยเราอยากออกมาเป็นแบบพี่ติ๊นา แต่พอออกมาเป็น กะโปโล ก็ไม่มีความแบบมันเสียเซลล์ แต่ถ้าสุดท้ายเราตามใจตัวเองเราคงไม่ประสบความสำเร็จในอัลบั้มนั้น

จำได้ไหมตัวเองขายเทปไปกี่ล้านตลับ ?

นิโคล : เป็นล้านๆเลยค่ะ บุษบาด้วย

แต่ช่วงหลังกลับมาออกสื่อมากขึ้น

นิโคล : ก็มีร้องเพลงมีผลงานตัวเงอที่ทำมาแล้วแต่ยังไม่ได้ทำ Mv เราเลยทำเอง แล้วออกตามเฟสบุ๊ค ไอจี ทวิตเตอร์ ยูทูปชาแนล

เห็นล่าสุดเพิ่งออกเพลงใหม่ ?

นิโคล : ใช่ค่ะ You Matter To Me กับครูเจค่ะ คือเพลงนี้เป็นเพลงที่ทำตามใจตัวเองเลยค่ะ ทำตามความฝันของเราเลย เลยร้องออกมาเป็นสากล แล้ว กี้ คือไปเรียนร้องเพลงกับครูเจด้วย เพราะเราอยากจะพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ เราเลยสนิทกับครูเป็นเพื่อนกันเราก็เลย เวลาเราอยากร้องเพลง Cover เราก็จะร้องด้วยกัน เขาก็จะเป็นคนคุมการร้องของเราอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมันก็จะเป็นอีกซาวด์หนึ่งไม่เหมือนที่เราจะร้อง

นิโคล : ถ่าย Mv ก็ง่ายๆเลยค่ะ คือ หาเรื่องไปเที่ยวทะเลด้วย แล้วก็ได้ถ่ายมีภาพมีอะไรมาก็มาประกอบเพลง ภาพที่เราคิดไว้คือเป็นแบบมิวสิคัล เพราะเราชอบละครเพลง

เห็นบอกว่ายังมีอีกหลายซิงเกิ้ลมาก ที่กำลังจะทำออกมา แต่เห็นว่ามีความชอบส่วนตัวอยากจะเป็นแนว Jazz ?

นิโคล : กี้ อยากเอาเพลงของ กี้ มาทำเป็น Jazz ให้มันเปลี่ยน เพราะอยากให้มันช้าลงแล้วเปลี่ยน ซาวด์ ของมัน

นิโคล : จะบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่แบบได้ทำอะไรตามใจตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ อยากเล่นละครก็เล่น

เห็นบทบาทหน้าในงานมากมาย แต่อีกหนึ่งบทบาทคือ การเป็นแม่ คือ น้องทิกเกอร์ ห่วงอะไรเขามากที่สุด ??

นิโคล : ไม่ห่วงเลย ที่ไม่ค่อยห่วงเพราะเขาเป็นเด็กที่โต เกินวัยเนอะ กี้ จะปรึกษาเขามากกว่าอีก ในบางที เขากับห่วงเรามากกว่าอีก

นิโคล : คือเราจะถามเขาเหมือนเป็นกูเกิล แล้วคือ เวลาตามกูเกิลเขาให้คำตอบมาตรงๆ คือถ้าเราปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็จะให้ข้อมูลเข้าข้างเรา ส่งเสริมเรา แต่ถ้าเราปรึกษา ทิกเกอร์ เขาจะเป็นคนพูดตรงๆบอกกับเราตรงๆ

เห็นว่าปรึกษาลูกแม้กระทั่งเรื่องการแต่งตัว

นิโคล : จริง เพราะบางทีเราก็พลาดไงคะ คือ ทิกเกอร์จะเป็นด่านแรกที่เห็นเราแต่งตัวออกไปจากบ้าน คือ แบบบางทีเราใส่กำลังจะออกจากบ้านล่ะ ทิกเกอร์ เขาก็ทักว่าม๊ามี๊จะใส่เสื้อกับกระโปรงตัวนั้นออกจากบ้านเหรอ เราก็ถามเขาว่าทำไม เขาก็บอกว่ามันไม่เข้า หรือแบบถ้าใส่แล้วเขาไม่ทักอะไรเราก็ใส่ไปเลย หลังจากนั้นมา กี้ ก็เลยจะปรึกษาลูกตลอดว่านี่โอเคเปล่า นี่เป็นยังไง เขาเป็นลูกชายที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทเราเลย

แล้วปรึกษาเรื่องหัวใจกับลูกด้วยไหม?

นิโคล : ปรึกษาค่ะ สงสารทิกเกอร์เนอะ (หัวเราะ) รับภาระหนักเลยอ่ะ แต่เราไม่ฟูมฟายกับลูกนะ แต่เราจะปรึกษาประมาณ ถ้าม๊ามี๊ คิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ ทิกเกอร์ ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ไหม ทิกเกอร์ ก็จะบอกว่า ไม่นิ แล้วเขาก็จะพูดถึงอีกมุมหนึ่งที่สว่างสดใสและดีกว่าอะไรอย่างนี้ แทนที่เราจะร้อนเรากลับกลายเป็นเย็นลง

แล้ว ทิกเกอร์ มีเรื่องมาปรึกษาคุณแม่บ้างไหม อย่างเช่นเรื่องหัวใจ

นิโคล : ไม่มีหรือไม่บอก คือ แฟนยังไม่มีแต่เขาจะมีเพื่อนเยอะ ไม่หวงแต่เราจะห่วงเขา จะสอนลูกตลอดว่าเราต้องให้เกียรติผู้หญิงด้วยนะ