ชิ อนุชา สารภาพเป็นทั้งผู้สร้างและทำลาย นาธาน เผยจุดแตกหัก

"มีทั้งจริงและไม่จริง ตอนนั้นพี่เป็นคนคัดเลือก สรรหา พัฒนาทุกคนที่เป็นนักร้องอาร์เอส พอเจอนาธาน เราเห็นเขาแล้วประทับใจ ลุคเขาแปลกและแตกต่าง ใบหน้าคม เข้ม มีความเป็นแขกทางตะวันออกกลาง แล้วพอดูในหนังสืออิมเมจ มีรูปนาธานหนึ่งรูปเป็นภาพโปรไฟล์เขียนในภาพว่านาธาน เป็นลูกครึ่งไทย-เนปาล หนังสือเขียนเป็นการการันตีว่าเขาเป็นลูกครึ่งไทย-เนปาล การเลือกเขามา เราก็ไม่ตรวจสอบว่าจริงไม่จริง หลังเรียกนาธาน มาคุยกัน เขาก็เล่าเรื่องเนปาลได้ ซึ่งตอนนั้นประเทศไทยรู้จักเนปาลน้อยมาก แต่เขาสามารถเล่าเรื่องภูเขาหิมาลัย มีจามรี"

"เขาสามารถพรีเซ็นต์เราว่าเป็นลูกครึ่งเนปาลได้อย่างดี"

"ด้วยความตอนนั้นอาจจะผิดพลาดในการทำงาน ไม่ได้เจาะลึก ใครมา โปร์ไฟล์อะไรมาเราเชื่อหมด แต่คนอื่นมาเซ็นสัญญาเราจะเห็นพ่อแม่ แต่นาธานเขาอายุเกิน 20 แล้ว"

"น่าจะเป็นอีกชื่อนึงแต่ไม่เอะใจเลย ตอนนั้นเราเชื่อสนิทใจ เราดีใจที่ได้นักร้องลูกครึ่งไทย-เนปาลมา พี่ขยายความเป็นเนปาลเขาเพื่อส่งต่อให้ฝ่ายโปรดักชั่น ฝ่ายโปรโมเตอร์ของอาร์เอสเพื่อทำงานต่อ ก็บอกว่าคนนี้โอเค เขาเป็นลูกครึ่งไทย-เนปาล พูดได้สี่ห้าภาษา เขาเป็นคนพรีเซ็นต์ เขากรอกในความสามารถพิเศษว่าพูดได้หลายภาษา พี่อาจอ่อนต่อการทดสอบเขา คือเชื่อทุกอย่างที่เขาพรีเซ็นต์มา"

"ไม่เคยพูดคำนี้เลย เขาคิดว่าเขาโกหกแล้วสำเร็จ ณ ตอนนั้น"

"รู้พร้อมๆ ประชาชนชาวไทยจากพันทิป ที่ผ่านมาเราไม่เคยเอะใจ เพราะเขาสามารถพาดาราศิลปินนักร้องไปทัวร์ที่เนปาล เขาสามารถเขียนหนังสือชีวิตหลังเขาหิมาลัย เขาก็เขียนได้ นั่นทำให้เราเชื่อ"

"รู้แค่ว่าพอใครไปกับเขา จะพยายามให้เขาพาไปหาบ้านที่เนปาล เขาก็มีการเปลี่ยนเรื่องราวไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครเจอบ้านเขาที่เนปาลสักคนเดียว ตอนนั้นพี่ก็ไม่ถาม เราโอเคกับเขามาก"

"ตอนนั้นไม่เอะใจ เชื่อสนิท ตอนนั้นเชื่อเขาร้อยเปอร์เซ็นต์"

"ไม่เคยเลย เขาเหมือนพูดแล้วมันใหญ่ พอใหญ่ก็เดินหน้าต่อ พี่สารภาพเลยว่าพี่รู้ความจริงว่าเขาไปเล่นหนัง จากการที่นักข่าวไปเยี่ยมพี่เอกชัย ศรีวิจัยที่โรงพยาบาล เขาไปกับพี่ แล้วบังเอิญนักข่าวเยอะ นาธานหายจากวงการไปสักระยะแล้วออกจากอาร์เอส เขาก็มีการสัมภาษณ์ และเขาก็พูดขึ้นมา โดยไม่ได้คุยกันเรื่องนี้มาก่อน"

"พี่คิดหลังจากที่เขาเปิดประเด็นว่าเขาได้ค่าตัว 400 ล้านกับการไปเล่นหนังกับบรูซ วิลลิส วูฟกังกำกับการแสดง ตอนนั้นเราก็เชื่อสนิทใจว่าจริง ชีวิตแกจะสบายขึ้น"

"ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นผู้จัดการ คบกันแบบพี่น้อง พอเขาเปิดประเด็น ก็เป็นคนแซะเขาเองว่ามีสัญญามั้ย ทำงานกับบริษัทไหน เขาก็พยายามบ่ายเบี่ยง หลังจากนั้นเรามารู้ทีหลังว่าเขาไปสืบหาข้อมูลที่จะเมคขึ้นว่าบริษัทนี้โปรดักชั่นเฮาท์เล็กๆ อันนี้ คือบริษัทที่ผลิตภาพยนต์เรื่องนี้ และได้ไปเคสติ้งที่อเมริกา"

"เขาคิดเอง แต่เป็นบริษัทที่มีตัวตนจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดสำหรับเขา เพราะเป็นการปลอมแปลงเอกสาร พี่ไม่สามารถเอาสัญญาตัวนี้ออกมาได้ เพราะชื่อทุกคนในสัญญามีตัวตนจริง หลังตรวจสอบแล้วก็ทิ้งมันไป ให้ไปพร้อมกับเขา"

"ต้องเรียนว่าแต่ละเคสเกิดคนละช่วงเวลา เช่น ช่วงที่เขาสนิทกับน้องอ้อม อ้อมก็รักนาธาน ด้วยความที่นาธานเอาอกเอาใจเก่ง คุยเก่ง การที่เขาไปหยิบยืมเงินกันเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของเขา แต่ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน แต่รู้ว่ามีการยืมเงินกัน"

"เขาเป็นเด็กอะโลน โดดเดี่ยวตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนที่ขาด ต้องการใช้ข้าวของที่ดีมีราคา การใช้ชีวิตติดสบาย"

"ใช่ครับ ตอนเรื่องราวหลักๆ ขึ้น พอเป็นเรื่องแจ้งความฟ้องร้อง เราบอกว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแต่เราก็ช่วยเหลือเขา ให้ไปอยู่กับแม่แหม่ม พี่เปี๊ยก พี่เต็มแม่บ้านเขาดูแลนาธานมาตลอด หลายช่วงเวลา นาธานก็เอ็นดูพี่เต็ม แต่ช่วงนั้นการเงินตึงเครียดมาก มันหาไม่ได้ ก็เลยมีการขอหยิบยืมกันพี่เต็ม"

"ปกติไปลักษณะกินข้าว แต่ไม่เคยเอาเรื่องส่วนแบ่งมาเกี่ยวข้อง เหมือนผู้จัดการคนอื่นที่บอกว่าต้องแบ่ง 70-30 พี่กับเขาเหมือนพี่น้อง เขามีเงินเท่าไหร่เขาก็ใช้จ่ายของเขาคนเดียว ไม่มีส่วนรู้เห็นในเงินที่เขาได้มา"

"คดีนี้เพิ่งมีเมื่อปีล่าสุดที่ผ่านมา 25-30 ปีไม่เอาชื่อเสียง เอาการหลอกเด็กไม่กี่บาทมาทำลายอาชีพตัวเองแน่นอน โอเค เก็บเงินน้องมา 1 หมื่นเพื่อดูแล พัฒนาคุณ แต่ไม่ได้บอกว่าคุณจะได้เป็นดารา นักแสดง พอเด็กบางคนไม่ได้อย่างที่ฝัน มันเลยเหมือนเราโกหก หลอกเขาเข้ามา เราบอกว่าเรามีหน้าที่พัฒนาคุณ พยายามสร้างผลักดันคุณให้มากที่สุด แต่จะไปได้ไกลแค่ไหนอยู่ที่ตัวคุณ ซึ่งคดีนี้จบเรียบร้อยแล้ว เคลียร์ทุกอย่าง"

"คดีนี้ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่โกรธกับนาธาน ปลายปีที่แล้ว เพราะพอเป็นข่าวเรื่องนี้ขึ้นมา มีสื่อนึงไปสัมภาษณ์นาธานว่าคิดยังไงที่เรามีข่าวแบบนี้ นาธานอยู่กับพี่ตลอดเวลา น่าจะรู้สันดานพี่ว่าโกงเหรอ แต่เขาบอกว่าเหมือนกรรมตามสนองแล้ว เหมือนพูดดิสเครดิตเรา เฮ้ย 10 กว่าปีที่คบกันมา แกไม่รู้นิสัยนี้เลยเหรอวะ โกรธมาก ถ้าเป็นคนอื่นจะไม่โกรธ"

"ดิสเครดิตครับ ทำงานหาศิลปินมาเยอะมากในวงการ ไม่เอาเงินไม่กี่บาทมาทำลายชื่อเสียงตัวเองแน่นอน"

"ก่อนที่ต้องแยกแตกหักกันไป คือช่วงที่เราเป็นข่าวกันหนักๆ เราหนีกัน หลายเรื่องประเดประดังมารุมรอบด้านในเวลาเดียวกัน ชั่วโมงนั้นเราอยู่ไม่ได้ หนีกัน จนคืนนั้นที่ปากช่อง โคราช เราบอกว่าเราแยกกันตรงนี้ พี่กลับกรุงเทพฯ ส่วนเขาน่าจะกลับไปนครศรีธรรมราช แต่ปรากฎว่าเขาไปไม่ได้ เพราะโดนตาม ขนาดเดินห้างคนยังตะโกนด่า อีตอแหล อีลวงโลก อยู่ตรงไหนไม่ได้แล้ว ก็เลยบอกว่าถ้าไปด้วยกัน ตายทั้งคู่ เขาก็บอกว่าโอเค งั้นแยก เขาไม่อยากให้เราเจ็บไปด้วย"

"แต่มันเป็นเครดิตต่างๆ ในอาชีพ กลายเป็นกลุ่มเดียวกัน พี่ก็เสียหาย พี่ไม่สามารถมีอาชีพต่อได้ นี่คือความเสียหายในมุมของพี่ เขาก็โปรเทคพี่ ขณะที่แยก พี่ก็ส่งเขาไปบางน้ำเปรี้ยวกันดานมาก สุดท้ายก็โดนตามเจอว่าอยู่ที่โน่น เขาถูกจับที่เชียงคาน"

"เรื่องที่รู้ บางทีเรารู้พร้อมคนอื่นที่หลุดออกมาทีละเรื่อง มันหนักมากจนไม่รู้จะแก้ปมไหนก่อน เราไม่เคยปรึกษาผู้ใหญ่ ไม่มีใครรับเลย คิดเองกันสองคน"

"พูดได้ว่าทั้งสร้างและทำลาย คำพูดพี่มีคนเชื่อถือมากกว่า การที่เราพูดความจริง มันก็ทำลายเขา"

"จริงๆ นาธานเป็นเด็กน่ารัก เฟรนด์ลี่ เอาอกเอาใจเก่ง ทำให้คนรัก เรื่องแรกไม่อยากให้เขาโกหก ถ้าไม่โกหกตั้งแต่ต้นเรื่อง ตั้งแต่เรื่องชีวิต เรื่องหนัง เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าแก้ไขได้ก็อยากแก้ไข แต่มันเป็นไปไม่ได้ แต่มีอันนึงที่เขาทำเอาไว้ มีหนังสือที่เขาเขียนพ็อกเก็ตบุ๊กเอาไว้แต่ไม่ได้ออก คือคุกเปลี่ยนชีวิต เขาเล่าเรื่องราวในคุก และชีวิตเขาที่เปลี่ยนไปหลายๆ เรื่อง ตอนนั้นคิดว่าไม่มีใครอ่านหรอก เพราะไม่มีใครเชื่อ ก็ดองเก็บเอาไว้อันนึง แต่ไม่รู้จะมีโอกาสได้นำมาเปิดเผยหรือเปล่า ก็สุดแล้วแต่อนาคต"

"คำว่านาธานมันถูกบรรจุไปแล้วว่าเป็นคนลวงโลก โกหก ตอแหล ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เรื่องราวที่เขาโกหกก็จบไปกับชีวิตเขา ก็อยากให้พูดถึงเขาในสิ่งที่ดีๆ และให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด คนที่เกิดปัญหากับเขา ให้อภัยนาธาน ให้เขาไปอยู่ในภพภูมิที่ดี"