นางทาสเครียดพักถ่ายละคร บีดึงบรู๊คให้พ่อคุยแทนแม่

"บี"พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ พี่ชายบรู๊คสุดทน สังคมมองครอบครัวเป็นตัวร้าย ครวญแม่ถูกต่อว่ามาตลอด 5 ปี ทั้งที่ไม่ใช่คนเลวร้าย ยันไม่เคยรังเกียจว่าที่สะใภ้ เตือนน้องให้เข้าหาผู้ใหญ่ อย่าหนีไปแต่งกันเอง ชี้รอยร้าวหนักเริ่มตั้งแต่งานบวชที่ "กบ" ไม่ได้ถือหมอน ลั่นคนที่ว่าไปยุ่มย่ามเรื่องน้องนั่นแหละไม่ควรมายุ่ง ด้านชุมชนเว็บไซต์วิจารณ์แซด
 

ข่าวความไม่ลงรอยกันของนางดาริกา ปุณณกันต์ 

มารดาของนายดนุพร ปุณณกันต์ หรือ บรู๊ค พระเอกชื่อดัง กับว่าที่ลูกสะใภ้ น.ส.สุวนันท์ คงยิ่ง หรือ กบ ยังได้ความสนใจวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะในเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีกระดานข่าวบันเทิง ขณะที่พี่ชายของพระเอกคนดังออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง โดยระบุว่าแม่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม เพราะถูกต่อว่าตามช่องทางต่างๆ มาตลอด 5 ปี
 

เมื่อวันที่27 มีนาคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าฯ กทม. พี่ชายของพระเอกหนุ่ม นายดนุพร กล่าวว่า

ความจริงคิดว่าจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว เพราะการออกมาพูดของแม่และตนก็ชัดเจนแล้วว่าไม่มีอะไร ไม่มีประเด็นที่จะไปรังเกียจ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอย่างที่สังคมเข้าใจว่าครอบครัวเราไปกีดกันอะไร ที่ออกมาอธิบายเพิ่มเติมต่อจากคุณแม่ในวันหลังก็เพราะเป็นเรื่องของครอบครัว และเพื่อขอความเป็นธรรม อย่ามองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นควรสงสารใคร ใครน่าสงสาร หรือ น.ส.สุวนันท์เป็นที่สงสารของชาวบ้าน นั่นคือสาเหตุที่ตนออกมาชี้แจง

"ผมก็เป็นทั้งพี่ชาย และเป็นลูก เมื่อมีคนมาตั้งกระทู้ ส่งเอสเอ็มเอสต่อว่าคุณแม่มาตลอด 5 ปี ก็ต้องพูด เพราะคุณแม่ผมไม่ใช่คนเลวร้าย แบ่งชนชั้นวรรณะ สิ่งที่คุณแม่ได้พูดก็เป็นความบังเอิญเพราะผู้สื่อข่าวไปถาม คุณแม่ก็พูดความจริงไปว่า 5 ปีที่ผ่านมา แฟนของน้องชายไม่เคยเข้ามาที่บ้านเลย พอมีข่าวแต่งงานท่านก็เลยบอกว่าไม่รู้เรื่อง ซึ่งล่าสุดน้องชายก็ออกมาแถลงข่าวแล้ว และยอมรับว่าเขาผิดเองที่ไม่เคยมาพูดให้ฟัง ขณะเดียวกัน ก็อาจบอกแฟนว่ากำลังจะบอกครอบครัวก็ได้" นายพุทธิพงษ์ กล่าว
 

พี่ชายของพระเอกคนดังกล่าวต่อว่า

การที่สังคมมาต่อว่าคุณแม่ ก็ไม่ค่อยเป็นธรรมมากนัก 5 ปีที่ผ่านมาสังคมทราบเรื่องราวเพียงด้านเดียว เด็กที่จะเข้ามาในครอบครัวไม่ว่ามีความคิดต่างกันอย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเด็กก็ควรมีโอกาสเข้ามาพูดคุยชี้แจง หรือเข้ามาเคลียร์ ปัญหาที่ผ่านมา 5 ปี ก็อาจจะคลี่คลาย จะได้จบ ไม่กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างนี้ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันมีปัญหาช่องว่างอยู่ เพราะแฟนของน้องไม่เคยเข้ามาที่บ้านแล้วหลายปี สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นว่าครอบครัวไปรังแกกบ เราก็ต้องพยายามอธิบายว่าไม่ใช่ มันมีความไม่ชัดเจนตรงนี้อยู่ ก็เลยเกิดความไม่สบายใจทั้งคุณแม่และกบ แต่ท้ายที่สุดครอบครัวของตนก็กลายเป็นตัวร้าย ซึ่งจริงๆ จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องของคนสองคน เขาจะรักกันยังไงก็เรื่องของเขา แต่ปัญหามันทิ้งไว้นานเกินไป
 

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า

 ในฐานะที่เป็นพี่ชายก็ได้แนะนำน้องชายตอนที่มาหาที่บ้านว่า ในฐานะที่เป็นลูกและอยากให้ทุกฝ่ายดีขึ้นก็มีทางแก้ได้ไม่ยาก เราเป็นเด็กก็ควรเข้าหาผู้ใหญ่ แม้ว่าครั้งแรกจะไม่ดีขึ้น 100% หรือยังไม่ถูกใจ แต่ก็ควรเอาความดีชนะ เข้าไปหา ทำตัวให้ผู้ใหญ่เห็นว่าเราไม่ได้มีจิตใจไม่ดี คุณแม่ก็ไม่ได้ใจดำไปบอกว่าโน่นประตู ออกไป มันไม่ใช่ ผู้ใหญ่ทุกคนมีเหตุผล น้องเขยเราก็อยู่กันปกติ ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ชอบ 

5 ปีที่ผ่านมาคุณแม่โดนรุมอยู่คนเดียว 

ทั้งกระทู้ในอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งผมที่ออกมาพูดก็ถูกว่า ว่าไปยุ่งอะไรกับชีวิตเขา ซึ่งเรื่องนี้ควรให้ความเป็นธรรม เราไม่ได้ว่าหรือติคุณกบเลย แต่ที่ออกมาพูดก็ในฐานะคนกลาง เพราะนั่นก็แม่ นี่ก็น้อง หันหน้ามาคุยกันได้ไหม ส่วนแฟนคลับก็ต้องเข้าใจว่ายิ่งวิพากษ์วิจารณ์มากเท่าไรก็ยิ่งกดดันทุกฝ่าย นายพุทธิพงษ์กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่าช่องว่างที่ว่าคือเรื่องอะไรนายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า

 คงเป็นเรื่องที่เกิดจากความน้อยใจ ก็คงตั้งแต่งานบวชที่กบไม่ได้ถือหมอน กลายเป็นแม่กับน้องสาว ซึ่งวันนั้นขอบอกว่าเป็นอะไรที่ยุ่งมาก อีกทั้งเรายังไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนที่ได้แต่งงานกัน ก็คิดว่าคบหากันเฉยๆ ความแน่ชัดอะไรยังไม่มี ทำให้วันนั้นสังคมออกมาประณามครอบครัว แต่แฟนของน้องชายก็ไม่เคยออกมาพูด ทำให้สังคมเข้าใจความจริงว่า จริงๆ ไม่มีอะไร และวันนั้นก็ยังนั่งกินข้าวด้วยกัน ไม่เคยมาพูด ไม่เคยเข้ามาหา แต่วันหนึ่งก็มีข่าวจะแต่งงาน บรู๊คก็ไม่เคยมาให้แม่หาฤกษ์ให้
 

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าหลังจากมีข่าวล่าสุดได้พูดคุยอะไรกันบ้างหรือไม่นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า

 วันนี้(27 มี.ค.) น้องชายก็ติดต่อมา เราก็เห็นว่าระหว่างพ่อ ตนในฐานะพี่ชาย และน้องชาย ควรจะมาคุยกัน แต่แม่ยังอาจเป็นประเด็น คงต้องให้แยกไว้ก่อน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ทุกอย่างหรือสถานการณ์ดีขึ้น ส่วนกบนั้นคงยังไม่ได้คุย แต่คิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร เป็นเรื่องปกติ ขณะที่เรื่องการแต่งงาน ได้บอกกับน้องไปแล้วว่า เรื่องการแต่งงานถ้าอยากให้แต่งแล้วยั่งยืนมีความสุขที่สุดควรเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ให้จบก่อน ถ้ายังไม่จบแล้วดื้อแต่งไปก็ไม่มีความสุข แล้วแยกไปอยู่ด้วยกันเองไม่เอาญาติ เอาพี่เอาน้อง ก็ไม่ใช่วิสัยของประเพณีไทย 

อยากบอกว่าแรงกดดันมันแรงคุณแม่ก็เสียใจ เราไม่เคยทำอะไร ไม่เคยด่าเขา 

กลับถูกกระแสสังคมโจมตี และผมอยากฝากบอกคนที่ว่าผมเข้าไปยุ่งทำไม ผมคงไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะอีกคนแม่ อีกคนน้อง คนบางคนด้วยซ้ำที่มาเขียนกระทู้ด่าผมนั่นแหละไม่ควรเข้ามายุ่ง พี่ชายพระเอกคนดังระบุ

ด้านบรู๊คกล่าวว่าไม่อยากพูดอะไรแล้ว 

เพราะให้สัมภาษณ์ไปหมดแล้วว่าเป็นคนกลาง ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะประสานให้ทุกคนเข้าใจกัน ส่วนเรื่องพี่ชายออกมาพูดนั้น เข้าใจว่าคงยังไม่ได้ฟังการสัมภาษณ์ของตน เพราะว่าสัมภาษณ์วันเดียวกัน คงจะรู้เรื่องประเด็นเก่า เป็นเรื่องภายครอบครัวก็คงต้องคุยกัน เชื่อว่าหลังจากพี่บีอ่านข่าวก็คงจะเข้าใจ
 

"น้องกบก็เข้าใจ อย่างที่ผมบอกว่าจะทำหน้าที่ของคนกลางให้ดีที่สุด ใจเย็นๆ รอสักพักหนึ่ง รู้ว่าหลายคนเอาใจช่วย หลังจากนี้จะทำอะไรก็คงไม่บอกแล้ว เพราะถ้าจะให้ตอบก็คงพูดเหมือนที่แถลงข่าว ไม่อยากให้เป็นประเด็นต่อ ยืนยันในสิ่งที่พูดไปว่าจะทำหน้าที่คนกลางให้ดีที่สุด" พระเอกคนดังกล่าว
 

ด้านนางเอกสาวยังไม่ได้แสดงความเห็นใดๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียงคนใกล้ชิดบางส่วนเท่านั้นที่ยอมแสดงความเห็นกับสื่อมวลชน
 

น.ส.ทัศน์วรรณเสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา หรือ โย นักแสดงชื่อดังที่กบให้ความเคารพนับถือและสนิทสนมเหมือนแม่อีกคนกล่าวว่า ไม่อยากแสดงความคิดเห็นใดๆ เนื่องจากเป็นบุคคลนอก ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่ขอให้กำลังใจกบและบรู๊ค และขอให้ทุกฝ่ายใช้สติ อย่าใช้อารมณ์แก้ปัญหา
  

ส่วน"หมี" ผู้จัดการส่วนตัวของนางเอกชื่อดังบอกว่า 

หลังจากที่เกิดเรื่องก็บอกกบว่า ให้ใจเย็นๆ อย่าคิดมาก เพราะยังมีงานอื่นที่ต้องทำ 

"ก็บอกเขาไปว่า ถ้าไม่สบายใจก็คุยกันได้ เพราะเราก็คุยกันทุกเรื่องอยู่แล้ว มีอะไรก็ปรึกษากัน เพราะเราก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนนี้เขาก็สบายใจขึ้น แต่ไม่ได้ไปกองถ่ายนางทาส เพราะกบต้องการพักผ่อน ก็เลยขอคิวคืน วันนี้ก็เลยไม่ได้ไปถ่าย ก็มีคนโทรมาให้กำลังใจเขาเยอะ" ผู้จัดการส่วนตัวกบ กล่าว