
ล้วงหัวใจ! ไท้-วสุวัส คูหาเปรมกิจ เซเลบริตี้หนุ่มสุดฮ็อต ทำไมโสดนานถึง 7 ปี



"เพราะคิดว่าเราควรไปหาประสบการณ์ข้างนอกก่อน เพื่อที่จะได้เรียนรู้การเป็นพนักงาน ซึ่งผมก็ทำไปประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่จะกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว ซึ่งการที่เราทำแบบนั้นมันทำให้ได้รู้ว่าสิ่งที่คนทำงานอยากได้คืออะไร เราจะได้ปฏิบัติต่อพนักงาน ผมว่าการไปเก็บเกี่ยววิชาความรู้จากข้างนอก และได้มีโอกาสทำงานในองค์กรใหญ่ทำให้ผมได้ความรู้และนำมาปรับใช้กับการบริหารธุรกิจที่บ้านได้มากเลย"
เป็นความคิดของเราเองหรือเป็นเพราะที่บ้านปลูกฝังว่าอยากให้เริ่มทำจากตำแหน่งน้อยๆ ก่อน?
"คือจริงๆ ก็คุยกับคุณพ่อและคุณแม่อยู่แล้ว ว่ายังไม่อยากกลับมาเริ่มที่บ้านเลยทีเดียวเพราะว่า เราอยู่กับธุรกิจนี้มาค่อนข้างนาน เราค่อนข้างคุ้นชิน ดังนั้นจึงอยากไปหาประสบการณ์จากข้างนอกก่อน เพื่อทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ไม่เช่นนั้นเราจะไม่เห็นว่าข้างนอกเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว อีกย่างผมว่าทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไป มันก็ควรจะต้องตามโลกให้ทัน ไม่นั้นธุรกิจเราจะตกยุคไปนั่นเอง"
สำหรับปีนี้ไท้วางเป้าหมายของตัวเองไว้อย่างไรบ้าง?
"ตอนนี้ผมเพิ่งจะกลับมาบริหารธุรกิจของครอบครัว ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ห้างทอง จิ้นไถ่เฮง จำกัด ก็ตั้งเป้าว่าเราต้องมีการเติบโตอยู่ และเนื่องจากผมจบการตลาดมาจึงอยากนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด"

"มีความเกร็งนิดหนึ่ง พนักงานหลายคนอยู่กับเราตั้งแต่เริ่มบริษัทขึ้นมา พอเรากลับไป การทำงานต้องมีการปรับรูปแบบบ้าง แต่ต้องค่อยๆ พยายามเปลี่ยนเขา พร้อมกับอธิบายว่าทำไมเราถึงมองต่างไปที่เขาทำอยู่ ไม่รู้ว่าคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นบุกเบิกจะไปด้วยกันได้แค่ไหน แต่ผมก็พยายามผสมผสานอยู่ แต่อย่างหนึ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือ คนรุ่นเก่าเขามีประสบการณ์มากกว่าเราอยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถเตือนหรือป้องกันภัยไม่ให้เกิดความเสียหายได้ดีกว่าเราแน่นอน เราก็มองว่าตรงนั้นเป็นสิ่งสำคัญเพราะว่าหากเราไปนับหนึ่งใหม่ ก็คงต้องเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น"
คุณแม่ท่านฝากความหวังไว้กับไท้อย่างไรบ้าง?
คุณแม่อยากให้เข้ามาบริหารอย่างเต็มตัวอยู่แล้วครับ จริงๆ แล้วคุณแม่ค่อนข้างเปิดแนวทางบริหารหรือแนวทำการตลาดใหม่ๆ คุณแม่บอกว่าลองดูสไตล์คนรุ่นใหม่ทำอย่างไร คือเราจะมีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันตลอด"
นอกจากเรื่องงานแล้วไท้ชื่นชอบอะไรบ้างหรือว่ามีกิจกรรมที่น่าสนใจอะไรบ้าง?
"คือจริงๆ ผมว่า work life balance เป็นอะไรที่ทุกคนอยากได้อยู่แล้ว ผมก็พยายามทำให้มันเท่าๆ กัน เวลาทำงานเราก็คงต้องตั้งใจทำงานให้เยอะ พอถึงเวลาพักผ่อน ผมก็จะพักผ่อนเต็มที่ ถ้าคนรุ่นก่อนก็จะทำงานทุกวันไม่ค่อยหยุด แต่ผมว่ามันควรจะทำให้พอดีทั้งสองอย่าง"

"แต่ละทริปขึ้นอยู่กับว่าเราไปไหน จุดหมายปลายทางคืออะไร ถ้าจุดหมายปลายทางไกลอาจจะต้องใช้เวลาเยอะนิดหนึ่ง เพราะอุตส่าห์เดินทางไปแล้ว ก็เพิ่มวันนิดหนึ่ง แต่ถ้าจุดหมายใกล้ก็ดูว่าอาจจะอยู่ 3 วัน 5 วัน อย่างนี้ก็ได้ครับ"
ส่วนมากชอบไปประเทศอะไรที่สุด?
ยุโรปก็ชอบ เอเชียก็ชอบ แต่ชอบที่สุดคือ ปารีส กับ นิวยอร์ก ผมชอบในความวุ่นวายนิดหนึ่ง อย่าง ปารีส มันก็จะมีความน่ารักของตึก ความน่ารักของ เวลาเราไปซื้อก็จะมีอาหาร ไม่ใช่แค่อาหาร แต่จะมีเครื่องประดับต่างๆ ที่น่าสนใจ ส่วนนิวยอร์กคนค่อนข้างสดใส ถึงจะเป็นเมืองที่ค่อนข้างยุ่ง แต่มันก็มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ
ปกติไปกับใครมีเพื่อนไปไหมหรือนิยมไปคนเดียว?
"จริงๆ ไปกับเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ผมว่าไปกับเพื่อนซัก 3 - 4 คน กำลังสนุก ไม่วุ่นวายมาก แต่ถ้าไปซัก 5- 7 คนเริ่มแบบวุ่นวาย เพราะแต่ละคนก็อยากไปทำนู่นทำนี่"
มาถึงสิ่งที่หลายคนอยากรู้ว่า นิยามและมุมมองชีวิตคู่ของไท้เป็นอย่างไร?
"ผมว่าการจะมีใครสักคนที่เข้ามาในชีวิต คนนั้นจะต้องเป็นคนที่ช่วยดูแลกันและกันมากกว่านั้นคือต้องส่งเสริมกันประมาณนี้"

"ตอนนี้ผมมองความรักในแบบที่เป็นจริง เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมมองว่าความรักต้องสวยงาม หรือแค่แอบชอบเราก็มีความสุข แต่พออายุเพิ่มขึ้นเราก็มองว่ามันเป็นอะไรที่จริง เราต้องอยู่กับเขาได้อยู่เป็นเพื่อนกัน เป็นคู่คิดกันได้"
สำหรับความรักไท้เชื่อในเชื่อในพรหมลิขิตหรือเชื่อในตัวเองมากกว่ากัน?
"ผมเชื่อในทั้งสองอย่างได้ไหม (หัวเราะ) จริงๆ แล้วผมว่าการที่ความรักจะเกิดขึ้นได้มันก็คงมีพรหมลิขิตด้วยแหละแต่ ในความบังเอิญอันนั้นมันมีสิ่งที่เราเลือกที่จะทำอยู่ อย่างเช่น สมมติ ถ้าไปเจอเขาที่ร้านหนึ่ง ร้านนี้อาจจะเป็นที่ประจำที่เรามาอยู่แล้วจึงทำให้ได้พบกัน"
ตอนนี้มีความรักแล้วหรือยัง?
"มีเป็นแบบเพื่อนๆ กันมากกว่ายังไม่ได้เป็นแฟน"
ตอนนี้อายุเท่าไหร่และมองว่าจะแต่งงานอายุเท่าไหร่?
"ตอนนี้ผมอายุ 30 แล้วครับ ผมยังไม่แน่ใจว่าจะแต่งงานอายุเท่าไหร่ ผมว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า อย่ากำหนดเลยว่าอายุเท่านี้ จะต้องทำอย่างนั้น เพราะว่ามันไม่ใช่การเรียนหนังสือที่มันต้องมีเกณฑ์ในการเรียน อันนี้มันคือความรักผมว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติถึงเวลาที่เหมาะสม เจอคนที่เหมาะสมก็น่าจะดี ผมว่าถ้าเรากำหนดว่าอยากแต่งงานอายุเท่านี้เราไม่เจอใคร เราต้องกลับไปแต่งงานกับคนที่ไม่ใช่ ผมว่ามันก็อย่าไปกำหนดที่อายุดีกว่า"

"อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมโสดนานขนาดนี้ (หัวเราะ) แต่ผมก็ค่อนข้างมีความสุขกับชีวิตตอนนี้อยู่ เราอยู่กับเพื่อนทำงาน ก็ค่อนข้างแฮ็ปปี้เลย ยิ่งพอกลับมาทำงานที่บ้านแล้ว เรามีเป้าชัดเจนว่าเราอยากขยายยอดขายธุรกิจ ผมว่ามันมีอะไรในชีวิตที่ทำนอกจากการหาแฟน แฟนเป็นส่วนหนึ่งหรือคู่ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมในเรื่องต่างๆ แต่ถ้าเราต้องไปทุ่มให้เขาอยู่ฝ่ายเดียว ผมว่าความรักแบบนั้นก็ไม่ใช่ความรักที่อยากได้ มันต้องเป็นภาพรวมที่เราแฮ็ปปี้ เราต้องอยู่และต้องสบายใจ"
สุดท้ายที่ผ่านมาเคยทุ่มเทกับความรักขนาดนั้นไหม?
"อย่างที่บอกตอนเด็กๆ มันก็แฟนตาซีเนอะ เรามองว่าความรักมันต้องพิเศษและทุ่มเท แต่พอโตขึ้นมันก็จะเห็นมุมมองที่ต่างกันออกไป อย่างที่บอกความรักมันควรจะเป็นเพื่อนคู่คิด ควรที่จะอยู่ด้วยกันและสบายใจ และส่งเสริมกันในทุกๆ เรื่องครับ"

Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday
https://www.facebook.com/teeneedotcom