‘ธีร์’ แจงปมให้เงิน ‘เอ็มมี่’ แสนห้า ยันไม่โกรธโดนปูดเจ้าหนี้บุกบ้าน
หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย ‘ธีร์’ แจงปมให้เงิน ‘เอ็มมี่’ แสนห้า ยันไม่โกรธโดนปูดเจ้าหนี้บุกบ้าน
จากกรณีของ "เอ็มมี่ อมลวรรณ" หรือ "เอ็มมี่ แม็กซิม" ที่ต้องขึ้นศาลและประกันตัวในคดีโกงแชร์ 28 ล้าน ซึ่งแต่ละครั้งใช้เงินจำนวนมากหลักหมื่นจนถึงหลักแสน โดย "เอ็มมี่" ได้ทักไปขอความช่วยเหลือจากอดีตดารา "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" เพื่อถามถึงสัญญาเงิน 1 แสนบาท จาก 1.5 แสนบาท ซึ่ง "ธีร์" ได้เคยรับปากไว้และเคยให้ไว้แล้ว 5 หมื่น ครั้งที่ "เอ็มมี่" ได้เคยโพสต์ช่วยเหลือ "ธีร์" ในการรับบริจาครักษาอาการป่วย จนได้เงินไป 8 ล้านบาท แต่ "เอ็มมี่" กลับถูกปฏิเสธการขอความช่วยเหลือ
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทวงบุญคุณหรือการทวงสัญญา และ "ธีร์" ควรให้เงินแก่ "เอ็มมี่" หรือไม่
เพราะจากการแถลงข่าวของ "ธีร์" เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ผลปรากฎว่า "ธีร์" หลอกลวงสังคมเพราะอาการป่วยไม่ได้หนักถึงขั้นเสียชีวิตและยังมีหน่วยงานคอยช่วยเหลือ ส่วน "เอ็มมี่ อมลวรรณ" ก็ตกเป็นจำเลยสังคมข้อหาสมรู้ร่วมคิด
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทวงบุญคุณหรือการทวงสัญญา และ "ธีร์" ควรให้เงินแก่ "เอ็มมี่" หรือไม่
เพราะจากการแถลงข่าวของ "ธีร์" เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ผลปรากฎว่า "ธีร์" หลอกลวงสังคมเพราะอาการป่วยไม่ได้หนักถึงขั้นเสียชีวิตและยังมีหน่วยงานคอยช่วยเหลือ ส่วน "เอ็มมี่ อมลวรรณ" ก็ตกเป็นจำเลยสังคมข้อหาสมรู้ร่วมคิด
ล่าสุดวันนี้ (25/11/62) "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" อดีตดารา เจ้าของเงินบริจาค 8 ล้านบาท พร้อม "ทนายรัชพล ศิริสาคร" ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และเจ้าของเพจ "สายตรงกฎหมาย" ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
"ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" บอกว่า ตนไม่ได้อยากจะสร้างกระแส แต่ที่ออกมาพูดในวันนี้เพราะอยากให้เรื่องนี้จบ และอยากจะขอโทษ "เอ็มมี่" ที่ตนไม่ได้ช่วยเหลือตามที่ร้องขอ ตนคิดว่าตามมารยาทแล้ว "เอ็มมี่" ไม่น่าจะนำแชทที่คุยกันส่วนตัวไปเผยแพร่ แต่ไม่เป็นไร สิ่งที่ทุกคนได้เห็นในแชท ก็เป็นไปตามนั้น ตนยังมีภาระที่ต้องชำระหนี้สิน และยังต้องทำงานหาเงินประทังชีวิต โดยนำเงินที่มีออกมาใช้ประมาณแสนกว่ามาลงทุนขายของ ขายได้วันละ 400-500 บาท
ส่วนเงินก้อนที่ยังเหลือเกินครึ่ง ตนอยากจะเก็บไว้ให้คุณแม่เพื่อใช้รักษาตัวและเก็บไว้ใช้ในอนาคต เพราะตนไม่รู้ว่าอาการป่วยของตัวเองจะกำเริบขึ้นมาเมื่อไร ตนอยากจะใช้เงินให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ที่บริจาคให้มา
ถาม "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" ว่าจากที่แถลงข่าวไปคราวก่อน เจ้าตัวบอกจะนำเงินไปใช้หนี้บัตรเครดิต ตอนนี้ยังเหลือหนี้อะไรอีก วันนี้เจ้าตัวบอกว่าหนี้บัตรเครดิตเป็นการทยอยใช้หนี้ และยังเหลือหนี้ที่ยืมเพื่อน ๆ มา ก็ต้องทยอยใช้ ซึ่งที่ไม่ใช้หนี้ไปให้หมดก็เพราะว่าต้องดูวัตถุประสงค์ของเงินบริจาค คนบริจาคเขาอยากให้ใช้เงินในการรักษาตัว ตนเลยไม่อยากนำเงินไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น
"ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" บอกว่า ตนไม่ได้อยากจะสร้างกระแส แต่ที่ออกมาพูดในวันนี้เพราะอยากให้เรื่องนี้จบ และอยากจะขอโทษ "เอ็มมี่" ที่ตนไม่ได้ช่วยเหลือตามที่ร้องขอ ตนคิดว่าตามมารยาทแล้ว "เอ็มมี่" ไม่น่าจะนำแชทที่คุยกันส่วนตัวไปเผยแพร่ แต่ไม่เป็นไร สิ่งที่ทุกคนได้เห็นในแชท ก็เป็นไปตามนั้น ตนยังมีภาระที่ต้องชำระหนี้สิน และยังต้องทำงานหาเงินประทังชีวิต โดยนำเงินที่มีออกมาใช้ประมาณแสนกว่ามาลงทุนขายของ ขายได้วันละ 400-500 บาท
ส่วนเงินก้อนที่ยังเหลือเกินครึ่ง ตนอยากจะเก็บไว้ให้คุณแม่เพื่อใช้รักษาตัวและเก็บไว้ใช้ในอนาคต เพราะตนไม่รู้ว่าอาการป่วยของตัวเองจะกำเริบขึ้นมาเมื่อไร ตนอยากจะใช้เงินให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ที่บริจาคให้มา
ถาม "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" ว่าจากที่แถลงข่าวไปคราวก่อน เจ้าตัวบอกจะนำเงินไปใช้หนี้บัตรเครดิต ตอนนี้ยังเหลือหนี้อะไรอีก วันนี้เจ้าตัวบอกว่าหนี้บัตรเครดิตเป็นการทยอยใช้หนี้ และยังเหลือหนี้ที่ยืมเพื่อน ๆ มา ก็ต้องทยอยใช้ ซึ่งที่ไม่ใช้หนี้ไปให้หมดก็เพราะว่าต้องดูวัตถุประสงค์ของเงินบริจาค คนบริจาคเขาอยากให้ใช้เงินในการรักษาตัว ตนเลยไม่อยากนำเงินไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น
ที่สำคัญ ตนอยากจะบอกว่า ตนไม่ได้ย้ายบ้านหนีสื่อหรือหนีเอ็มมี่ตามที่เป็นข่าว ตนได้ย้ายบ้านออกไปก่อนหน้านี้ประมาณเดือนกว่าแล้ว เพราะผู้ใหญ่บ้านเห็นคนใส่เสื้อสำนักข่าวมาปีนรั้วบ้าน ด้วยความเครียดทำให้อาการป่วยของตนกำเริบและคุณแม่ก็ป่วย ผู้ใหญ่บ้านเลยแนะนำว่าให้ตนย้ายบ้าน เพื่อความปลอดภัยของตนและเงินจำนวนมาก
ถามว่าทำไมตนไม่คุยกับ "เอ็มมี่" ให้รู้เรื่อง ตนอยากจะบอกว่าในแชทที่คุยกัน ขณะนั้นตนกำลังทำธุระและดูแลคุณแม่อยู่ อ่านแล้วกะว่าจะมาตอบ แต่เอ็มมี่กลับโพสต์เฟซบุ๊กว่าตนเสียก่อน จากนั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันอีก
ส่วนเรื่องสัญญา 1.5 แสนบาท ที่ตนเคยสัญญากับ "เอ็มมี่" ไว้ ตนอยากจะชี้แจงว่า วันนั้นตนพูดกับเอ็มมี่ว่าพี่ขออนุญาตช่วยน้อง แต่ถ้าจะช่วยกันต่อไปเรื่อย ๆ พี่ต้องขอปรึกษาแฟนกับทางครอบครัวก่อน จากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ตอนนั้นที่คุยกันตนไม่เคยระบุจำนวนเงิน คาดว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิด แต่ที่ตนให้ "เอ็มมี่" ไป 5 หมื่นบาท เพราะตนสามารถช่วยได้แค่นั้น
ตนยังมองหน้า "เอ็มมี่" ติด ยังพูดคุยกันได้ ถ้าตนได้รับความเมตตาให้เล่นละครหรือซีรีส์ ได้ค่าตัวมากน้อย 3000 หรือ 5000 ตนก็ยินดีจะแบ่งให้
ถ้า "เอ็มมี่" ยินดีรับ
ถามถึงอาการป่วยโรควัณโรคทับตับและต่อมน้ำเหลืองของ "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" อีกครั้ง
เจ้าตัวบอกว่าขณะนี้ตนยังต้องไปพบแพทย์ทุกเดือน แต่อาการดีขึ้นมาก น้ำหนักเพิ่มขึ้นมา 20 กิโลกรัม แต่ถ้าดูแลตัวเองไม่ดี โรคที่เป็นอาจจะเป็นหนักขึ้น ขอบคุณหน่วยงานราชการที่ "เอ็มมี่" ติดต่อหามาให้ในตอนนั้น ทำให้ตนสามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก มีหลายหน่วยงานติดต่อเข้ามาช่วยเหลือ ได้แฟนคลับส่งของบำรุงมาให้ เงินที่ตนได้รับบริจาคมา ตนก็นำไปซื้อถั่งเช่ามากินบำรุง แต่ตนไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยกินหรูอยู่สบาย ที่เห็นตนทำงานที่เชียงใหม่ที่แต่งตัวดูดี จริง ๆ แล้วตนใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ เพียงแต่ใช้แอปฯแต่งรูปให้ดูดี
สุดท้ายเจ้าตัวบอกว่า "วันนี้ธีร์อยากให้เรื่องจบ สงสารน้องเอ็มมี่มีคดีเยอะ เครียด ไม่เป็นไร น้องเอ็มมี่ยังเป็นผู้มีพระคุณของพี่อยู่ วันหนึ่งถ้าพี่ได้ค่าตัวจากงานละครมาเล็ก ๆ น้อย ๆ สามพัน ห้าพัน ถ้าน้องยังรับน้ำใจยากพี่อยู่ พี่ก็ยินดี เป็นกำลังใจให้น้องเอ็มมี่เสมอ อยากให้ยิ้มให้กันดีกว่า จะปีใหม่แล้วเนอะ"
ด้าน "ทนายรัชพล ศิริสาคร" ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และเจ้าของเพจ "สายตรงกฎหมาย" ที่มาร่วมแถลงข่าวพร้อม "ธีร์" อดีตดารา ในวันนี้ บอกถึงสาเหตุที่ต้องมีทนายมาด้วย เนื่องจาก "ธีร์" มีความกังวลว่า อาจจะพูดคำที่ไม่เหมาะสมในการพูดถึงบุคคลอื่นอย่าง "เอ็มมี่ อมลวรรณ" เจ้าตัวมีความกังวลและกลัวจะถูกฟ้องหมิ่นประมาท จึงต้องมีทนายเข้ามาดูแล
https://www.facebook.com/teeneedotcom