แจ๊ค ไรเดอร์ โล่งอก หวิดตัดขา ผ่าตัดเนื้อติดเชื้อออก เผย ไปเยี่ยม บอย อยู่บ่อยครั้ง

ถึงแม้จะเป็นแผลแมลงกัดต่อย แต่ก็ไว้วางใจไม่ได้เลย หากเกิดติดเชื้อรุนแรงขึ้นมาแบบดีเจ แจ๊ค ไรเดอร์ ชนัตพล สังสิทธิเสถียร ที่ให้เกียรติมาสัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวภาพยนตร์ "ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก รักมั้ยลุง" ที่ ลานอินฟินิซิตี้ ฮอลล์ ชั้น5 พารากอนซีนีเพล็กซ์ ถึงเรื่องการผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อที่ติดเชื้อออก หลังจากถูกแมลงกัด จนเป็นแผลรูใหญ่ จนต้องเข้าโรงพยาบาลนานถึง 2 เดือน

ตอนนี้หายเป็นปกติดี?
"ตอนนี้เรื่องโรคคือร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วครับ แต่ลักษณะทางกายภาพมันเปลี่ยนไปเฉยๆ เพราะว่าเราไม่มีผิวหนังคนปกติแล้ว เป็นผิวหนังปลูกถ่าย ซึ่งเอาจากอีกฝั่งหนึ่งมาแปะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า มีความแข็งแรงบริเวณผิวน้อยกว่า เดินยากนิดหนึ่ง ถ้านั่งนานก็จะปวด คุณหมอบอกว่าอย่างน้อยครึ่งปีกว่าจะรู้สึกชิน รู้สึกปกติเหมือนเดิม"

ทำกายภาพไหม?
"กายภาพไม่ได้ทำ เพราะผมทำก่อนออกจากโรงพยาบาล คือทำกายภาพต้องหัดฝึกเดินใหม่ กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้สองเดือนมันลีบ ลีบเล็กลงแล้วทุกอย่างมันผิดจากปกติก็เลยทำให้ใช้ชีวิตไม่ปกติ แต่หลังจากกายภาพฝึกเดินแล้วเนี่ย ก็ลักษณะโดยทั่วไปเหมือนเดิม แต่เหมือนว่ามีอะไรรัดอยู่ที่ขาตลอดเวลา"

ช่วงแรกฝึกเดินยากไหม?
"ตอนแรกยากมาก เรารู้เลยว่าขาคนที่ไม่ได้ใช้เป็นเดือนจะเดินผิดปกติ เดินยากแล้วทุกครั้งที่เดินก็ปวดขา ก็ต้องแก้เรื่องของวิธีการเดิน คือเวลาเราเดินผิดปกติเราจะเดินลงด้วยปลายเท้า ซึ่งคนปกติมันต้องเดินลงด้วยส้นเท้า ก็เลยต้องไปฝึกเดินลงด้วยส้นเท้าใหม่ ซึ่งตอนเราเดินไม่เป็นก็นึกว่า เฮ้ย มันต้องฝึกเดินอะไรขนาดนั้น แต่พอเป็นแล้วรู้สึกว่ามันยากจริงๆ"

หายห่วงหมดทุกอย่างแล้ว?
"เยอะ ยกอะไรออกไปจากอกเยอะมาก เรื่องของโรคที่ตอนแรกคุณหมอบอกว่า ต้องรักษาดูวันต่อวัน ตามความเสี่ยงของหมอ เคยบอกไว้ก็ตัดขาไหม ก็เครียดเยอะมาก แต่พอผ่านไปคุณหมอเอาอยู่ หมอก็โอเค คุณแจ็คไม่ต้องตัดขาแล้วแหละ แต่ต้องดูว่าเราจะต้องตัดเนื้อออกไปแค่ไหน"

ก็ต้องเข้าไปพบคุณหมออยู่?
"ล่าสุดเพิ่ง ไปเจอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หมอบอกว่าแผลก็เรียบร้อยดีแต่ว่าไอ้สิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่เรียกว่าพังผืด ทำให้หนังสองแผ่นเกาะกัน ร่างกายต้องสร้างพังผืดขึ้นมา แล้วพังผืดมันมีความแข็งที่ต้องดึง ก็ทำให้เราเจ็บมาก"

เขาบอกวิธีการรักษาไหม?
"ก็ทาครีมที่คุณหมอให้มา คุณหมอก็บอกว่ารอให้ร่างกายมันซ่อมแซมตนเอง ครั้งต่อไปน่าจะเป็นอีกสองเดือนเลยครับ"

หลังจากที่ดีขึ้นแล้วยังมีความกังวลอยู่ไหม?
"ไม่กังวลเลยนะ เพราะว่าหมอบอกว่าเรื่องโรคจบที่เหลือแล้วก็ดูเรื่องแผลของเราไปเรื่อยๆ ให้มันรู้สึกชินยืดหยุ่นเหมือนปกติ ในช่วงเวลาที่ผ่านมามันก็เครียดน้อยหน่อย อย่างเรื่องค่ารักษาพยาบาล สุดท้ายแล้วมันเกือบล้านสี่ ซึ่งถามว่าตอนแรกๆมันเครียดมั้ย ก็เครียด แต่พอเรามีประกันที่เราซื้อ เข้ามาคุยเข้ามาดูแล เราก็สบายใจไปเยอะ หลายครั้งที่นักข่าวไปคุยแล้วถามเราว่า เป็นขนาดนี้ ตลกขนาดนี้ยังยิ้มได้อยู่ ผมก็บอกว่าเรายกเรื่องหนักๆ ของการรักษาโรค คือเรื่องเงินออกไป เหลือแค่ว่าลุ้นไปกับหมอว่าจะรักษาแค่ไหน พอรักษาไปเรื่อยๆคุณหมอก็บอกเองว่า นี่ดีขึ้นแล้วนะ ไม่ต้องตัดขาแล้วนะ เราก็โล่งใจขึ้นเยอะ"

ส่งผลกับงานไหม?
"ตอนนั้นก็ต้องงดทุกอย่างเลยครับ เหมือนบอยอ่ะ ไปไหนไม่ได้ ตอนบอยเป็นก็ต้องงดงานเหมือนกัน ต้องส่งไอจีไปขอโทษคนที่ไปรอ ก็เหมือนกันเราก็ต้องงดเหมือนกัน ถามว่าสูญเสียรายได้ไหม เยอะครับ สองเดือนเต็มที่ไม่ได้ออกไปงาน"

เรื่องอาหารการกินเป็นยังไงบ้าง?
"อาหารการกิน ตอนนี้ก็ปกติครับ คุณหมอ ก่อนหน้านี้ก็ให้ช่วยเร่งเรื่องโปรตีน แต่พอหลังสมานแผลเรียบร้อย หมอบอกว่าอย่ากลับไปอ้วนอีกนะ"

พอออกมาก็ไปเยี่ยมห้องข้างๆไหม?
"จริงๆอัพเดตกันตลอด ขอดูแผลบอยว่า เย็บออกมาแล้วเป็นยังไงบ้าง เพราะว่าของเราเนี่ยฉกรรจ์ พอดูของบอยเสร็จก็โล่งใจนะเพราะว่า ของบอยคือของจริงหมด สิ่งที่แปะของบอยคือหนังจริงหมด ไม่มีปลูกถ่ายเหมือนของเรา หมอก็เก่งนะคือเป็นแผลรูแบบนี้ คุณหมอก็ดึงหนังข้างข้างมาแปะโป๊ะลงไป เพราะฉะนั้นพอของบอยหายออกมา ของบอยจะเป็นหนังจริงหมด หมอบอกว่าแทบจะเหมือนจริงหมด มีแค่รอยเย็บ จริงๆก็เดินขึ้นเดินลงไปคุยกันตลอด บอยเดินลงมาหาผมบ้าง ผมเดินขึ้นไปหาบอยบ้าง ช่วงนั้นมันก็ไปไหนไม่ได้ เพราะอยู่ในโรงพยาบาลก็ได้คุยกัน จริงๆตั้งแต่แว๊บแรกบอยมาหา สิ่งที่ผมรู้สึกคือ รู้สึกอยากให้เขาเป็นน้อยๆ เพราะเรารู้ว่าการเป็นเยอะๆแบบเรามันส่งผลอีกหลายวันหลายเดือน แว๊บแรกที่บอกบอยว่าเป็นเหมือนกันเลย สิ่งที่ทำต่อมาคือภาวนาให้บอยเป็นน้อยๆหน่อย"

ตอนนี้กลับมารับงานได้เต็มที่แล้วหรือยัง?
"รับงานเต็มที่รับมากกว่าปกติก็ได้ครับ ตีลังกาได้หมดเลย คือสองเดือนที่หยุดไปก็คิดเหมือนกัน บรรยาศ ที่พอมีแฟนๆหรือคนที่เรารักเข้ามา ส่งกำลังใจว่าคิดถึงกัน พอกลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่า ขอบคุณมากนะครับ อีกส่วนหนึ่งที่ดีที่สุดเลย พอพี่ๆสื่อมวลชนได้บอกเรื่องนี้ออกไป เชื่อไหมฟีดแบ็กในโรงพยาบาลรัฐ คุณหมอคุยกันคุณหมอบอกว่า กลายเป็นว่าคนที่มาหาหมอด้วยโรคนี้ไม่โคม่าแล้วไม่ต้องตัดขาเยอะ คือสมัยก่อนที่เราไม่รู้ คนก็จะปล่อยมันลาม กินไปเยอะ จนต้องตัดขาแล้วในโรงพยาบาลรัฐ สูญเสียอวัยวะเยอะมาก พอหลังจากมีเรื่องนี้ผมเป็น บอยเป็นแล้วเราสื่อสารออกไปว่า ต้องดูแลตัวเองนะถ้ามีแผลเมื่อไหร่ มีรอยลามติดเชื้อด้วย ไม่สบายไข้ขึ้นให้รีบหาหมอ ปรากฏว่าคนมาเยอะขึ้น เร็วขึ้นแล้วคนก็สูญเสียอวัยวะน้อยลง ก็อนุโมทนาพี่ๆสื่อมวลชนด้วย"