หากสังเกตดูตัวเลขการรับสมัคร "นักล่าฝัน" ในแต่ละปี จะพบว่ามีเยาวชนสนใจตบเท้าเข้ามาสมัครกันอย่างมืดฟ้า มัวดินและหลายหมื่นคน ทั้งที่ รายการเรียลลิตี้อย่างน้อย กระแสความนิยมแค่ 1-3 ครั้ง ก็จอดสนิทอยู่ในสนามกันแล้ว
กลับเป็นว่า "ทรู อะคาเดมี แฟนเทเซีย" ยังมีกระแสนิยมจากผู้ชมและผู้สมัคร "นักล่าฝัน" หวังที่ถามหาความฝัน "ศิลปิน-นักแสดง" กันอย่างหนาตาและเพิ่มขึ้นทุกปี ต่างจาก "รายการเรียลลิตี้" และรายการประกวดทั่วไป อย่างมากแค่เห็น "ผู้สมัครนับพันคน" ก็บุญโขแล้ว
ดูเหมือน "อะคาเดมี แฟนเทเซีย" ในเมืองไทย ยังมีเยาวชนคลั่งไคล้ต่อเนื่อง เหตุผลหนึ่งคือ รายการนี้เขาปั้นศิลปิน-นักแสดงเข้าสู่วงการบันเทิงได้ดังใจ ตามความฝันของทุกคน
ประการที่สอง ส่วนใหญ่ศิลปิน-นักแสดงที่ผ่านเวทีนี้ จะมีงานรองรับอย่างต่อเนื่อง ทุกคนจะไม่นั่งปากแห้ง รอคิวงานจาก "ผู้จัดการ" ที่วิ่งรอกหางาน บางคนทนไม่ไหว ถอดใจไป เพราะว่ารับกฎเหล็กต้นสังกัดไม่ได้
ประการที่สาม ระบบการจัดการและการบริหารงานศิลปินค่อนข้างที่มีระบบ
ประการที่สี่ บริษัทดูแลดี เงินดี คอยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี มีความมั่นคงทางการงาน
นี่แหละปัจจัยหลักที่เยาวชนและผู้ปกครองต่างสนใจและสนับสนุนที่อยากให้ "บุตรหลาน" ต่างหันมาสมัครเป็นผู้ร่วมแข่งขัน "เวทีนักล่าฝัน" เพราะเวลานี้ ผู้ปกครองต่างสนับสนุน ลูกหลานๆ ที่สนใจกิจกรรมดนตรี ทั้งที่อยู่ในเมืองไทยและนักเรียนนอก พ่อแม่เขาพร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่
เป็นที่น่าสังเกตว่า บรรดาลูกคนดัง ตระกูลดี และทายาทนักการเมืองหลายคน ที่เคยผ่านเวทีประกวด "นักล่าฝัน" จนสามารถปั้นเป็น "นักร้องดัง" มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง มีงานเข้ามาไม่ขาดมือ จะเห็นน้อยคนที่ "ดังแล้วลืมตัว" นำทุนชื่อเสียงไปใช้ผิดประเภท
จนเป็นที่สนใจของบรรดาค่ายสินค้า จองตัวเป็น "พรีเซ็นเตอร์" มีให้เห็นกันไม่ขาดมือ และที่สำคัญ "ทีมงาน" เขาวางเกมการตลาดได้อย่างแยบยล หากสังเกต การสร้างแบรนด์ "นักล่าฝัน" แต่ละคนนั้น เขาวางกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
โดยงัดเอาความสามารถของ "นักล่าฝัน" แต่ละคนถูกสร้างขึ้นมาเป็น "โปรดักส์" ไม่ว่าจะเป็นสตริง และนักร้องลูกทุ่งก็ตาม จนสามารถสร้างความจดจำ "ชื่อนักล่าฝัน" ได้เกือบทุกรุ่น แถมยังมีพลังแฟนคลับ คอยสนับสนุนกันมากมาย กลายเป็น "พลังการตลาด" อีกกลุ่มหนึ่ง
ข้อมูลจาก
ขอขอบคุณ
ที่เอื้อเฟื้อภาพ
กลับเป็นว่า "ทรู อะคาเดมี แฟนเทเซีย" ยังมีกระแสนิยมจากผู้ชมและผู้สมัคร "นักล่าฝัน" หวังที่ถามหาความฝัน "ศิลปิน-นักแสดง" กันอย่างหนาตาและเพิ่มขึ้นทุกปี ต่างจาก "รายการเรียลลิตี้" และรายการประกวดทั่วไป อย่างมากแค่เห็น "ผู้สมัครนับพันคน" ก็บุญโขแล้ว
ดูเหมือน "อะคาเดมี แฟนเทเซีย" ในเมืองไทย ยังมีเยาวชนคลั่งไคล้ต่อเนื่อง เหตุผลหนึ่งคือ รายการนี้เขาปั้นศิลปิน-นักแสดงเข้าสู่วงการบันเทิงได้ดังใจ ตามความฝันของทุกคน
ประการที่สอง ส่วนใหญ่ศิลปิน-นักแสดงที่ผ่านเวทีนี้ จะมีงานรองรับอย่างต่อเนื่อง ทุกคนจะไม่นั่งปากแห้ง รอคิวงานจาก "ผู้จัดการ" ที่วิ่งรอกหางาน บางคนทนไม่ไหว ถอดใจไป เพราะว่ารับกฎเหล็กต้นสังกัดไม่ได้ ประการที่สาม ระบบการจัดการและการบริหารงานศิลปินค่อนข้างที่มีระบบ ประการที่สี่ บริษัทดูแลดี เงินดี คอยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี มีความมั่นคงทางการงาน นี่แหละปัจจัยหลักที่เยาวชนและผู้ปกครองต่างสนใจและสนับสนุนที่อยากให้ "บุตรหลาน" ต่างหันมาสมัครเป็นผู้ร่วมแข่งขัน "เวทีนักล่าฝัน" เพราะเวลานี้ ผู้ปกครองต่างสนับสนุน ลูกหลานๆ ที่สนใจกิจกรรมดนตรี ทั้งที่อยู่ในเมืองไทยและนักเรียนนอก พ่อแม่เขาพร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่
เป็นที่น่าสังเกตว่า บรรดาลูกคนดัง ตระกูลดี และทายาทนักการเมืองหลายคน ที่เคยผ่านเวทีประกวด "นักล่าฝัน" จนสามารถปั้นเป็น "นักร้องดัง" มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง มีงานเข้ามาไม่ขาดมือ จะเห็นน้อยคนที่ "ดังแล้วลืมตัว" นำทุนชื่อเสียงไปใช้ผิดประเภท
จนเป็นที่สนใจของบรรดาค่ายสินค้า จองตัวเป็น "พรีเซ็นเตอร์" มีให้เห็นกันไม่ขาดมือ และที่สำคัญ "ทีมงาน" เขาวางเกมการตลาดได้อย่างแยบยล หากสังเกต การสร้างแบรนด์ "นักล่าฝัน" แต่ละคนนั้น เขาวางกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
โดยงัดเอาความสามารถของ "นักล่าฝัน" แต่ละคนถูกสร้างขึ้นมาเป็น "โปรดักส์" ไม่ว่าจะเป็นสตริง และนักร้องลูกทุ่งก็ตาม จนสามารถสร้างความจดจำ "ชื่อนักล่าฝัน" ได้เกือบทุกรุ่น แถมยังมีพลังแฟนคลับ คอยสนับสนุนกันมากมาย กลายเป็น "พลังการตลาด" อีกกลุ่มหนึ่ง
ข้อมูลจาก
ขอขอบคุณ
ที่เอื้อเฟื้อภาพ 
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday
https://www.facebook.com/teeneedotcom