เก๋เคลียร์ใจทำไมไม่ตรวจDNAแอร์บัส จนปู่แรมคาใจหน้าไม่เหมือนโอ!!

หลังการเสียชีวิตของอดีตพระเอกผู้ล่วงลับ โอ วรุฒ วรธรรม ประเด็นต่างๆ ทั้งดีและร้ายก็ถูกขุดคุ้ยและถาโถมกันอย่างหนัก หนึ่งในนั้นก็คือ กรณีที่ อดีตภรรยา อย่าง เก๋ พิชชภา ที่เลิกลากันไปพร้อมความคาใจเรื่อง DNA ของลูกชายอย่าง น้องแอร์บัส ที่เก๋เคยให้เหตุผลเอาไว้ว่า ที่ไม่ขอตรวจDNA เพราะกลัวว่าสุดท้ายลูกจะไม่ได้อยู่ด้วย

อย่างไรก็ตามจากการสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของคุณปู่ แรม วรธรรม ที่ยังคาใจว่า หน้าตาของน้องแอร์บัสไม่คล้ายกับลูกชายอย่าง โอ วรุฒ ก็ทำให้สาวเก๋ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งผ่านทางการโพสต์ข้อความในเฟ๊ชบุ้กส่วนตัว

ระบุว่า

"ข้อใช้พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ชี้แจงนะคะ ในกรณีที่พ่อของพี่โอให้สัมภาษณ์ในส่วนของการตรวจ DNA ถ้าตอนนี้อยากตรวจทางเราก็ยินดีค่ะ ตอนนี้พร้อมแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกับพี่โอแล้วว่าถ้าข้องใจก็มาตรวจจะได้จบๆ ไป คุยกันเมื่อ 1 ปีที่แล้ว แล้วพี่เค้าก็เงียบหายไปเลยไม่มีการติดต่อใดๆ อีก เมื่อก่อนที่ไม่ตรวจเพราะเราคิดว่าตรวจแล้วลูกอาจจะไม่ได้อยู่กับเรา เพราะตอนนั้นถ้าเกิดฝั่งนั้นอยากได้ลูก เราจะสู้อะไรเขาได้ จริงอยู่ค่ะที่สิทธิ์เลี้ยงลูกจะเป็นของแม่ แต่ถ้าแม่ไม่มีงานทำไม่มีรายได้แม่ยังจะได้สิทธิ์เลี้ยงลูกอยู่มั้ย?

ตอนนั้นจึงตัดสินใจไม่ตรวจ เพราะถ้าขาดลูกคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ และอีกอย่างไม่ได้กลับไปอยู่กับแฟนเก่านะคะ ออกมาก็ทำงานเลี้ยงลูกค่ะ ไม่มีเวลามาคิดเยอะ มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ตั้งแต่แยกทางกันไม่เคยเรียกร้องเรื่องเงินหรือความรับผิดชอบใดใดจากทางนั้นเลยค่ะและไม่เคยปิดกั้นในการเจอลูก แต่เราอยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากวุ่นวายอะไรมาก ไม่ว่าสื่อหรือกระแสจะมายังไงเราก็เลือกที่จะเงียบเพราะคิดว่าเรารู้อยู่แก่ใจก็พอ แล้วและเรื่องก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว ในวันนี้ลำบากใจมากที่จะพูดถึงเรื่องนี้เพราะก็ไม่อยากจะพาดพิงถึงพี่โอ อยากให้เค้าจากไปอย่างสงบ แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลยคนก็ตีความกันไปต่างๆ นานา

เมื่อวานที่พาน้องไปกราบไม่ได้อยากดังไม่ได้หวังสมบัติอะไรทั้งสิ้นค่ะ ไปเพราะตั้งใจอยากจะพาลูกไปกราบลาเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เพราะทุกวันนี้น้องก็มีความสุขดีไม่ได้ลำบาก และเราพยายามมากๆ ที่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เค้า น้องเป็นเด็กร่าเริง สนุกสนาน เค้าจะรับรู้แต่สิ่งที่ดีดีเกี่ยวกับพี่โอ เราไม่อยากปลูกฝังอะไรที่มันไม่ดีเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ให้เค้าฟัง ยอมรับว่าเสียใจที่ได้ยินเรื่องแบบนี้อีกและไม่ได้อยากจะถือสาคุณพ่อของพี่โอ แต่เราก็สงสารลูกเราด้วยเหมือนกัน ไม่ผิดค่ะที่จะคิดแบบนั้น แต่ถ้าสงสัยอะไรควรจะคุยกับเราโดยตรงดีกว่าเรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ ค่ะ อยากให้เห็นใจครอบครัวเราด้วย ลองมองดูมุมของเราด้วยถ้าทุกอย่างถูกต้องจริงๆ เรากับลูกๆ จะเจ็บปวดแค่ไหน

สิ่งที่ให้ร้ายได้ที่สุดก็คือคำพูด ให้ดีที่สุดก็คือคำพูด ต้องระมัดระวังกันอย่างมาก เป็นสิ่งที่ให้โทษให้คุณได้มากที่สุดก็คือคำพูด

คำพูดบางคำก็เหมือนปืนลั่นไก เขม่าดำติดที่ใจคนพูด กระสุนติดในใจคนฟัง......จริงนักแล"