‘ติ๊ก’ย้อนความหลังเสียดายบทนางเอก-วงการวันนั้นสุดต่างจากวันนี้!(คลิป)
ล่าสุด ติ๊ก-กัญญารัตน์ ได้มาเปิดใจในรายการ "คุยแซ่บ SHOW" ทางช่อง ONE31 ที่มี ธัญญ่า-ธัญญาเรศ และ หนิง-ปณิตา เป็นพิธีกร และเผยถึงชีวิตความรักว่าไม่พร้อมเปิดตัว แต่ร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ไปงานแต่ง เพราะฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาวบ้าง
ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย ?
"จริงๆก็ไม่ได้หายไปไหนนะ แต่ค่อนข้างจะบินไปทำรายการบ่อย เดือนนึงต้องทำให้ได้ 4-5 เทป บินไปทีก็อยู่ซัก 10 วัน หลังๆ เริ่มจะอยู่นานหน่อยประมาณสองอาทิตย์"
แต่ที่คนเข้าใจว่าหายไปหมายถึงละคร ไม่เห็นหน้าเลยกี่ปีแล้ว ?
"เรื่องล่าสุดเลยคือ หยกลายเมฆ น่าจะประมาณ 7 ปีแล้ว"
เพราะอะไรถึงไม่รับละครแล้ว ?
"จริงๆอยากเล่นนะ แต่ว่าตอนที่ไม่ได้รับเล่นอาจเป็นเพราะว่าเด็ก พอถึงช่วงวัยนึงของวัยรุ่นที่เราทำงานตั้งแต่เลข 1 จนมาถึงเลข 3 เนี่ยมันตัน ช่วงนั้นนักแสดงไม่เยอะขนาดนี้ เขาก็จะใช้เราซ้ำๆ เรารู้สึกว่าทำงานมาตั้งแต่อายุสิบกว่า เรารู้สึกว่าเหนื่อย เราอยากเบรก แต่ไม่คิดว่าการเบรกจะเปลี่ยนชีวิตอีกนานเลย"
แล้วมีคนติดต่องานละครมามั้ย ?
แต่มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นมั้ย ?
"ไม่ซับซ้อนเลย คือเรารู้สึกว่าอยากเบรกช่วงนึงแค่นั้นเอง แล้วก็ผันตัวเองไปทำเบื้องหลัง อยากทำรายการของตัวเอง อยากทำอะไรที่มันเป็นของเรา เราอยากเติบโต"
รู้สึกเสียดายมั้ย เพราะดาราในรุ่นของพี่ทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นนางเอกได้อยู่ ?
"ถ้า ณ วันนี้บอกเลยว่าเสียดาย เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ เพราะอายุเราเยอะขึ้น ต่อให้เราลงไปเล่นละคร เรารู้สึกว่าคนเขาไม่เชื่อเราแล้ว เพราะเราโต เราทิ้งช่วงไป เราเสียดาย เราทิ้งตรงนั้นไปทำไม แทนที่เราจะโกยตรงนั้นไปก่อน ให้คนดูได้อิ่มกับเรามากกว่านี้ก่อน แล้วค่อยผันตัวเอง ตอนนี้เสียดายที่มันย้อนกลับไปไม่ได้"
"ไม่พักค่ะ คือถ้ามีคนชี้แนะว่าให้เราทำคู่ขนานกันไปได้ เราคงไม่เบรกตัวเอง"
เลยเป็นที่มาของคำว่า ติ๊กติสต์แตก ?
"ติ๊กไม่ได้ติสต์เลยค่ะ เพียงแต่ว่าเราแค่อยากจะเลือก มีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปงาน ไปเพื่อถ่ายรูปเหรอ แต่งตัวชุดราตรี จ้างช่างอะไรมากมาย ลงทุน 3-4 หมื่น ไปถ่ายรูปแล้วกลับ เพื่อโปรโมตตัวเอง เรามาถึงจุดนึงแล้ว เพดานมันไม่ทะลุไปกว่านี้แล้ว คนเขาก็รู้จักเราหมดแล้ว เราไม่ได้ต้องการไปโปรโมตตัวเองตลอดเวลา"
"บทแม่หรอ หน้ายังเด็กอยู่เลยนะ (หัวเราะ) ก็รับค่ะ คือจริงๆ ขออะไรก็ได้ ที่เป็นบทแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนในตัวเรื่องด้วย การกลับไปมันต้องมีอะไรให้เราเล่น ถ้ามีบทดีๆ ก็จะรับเล่นค่ะ"
ในยุคที่พี่ติ๊กเป็นนางเอกมีความกดดันกว่ามากมั้ยถ้าเทียบกับน้องๆยุคนี้ ?
"กดดันกว่าน้องในยุคนี้มาก ยุคนี้คือเป็นยุคอิสระ ยิ่งทำอะไรที่อิสระ ทำอะไรที่เปิดเผยให้คนรับรู้มากขึ้น กลายเป็นว่ายิ่งดังมียอด Follow เยอะขึ้น ยิ่งทำอะไรที่เป็นแง่ลบ กลายเป็นว่ามีคนกลับผลักดันเขามากขึ้น ในขณะที่ยุคของติ๊กถ้าใครทำอะไรที่ผิดคุณไม่มีสิทธิ์รับงาน ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำงานกับใครได้เลย เขาห้ามเรื่องของยาเสพติดเป็นอันดับแรกเลย เพราะเราเป็นคนของประชาชน เรื่องแฟนก็ห้าม"
แล้วเรื่องที่เราไม่ต่อสัญญากับช่องช่องนึงเป็นเพราะอะไร เพราะตอนนั้นก็ดังมากนะ ?
"ตอนนั้นเราอยู่ช่องนั้นนานพอสมควร มีตัวละครอยู่แค่ 3 ตัวเอง ใช้งานอยู่แค่ ติ๊ก กบ น้ำผึ้ง ผลัดกันเล่นอยู่สามคน เรามองละครช่องอื่นๆ เรามองพี่ๆ ช่องอื่นๆ ที่เขาเล่นหลากหลายบท หลากหลายผู้ร่วมงาน เราอยากได้บทหลากหลาย เราอยากลองเล่นกับพระเอกคนอื่นๆ ที่เขากำลังอินกัน ยอมรับว่าตอนนั้นเราก็มองพี่หนุ่ม-ศรราม ว่าพี่เค้าอยู่ช่องนี้ แล้วเขาก็ย้ายไปอยู่อีกค่ายนึง แล้วเขาก็ได้เล่นทั้งช่องนี้ กับช่องนี้ มันได้หลากหลาย จริงๆ เราไม่ได้อยากไปอยู่กับใครเลย อยากได้ร่วมงานหลากหลายโอกาส เพราะเราได้แต่บทพีเรียดเกือบทุกเรื่อง"
"จริงๆ มันอาจจะเป็นช่วงเปลี่ยนยุค ไม่ได้เกี่ยวกับติ๊กเลย มันเป็นช่วงที่เราเปลี่ยนชีวิตของเรา พอหมดสัญญาปุ๊ป เราก็คิดว่ากำลังจะต่อ ทางช่องเขาก็มีเตรียมให้สองสามเรื่อง อีกที่นึงเขาก็ยื่นนักแสดงแต่ละเบอร์มาให้เราเล่น แต่ละบทให้เราเล่น เรารู้สึกมันท้าทาย มันต้องเลือก แต่จริงๆ กับอั้ม นอกจอก็สนิทกัน รักใคร่กันดี ต้นเหตุข่าวต่างๆ คิดว่าน่าจะเป็นที่ด้วยยุคนั้นมันไม่เหมือนกับยุคนี้ที่นางเอกพระเอกจะรวมตัวเป็นแก๊งค์นั้น แก๊งค์นี้่ ดูสนิทสนมรักใคร่กัน แต่มันเป็นแนว ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำงาน ใครดีใคร อยู่ มากกว่า "
รับชมสัมภาษณ์เต็มๆ ได้ในคลิปนี้ >>>>>>
https://www.facebook.com/teeneedotcom