ทีมแพทย์แถลงอาการ ‘โจอี้ บาซู’ หลังกลายเป็นอัมพาตซีกขวา! ฝั่งเพื่อนศิลปิน รวมตัวทำสิ่งนี้ช่วย
กระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ 27 เม.ย. คนไข้แจ้งความต้องการจะย้ายมาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จากนั้นจึงได้มีการติดต่อโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาให้ส่งตัวคนไข้มา หลังจากที่คนไข้ย้ายมาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ตอนนั้นคนไข้รู้สึกตัวดีพอสมควร ไข้เริ่มจะลงแล้ว คุยพอรู้เรื่อง จากนั้นแพทย์ได้ทำเอ็มอาร์ไอซ้ำพบว่ายังมีสมองส่วนที่ตายข้างซ้ายอยู่ แต่ว่าตอนนั้นไข้เริ่มลงแล้ว แพทย์ก็ได้ให้ยาฆ่าเชื้อต่อเหมือนกัน สำหรับการวางแผนการรักษาก็จะเป็นเหมือนคนไข้ที่มีเนื้อสมองตาย ซึ่งก็ต้องรอดูว่าคนไข้จะมีอาการมากขึ้นหรือน้อยลงอีกที่หนึ่ง โดยจะใช้เวลาประเมินคนไข้ประมาณ 3 เดือน ในช่วงนี้ก็ดูอาการต่อ รวมถึงให้ทำกายภาพควบคู่ไปด้วย ฟื้นฟูร่างกายและป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้คนไข้เป็นอัมพาตใช่ไหม แพทย์หญิงอาทิตา กล่าวว่า ถ้าเอาตามอาการจริงๆ ตอนนี้ก็เป็นลักษณะของอ่อนแรงแขนขาครึ่งซีกด้านขวา เรื่องของการสื่อสารตอนนี้เนื้อสมองเสียตรงด้านที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารด้วย เลยยังสื่อสารได้ไม่ชัดเจน คือเสียในเรื่องของการควบคุมการพูด การควบคุมของแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกซีกขวา สำหรับแนวโน้มในการรักษา ตั้งแต่เริ่มมาถึงที่เรา คนไข้มีอาการอ่อนแรงเท่านี้อยู่แล้ว ซึ่งยังคงเท่าเดิม แต่ที่ดีขึ้นคือไข้ลดลงแล้ว อย่างอื่น ณ ตอนนี้ยังไม่เจอภาวะแทรกซ้อนอะไรที่รุนแรง คืออาการค่อนข้างคงที่จากคนไข้เข้ามารับการรักษาได้ประมาณ 3-4 วัน ตอนนี้อาการของเดิมคือเป็นอาการทางด้านหลอดเลือดสมองปกติที่น่าเป็นห่วงอยู่แล้ว ถือว่าตอนนี้อาการคงที่ คงต้องดูแลในระะยาวต่อไป แล้วในแง่ของที่ดูแลต่อเนื่อง เรื่องสมองเมื่อเห็นว่าอาการคงที่ก็จะเน้นฟื้นฟูมากกว่า ฟื้นฟูในด้านการทำกายภาพ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา โอกาสที่จะกลับไปหายปกตินั้น ตรงนี้หมอคงตอบไม่ได้ชัดเจน คงดูในรายละเอียดแต่ละช่วงไป ภาวะตอนนี้เพิ่งเป็น ต้องรอดูว่าเขาฟื้นฟูสภาพได้มากน้อยแค่ไหน อย่างโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด ต้องรักษาว่ามาจากสาเหตุใดเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ ไม่ได้รักษาว่าสมองเสียไปแล้ว แล้วไปทำให้เขาหาย แต่ป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำยังไง และฟื้นฟูเขายังไงมากกว่า ซึ่งคนไข้ให้ความร่วมมือดีในการรักษา
ต่อข้อถามว่าที่ต้องประเมินอาการ 3 เดือนคือต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างเดียวใช่ไหม แพทย์หญิงธนิศรา เรืองพัฒนาวิวัฒน์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เผยว่า โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องอยู่ร.พ.นานถึง 3 เดือน เมื่อคนไข้อาการเริ่มคงที่และไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรก็สามารถให้คนไข้กลับบ้านได้ ส่วนการฝึกกายภาพบำบัดสามารถนัดมาเป็นครั้งเพื่อที่จะฟื้นฟู เพื่อที่ให้การบ้านให้กลับไปทำที่บ้าน แต่ถ้าบางรายมีภาวะแทรกซ้อนก็อาจจะอยู่ต่อ ซึ่งตอนนี้คนไข้อยู่ในช่วงรอดูอาการและหาสาเหตุค่ะ
พลอากาศตรี นายแพทย์สันติ เสริมว่า การอยู่โรงพยาบาลนานๆ ก็จะมีปัญหาเรื่องการติดเชื้อ ซึ่งเชื้อในโรงพยาบาลจะเป็นเชื้อที่ค่อนข้างแรงกว่าที่อื่น ฉะนั้นถ้าคนไข้สามารถกลับบ้านได้หมายถึงในแง่ของจิตใจด้วย คนไข้ที่อยู่ที่บ้านจะดีกว่าคนไข้ที่นอนโรงพยาบาลแน่นอน
ต่อข้อถามว่าอาการป่วยที่คนไข้เป็นอยู่ตอนนี้เกิดจากการเสพสารเสพติดด้วยหรือไม่ แพทย์หญิงอาทิตา กล่าวว่า อันนี้เราคงไม่ได้ลงไปในแง่รายละเอียดของสารเสพติด แต่ในแง่ทั่วๆ ไปโรคนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุอยู่แล้ว เราคงต้องดูแลไปตามอาการที่ตรวจพบ
สำหรับเรื่องการรับประทานอาหารของคนไข้ แพทย์หญิงอาทิตา กล่าวว่า ตอนนี้คนไข้มีปัญหาในด้านของการควบคุมกล้ามเนื้อในการกลืน รวมถึงการพูด ตอนนี้จึงยังไม่สามารถกินได้ด้วยตนเองทางปาก ต้องให้อาหารทางสายอยู่ เรื่องการสื่อสารอย่างง่ายๆ ได้ แต่ไม่เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อันนี้คงต้องรอการฟื้นฟู แต่คนไข้มีสติมนแง่ตื่น รู้ตัว แต่ยังเสียด้านภาษาในการสื่อสารอยู่ ปกติมองโดยทั่วไปในเรื่องของหลอดเลือดสมองขาดเลือดก็เป็นอะไรที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินที่ค่อนข้างวิกฤติอยู่แล้ว แต่ละอาการช่วงนี้ผ่านไปสักระยะหนึ่งอาการเริ่มคงที่ค่ะ
"เรื่องคอนเสิร์ตผมได้บอกโจอี้ว่าจะรวมศิลปินหลายคน เขามีสีหน้าพอใจ แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่ญาติ เรื่องการเงินจะมีข้อครหา เลยหาทางเพื่อให้เขาใช้เงินได้ถูกต้องถูกจุดที่สุด ถูกประโยชน์มาก เพราะเราไม่รู้ว่าเขามีเจ้าหนี้นอกระบบหรือเจ้าหนี้ในระบบ แต่ที่เราจัดครั้งนี้ให้เขาฟื้นฟูตัวเองหลักจากออกจากโรงพยาบาล ผมได้คุยกับลูกสาวเขาในเบื้องต้น แต่ว่ายังไม่สรุปแล้วกัน ยังหาคำตอบอยู่" ปีเตอร์กล่าว
ด้านนายอัฐพล นาคอ่อน ประธานฝ่ายจัดหาทุน สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย พูดถึงประเด็นที่ทาง "โจอี้ บาซู" ต้องเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องของคดีความว่า ตนได้นำใบรับรองแพทย์ให้กับเจ้าหน้าที่แล้ว รวมถึงรายงานแพทย์ตามผลและอาการ และยังต้องนำใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ไปให้อีกรอบ เพื่อยืนยันว่าย้ายโรงพยาบาลแล้วอาการเป็นอย่างไร สำหรับเจ้าหน้าที่เขาขอเข้าประชุมกันก่อน ตนมั่นใจว่าเขาป่วยจริง ส่วนอาการของเขาดีขึ้น พูดเล่น พูดล้อได้ ถามว่าเขามีกังวลอะไรไหม เขามีฝากฝังเรื่องของครอบครัวไว้บ้าง ในฐานะที่ได้พบเขาก็โล่งใจ
นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล หรือ "เบน" เพื่อนคนแรกที่ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือและดูแลค่าใช้จ่ายให้ "โจอี้ บาซู" เผยว่า ตนกับโจอี้สนิทกันนานแล้ว ก่อนจะนำโจอี้มาที่โรงพยาบาลนี้ได้บอกโจอี้อย่างชัดเจนแล้วว่าตนทำให้หมด ให้เขาสบายใจ เวลาตนมาเยี่ยมเขาพูดคุยตลอด พูดออกมาเป็นคำๆ แล้วการที่หลายๆ ฝ่ายเข้ามาช่วยน่าจะเป็นกำลังใจเยอะ ส่วนเส้นเลือดในสมองตีบแพทย์จะพูดอย่างไรนั้น ตนคิดว่ามาจากความเครียดหลายๆ อย่าง ถ้าจะเอาเรื่องยาเสพติดมาเกี่ยว ตนว่าไม่น่าเกี่ยวนะ เพราะตนรู้ว่าเขาเครียดอะไร ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายตนจะรักษาเขาจนหาย
https://www.facebook.com/teeneedotcom