บิณฑ์ เผยสาเหตุ“น้องอิน” ขับรถไปอยุธยาหาแฟนทอม มีปากเสียงก่อนรถชน!
หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย บิณฑ์ เผยสาเหตุ“น้องอิน” ขับรถไปอยุธยาหาแฟนทอม มีปากเสียงก่อนรถชน!
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 8 เม.ย. ที่ศาลา3 วัดราชสิงขร พระอารามหลวง ถนนเจริญกรุง ได้มีการทำพิธีรดน้ำศพ น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี หรือ น้องอิน อดีตนักแสดงเด็กชื่อดัง อายุ 21 ปี ที่เสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักชนต้นไม้แถวสะพานข้ามทางรถไฟเชียงราก เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมีนางลัดดา เชิดชูบุพการี แม่ของน้องอิน ,เบล-ภูวรินทร์ แดงเจริญสุข แฟนหนุ่ม ,บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ,แบมบี้-สิรินทร์พร ปัจฉิมสวัสดิ์ ร่วมรดน้ำศพ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ต่อมา เวลา 16.50 น. หลังจากทำพิธีรดน้ำศพ น้องอิน น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี เสร็จแล้ว บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่า
"ผมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมวันนี้ และเป็นเจ้าภาพตลอดทั้งงาน เรื่องจริงทั้งหมดที่ผมจะพูดตั้งแต่เหตุการณ์ลำดับแรกว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ในคืนนั้น ผมได้คุยกับอดีตแฟนของน้องอิน คือ เบล ที่เป็นผู้ชาย และแฟนคนปัจจุบันคือน้องไทม์ ซึ่งเป็นทอม น้องไทม์ เป็นแฟนใหม่ที่รู้จักกับน้องอินเป็นปีแล้ว แต่ตอนนั้นไทม์ไปเรียนต่อที่อังกฤษ และอินก็ได้มาสนิทสนมและคบกับน้องเบล จนทั้งคู่ก็ได้ห่างกันและเลิกกันแล้ว แต่ก็ยังทำธุรกิจเครื่องสำอางด้วยกันอยู่ แล้วไทม์ก็ได้กลับมาที่เมืองไทย อินก็ได้กลับมาคบกับน้องไทม์ต่อ วันนั้นที่อินอยู่พัทยา น้องอิน ก็โทรมาหาน้องไทม์ บอกว่าเบื่อมากที่พัทยาจะไปหาไทม์ได้ไหม
ต่อมา เวลา 16.50 น. หลังจากทำพิธีรดน้ำศพ น้องอิน น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี เสร็จแล้ว บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่า
"ผมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมวันนี้ และเป็นเจ้าภาพตลอดทั้งงาน เรื่องจริงทั้งหมดที่ผมจะพูดตั้งแต่เหตุการณ์ลำดับแรกว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ในคืนนั้น ผมได้คุยกับอดีตแฟนของน้องอิน คือ เบล ที่เป็นผู้ชาย และแฟนคนปัจจุบันคือน้องไทม์ ซึ่งเป็นทอม น้องไทม์ เป็นแฟนใหม่ที่รู้จักกับน้องอินเป็นปีแล้ว แต่ตอนนั้นไทม์ไปเรียนต่อที่อังกฤษ และอินก็ได้มาสนิทสนมและคบกับน้องเบล จนทั้งคู่ก็ได้ห่างกันและเลิกกันแล้ว แต่ก็ยังทำธุรกิจเครื่องสำอางด้วยกันอยู่ แล้วไทม์ก็ได้กลับมาที่เมืองไทย อินก็ได้กลับมาคบกับน้องไทม์ต่อ วันนั้นที่อินอยู่พัทยา น้องอิน ก็โทรมาหาน้องไทม์ บอกว่าเบื่อมากที่พัทยาจะไปหาไทม์ได้ไหม
ไทม์บอกว่าถ้าเที่ยงคืนแล้วไม่ต้องมา เพราะมันดึกเกินไป แต่น้องอิน ก็ถามน้องไทม์ ว่าจากพัทยาไปอยุธยากี่กิโล น้องไทม์บอกว่า 200 กว่ากิโล อินเลยบอกว่าใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว ซึ่งไทม์บอกว่าเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมง มาจากพัทยา 4 ทุ่ม ก็ต้องมาถึงอยุธยาเที่ยงคืน ไทม์ก็ไม่ให้มา แต่ด้วยความที่น้องอินอยากจะเจอน้องไทม์
ซึ่งประมาณตีหนึ่งกว่าน้องอินมาถึงกรุงเทพ คุณแม่โทรหาน้องอินประมาณ 01.17 นาที ถามว่าน้องอินอยู่ไหน น้องอิน บอกแม่ว่าอยู่คอนโดแถวบางนา แต่ความจริงน้องอิน ไม่ได้อยู่คอนโด แต่กำลังไปอยุธยา แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงอยุธยา ประมาณเกือบตี 2 น้องอินยังไม่ถึงอยุธยา แต่บอกกับไทม์ว่าอีกประมาณ 50 กิโล จะถึงอยุธยา ตอนนั้นไทม์อยู่อยุธยาบอกว่าตอนนี้ฝนตกหนักมาก ถ้าอินอยู่กรุงเทพก็ไม่ต้องมา ให้ตีรถกลับกรุงเทพไปเลย แต่อินบอกว่าจะถึงแล้ว ถ้ามาแล้วยังไงก็ต้องขอเจอ เพราะว่าคิดถึง
ซึ่งประมาณตีหนึ่งกว่าน้องอินมาถึงกรุงเทพ คุณแม่โทรหาน้องอินประมาณ 01.17 นาที ถามว่าน้องอินอยู่ไหน น้องอิน บอกแม่ว่าอยู่คอนโดแถวบางนา แต่ความจริงน้องอิน ไม่ได้อยู่คอนโด แต่กำลังไปอยุธยา แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงอยุธยา ประมาณเกือบตี 2 น้องอินยังไม่ถึงอยุธยา แต่บอกกับไทม์ว่าอีกประมาณ 50 กิโล จะถึงอยุธยา ตอนนั้นไทม์อยู่อยุธยาบอกว่าตอนนี้ฝนตกหนักมาก ถ้าอินอยู่กรุงเทพก็ไม่ต้องมา ให้ตีรถกลับกรุงเทพไปเลย แต่อินบอกว่าจะถึงแล้ว ถ้ามาแล้วยังไงก็ต้องขอเจอ เพราะว่าคิดถึง
น้องไทม์เขาบอกเรื่องหนึ่งว่า คือ คุยกันประสาแฟน ว่าน้องไทม์จะลงรูปคู่กับน้องอินในอินสตาแกรมได้ไหม เปิดเผยได้ไหมว่าเราคบกัน น้องอิน ก็บอกได้เลยไม่เป็นไร แต่ด้วยความที่อารมณ์อะไรก็ไม่รู้ ที่น้องอิน ไม่พอใจน้องไทม์ นิดหน่อย ระหว่างทางไทม์ บอกว่ามีปากเสียงกัน จนกระทั่งตี 2 ครึ่ง เริ่มคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว น้องอินบอกว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า เจอกันค่อยคุยกันเลยวางสายไป หลังจากวางสายไปได้ประมาณ 2 นาที ไทม์ ก็โทรหาใหม่ น้องอิน ก็รับ คุยกันไม่ถึงนาทีก็บอกว่ากำลังจะถึงแล้ว กำลังจะรีบขับรถ แล้วก็วางสายใหม่
จากนั้นน้องไทม์ ก็ไม่ได้โทรตามอีก จนกระทั่งตี 3 โทรไปอีกก็ไม่ได้รับการติดต่อ โทรไป 10-20 รอบก็ไม่มีคนรับ น้องไทม์ เลยเข้าใจว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้น น้องอิน ยังไปไม่ถึงน้องไทม์ อยู่ระหว่างกำลังจะถึงอยุธยา แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น ณ ตอนนั้น เพราะดูจากที่เกิดเหตุแล้วไม่มีรอยเบรคเลย แสดงว่าขับรถมาด้วยความเร็วมาก ประกอบกับฝนตกถนนลื่น ตอนที่กู้ภัยไปเจอรถและร่างของน้องอิน ตอนนั้นน้องอินเริ่มมีการแข็งแล้ว คือต้องเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4-5 ชั่วโมง แน่นอนว่าน้องอินต้องเสียชีวิตประมาณตี 3 ตอนที่น้องไทม์จะโทรมาถามว่าถึงหรือยัง ทำไมหายไปนาน หรือว่ากลับกรุงเทพก็เป็นห่วง จนตี 4 ก็ยังโทร จนไม่ไหวแล้ว คิดว่าน้องอินคงงอนและกลับกรุงเทพไปแล้ว จนกระทั่งทราบข่าวเสียชีวิตประมาณ 9 โมงเช้า คาดว่าตอนตี 3 ที่น้องอินประสบอุบัติเหตุไม่มีรถผ่านมาเลย จนมาเจอตอนเช้า
จากนั้นน้องไทม์ ก็ไม่ได้โทรตามอีก จนกระทั่งตี 3 โทรไปอีกก็ไม่ได้รับการติดต่อ โทรไป 10-20 รอบก็ไม่มีคนรับ น้องไทม์ เลยเข้าใจว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้น น้องอิน ยังไปไม่ถึงน้องไทม์ อยู่ระหว่างกำลังจะถึงอยุธยา แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น ณ ตอนนั้น เพราะดูจากที่เกิดเหตุแล้วไม่มีรอยเบรคเลย แสดงว่าขับรถมาด้วยความเร็วมาก ประกอบกับฝนตกถนนลื่น ตอนที่กู้ภัยไปเจอรถและร่างของน้องอิน ตอนนั้นน้องอินเริ่มมีการแข็งแล้ว คือต้องเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4-5 ชั่วโมง แน่นอนว่าน้องอินต้องเสียชีวิตประมาณตี 3 ตอนที่น้องไทม์จะโทรมาถามว่าถึงหรือยัง ทำไมหายไปนาน หรือว่ากลับกรุงเทพก็เป็นห่วง จนตี 4 ก็ยังโทร จนไม่ไหวแล้ว คิดว่าน้องอินคงงอนและกลับกรุงเทพไปแล้ว จนกระทั่งทราบข่าวเสียชีวิตประมาณ 9 โมงเช้า คาดว่าตอนตี 3 ที่น้องอินประสบอุบัติเหตุไม่มีรถผ่านมาเลย จนมาเจอตอนเช้า
"น้องไทม์ยืนยันว่าน้องอิน ไม่ได้กินเหล้า ไม่ได้ง่วงนอน ตอนคุยก็ยังปกติมาก ไม่มีอาการแบบนั้นเลย คิดว่าน่าจะเป็นลักษณะรีบขับ แล้วฝนตกหนักไป จึงชนขอบสะพาน ซึ่งไม่มีรอยเบรคเลย ส่วนเรื่องโทรศัพท์ที่หายไป ผมถามน้องไทม์ และถามกู้ภัยไม่มีใครรู้เหมือนกัน ไม่มีใครเจอ มันอาจจะกระเด็นตกตรงไหนสักที่ ที่เรายังไม่ได้ไปหาจริงๆจังๆ"
"ส่วนเรื่องที่กู้ภัยอินบ๊อกไปในเฟซบุ๊กส่วนตัวของน้องแบมบี้ ผมไม่ทราบข้อมูลนี้ ว่าทราบได้ยังไง เพราะวันนั้นกู้ภัยที่มาส่ง ผมก็อยู่ เขาก็เล่าให้ฟังว่าเจอร่างน้องอินประมาณ 7 โมงกว่า เจอกระเป๋าสตางค์ และของทุกอย่าง แล้วก็ตามหาญาติ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาไปอินบ๊อกถามใคร ผมไม่ทราบ ส่วนเรื่องโทรศัพท์ก็ต้องหาต่อไป"
"ถนนเส้นนั้นน้องไม่เคยไป บ้านน้องไทม์ไม่ได้อยู่อยุธยา เพียงแต่เขาไปเที่ยวที่อยุธยาแล้วน้องอินจะไปหาเท่านั้นเอง ในข่าวบอกว่าน้องทอม คนนี้เรียกน้องอินไป แต่น้องไทม์ ห้ามแล้วว่าถ่าเกิดเที่ยงคืนไม่ต้องมา แต่อินพยายามจะไปหา ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มีขึ้นเสียงกันนิดหน่อย และน้องไทม์ บอกว่าถ้าอินจะขึ้นเสียงอย่างนี้อย่าเพิ่งคุยดีกว่า แล้วกำลังขับรถด้วย เขาก็โอเคบอกว่าไปถึงแล้วค่อยคุยกัน ตอนนี้ไทม์เขาก็เสียใจมาก"
"ส่วนเรื่องที่กู้ภัยอินบ๊อกไปในเฟซบุ๊กส่วนตัวของน้องแบมบี้ ผมไม่ทราบข้อมูลนี้ ว่าทราบได้ยังไง เพราะวันนั้นกู้ภัยที่มาส่ง ผมก็อยู่ เขาก็เล่าให้ฟังว่าเจอร่างน้องอินประมาณ 7 โมงกว่า เจอกระเป๋าสตางค์ และของทุกอย่าง แล้วก็ตามหาญาติ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาไปอินบ๊อกถามใคร ผมไม่ทราบ ส่วนเรื่องโทรศัพท์ก็ต้องหาต่อไป"
"ถนนเส้นนั้นน้องไม่เคยไป บ้านน้องไทม์ไม่ได้อยู่อยุธยา เพียงแต่เขาไปเที่ยวที่อยุธยาแล้วน้องอินจะไปหาเท่านั้นเอง ในข่าวบอกว่าน้องทอม คนนี้เรียกน้องอินไป แต่น้องไทม์ ห้ามแล้วว่าถ่าเกิดเที่ยงคืนไม่ต้องมา แต่อินพยายามจะไปหา ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มีขึ้นเสียงกันนิดหน่อย และน้องไทม์ บอกว่าถ้าอินจะขึ้นเสียงอย่างนี้อย่าเพิ่งคุยดีกว่า แล้วกำลังขับรถด้วย เขาก็โอเคบอกว่าไปถึงแล้วค่อยคุยกัน ตอนนี้ไทม์เขาก็เสียใจมาก"
"ผมอยากจะรู้ความจริงว่ามันคืออะไร เพราะว่าเมื่อวานผมได้คุยกับน้องเบลว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร แต่พอมาคุยกับน้องไทม์มันเป็นคนละเรื่อง น้องเบลอาจจะเข้าใจผิด"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าได้เห็นข้อความที่เขาแช็ตคุยกันหรือเปล่า
บิณฑ์ ตอบว่า "เมื่อสักครู่เขาได้เอาข้อความให้ดู ตลอดระยะทางเขาคุยกันมาตลอด จนกระทั้ง เขาโทรหากันตอนตี 02.32 นาที ตอนตี 3 ก็ยังโทรติดอยู่แต่ไม่ได้รับก็คิดว่างอน คิดว่าหลับ ส่วนเรื่องที่จะมีการดำเนินคดีความอะไรกันไหม ผมไม่รู้ แล้วแต่ทางญาติ ถ้าญาติรู้สึกว่าอยากจะค้นหาความจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าญาติจะติดใจก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเรื่องไม่มีคู่กรณี เกิดอุบัติเหตุด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องความผิดพลาดของรถผมว่าไม่มี เพราะว่าเป็นการขับมาด้วยความเร็ว แต่เอาไม่อยู่ครับ"
บิณฑ์ เล่าต่อว่า "รถบีเอ็มคันนี้ น้องอินออกมาได้ 2 อาทิตย์ น้องก็เรียกผมให้ไปนั่ง ที่ผมออกมาพูดเรื่องน้องอิน เพราะว่าน้องอินรู้จักผมตอนอายุ 8 ขวบ เหมือนเป็นญาติของผม ไม่ว่าผมจะไปไหนจะเรียกน้องอินไปด้วยตลอด น้องอิน เป็นคนธรรมะเข้าวัด ไปนั่งวิปัสสนา ถือศีล 5-8 วัน ไปเก็บศพไร้ญาติน้องอินก็จะไปกับผมตลอด สิ่งนึงที่เกิดขึ้น ผมแปลกใจว่าต้องเกิดขึ้นกับน้องอิน ตอนที่น้องอินเอารถบีเอ็มมารับ ผมก็แปลกใจน้องขับรถเร็วมาก ผมยังเตือนว่าขับแบบนี้อันตรายมาก เพราะว่าขับ 130-140 กม/ชม. น้องเขาบอกว่าเขาดูแลตัวเองได้"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าได้เห็นข้อความที่เขาแช็ตคุยกันหรือเปล่า
บิณฑ์ ตอบว่า "เมื่อสักครู่เขาได้เอาข้อความให้ดู ตลอดระยะทางเขาคุยกันมาตลอด จนกระทั้ง เขาโทรหากันตอนตี 02.32 นาที ตอนตี 3 ก็ยังโทรติดอยู่แต่ไม่ได้รับก็คิดว่างอน คิดว่าหลับ ส่วนเรื่องที่จะมีการดำเนินคดีความอะไรกันไหม ผมไม่รู้ แล้วแต่ทางญาติ ถ้าญาติรู้สึกว่าอยากจะค้นหาความจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าญาติจะติดใจก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเรื่องไม่มีคู่กรณี เกิดอุบัติเหตุด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องความผิดพลาดของรถผมว่าไม่มี เพราะว่าเป็นการขับมาด้วยความเร็ว แต่เอาไม่อยู่ครับ"
บิณฑ์ เล่าต่อว่า "รถบีเอ็มคันนี้ น้องอินออกมาได้ 2 อาทิตย์ น้องก็เรียกผมให้ไปนั่ง ที่ผมออกมาพูดเรื่องน้องอิน เพราะว่าน้องอินรู้จักผมตอนอายุ 8 ขวบ เหมือนเป็นญาติของผม ไม่ว่าผมจะไปไหนจะเรียกน้องอินไปด้วยตลอด น้องอิน เป็นคนธรรมะเข้าวัด ไปนั่งวิปัสสนา ถือศีล 5-8 วัน ไปเก็บศพไร้ญาติน้องอินก็จะไปกับผมตลอด สิ่งนึงที่เกิดขึ้น ผมแปลกใจว่าต้องเกิดขึ้นกับน้องอิน ตอนที่น้องอินเอารถบีเอ็มมารับ ผมก็แปลกใจน้องขับรถเร็วมาก ผมยังเตือนว่าขับแบบนี้อันตรายมาก เพราะว่าขับ 130-140 กม/ชม. น้องเขาบอกว่าเขาดูแลตัวเองได้"
ถามต่อเหตุผลที่ออกมาพูดครั้งนี้เพราะอะไร
บิณฑ์ ตอบว่า "อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าเรื่องมันมีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร บางคนไปบอกว่าน้องอิน กินเหล้าเมา แล้วขับรถ อยากให้รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น น้องไม่ได้กินเหล้า ไม่ได้ง่วง ขับรถมีสติทุกอย่าง ไม่ชินพื้นที่ ประกอบกับฝนตกหนัก มันคืออุบัติเหตุ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต พ่อเขาโทรมาคุยกับเขาว่าขับรถให้ระวังนะ สงกรานต์อย่าขับรถไปเที่ยวไหน อยู่กับบ้านนะ พ่อเขาเตือนมาแค่อาทิตย์เดียว แต่น้องอินบอกว่า ไม่เป็นไร พ่อไม่ต้องมาเตือนหนู พ่อไม่ได้มาดูแลหนูตั้งหลายปี อันนี้คือแม่เขาเล่นให้ผมฟัง ว่าพ่อเขาโทรมาเตือนเขาแล้ว
หลังจากนี้พิธีศพ จะจัดอย่างไรบ้าง
บิณฑ์ เผยว่า "เราจะสวด 3 คืน แล้ววันที่ 11 เมย. ฌาปนกิจเลย แล้ววันที่ 12 เม.ย. ลอยอังคาร ที่วัดช่องลม หลังจากนั้นก็ทำบุญกระดูกอีก 7 วัน ส่วนคุณแม่ของน้อง ญาติพี่น้องเขาจะพาไปอยู่ด้วย ส่วนเรื่องทั้งหมดในวัด ค่าใช้จ่ายตนเป็นคนจัดการเอง"
บิณฑ์ ตอบว่า "อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าเรื่องมันมีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร บางคนไปบอกว่าน้องอิน กินเหล้าเมา แล้วขับรถ อยากให้รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น น้องไม่ได้กินเหล้า ไม่ได้ง่วง ขับรถมีสติทุกอย่าง ไม่ชินพื้นที่ ประกอบกับฝนตกหนัก มันคืออุบัติเหตุ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต พ่อเขาโทรมาคุยกับเขาว่าขับรถให้ระวังนะ สงกรานต์อย่าขับรถไปเที่ยวไหน อยู่กับบ้านนะ พ่อเขาเตือนมาแค่อาทิตย์เดียว แต่น้องอินบอกว่า ไม่เป็นไร พ่อไม่ต้องมาเตือนหนู พ่อไม่ได้มาดูแลหนูตั้งหลายปี อันนี้คือแม่เขาเล่นให้ผมฟัง ว่าพ่อเขาโทรมาเตือนเขาแล้ว
หลังจากนี้พิธีศพ จะจัดอย่างไรบ้าง
บิณฑ์ เผยว่า "เราจะสวด 3 คืน แล้ววันที่ 11 เมย. ฌาปนกิจเลย แล้ววันที่ 12 เม.ย. ลอยอังคาร ที่วัดช่องลม หลังจากนั้นก็ทำบุญกระดูกอีก 7 วัน ส่วนคุณแม่ของน้อง ญาติพี่น้องเขาจะพาไปอยู่ด้วย ส่วนเรื่องทั้งหมดในวัด ค่าใช้จ่ายตนเป็นคนจัดการเอง"
Cr:::khaosod.co.th
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
https://www.facebook.com/teeneedotcom