สุดช็อค!! “เกล love Sick” เปิดใจ นาทีรู้เรื่องฉาวคุณพ่อ ติดหญิงขายบริการ! (คลิป)
หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย สุดช็อค!! “เกล love Sick” เปิดใจ นาทีรู้เรื่องฉาวคุณพ่อ ติดหญิงขายบริการ! (คลิป)
หลังจากที่ "เกล love Sick" หรือ "นันญ์จีรา สิริปิยะโภคิน" ได้ออกมาเปิดเผยพร้อมกับคุณแม่ "ปัญฐ์นิสา หาญวุฒินานนท์" ถึงกรณีที่ครอบครัวของเธอกำลังมีปัญหา ถูกพ่อแท้ๆ ของเธอหลบหน้าเพราะติดหญิงขายบริการ พอไปพบถูกถมน้ำลายใส่หน้าและตราหน้าว่าเธอเป็นดาราตกกระป๋อง นอกจากนั้นยังมีภาพปรากฏทางออนไลน์ว่าคุณพ่อทำร้ายร่างกายและได้มีการฟ้องหย่าเกิดขึ้น เป็นคดีความมาร่วม 1 ปีแล้ว ล่าสุดเกล และคุณแม่ ได้มาเปิดใจกับทางรายการ เจาะประเด็น ทาง ช่อง 8 โดยมี "ต่วย-ภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ถึงกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมถึงกรณีการฟ้องหย่า ทั้งนี้ยังได้เชิญคุณ "ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช" นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข มาร่วมพูดคุยถึงกรณีดังกล่าวด้วย
- ครอบครัวมีกันกี่คน
คุณแม่ : ครอบครัวมี 4 คนค่ะ มีน้องชายของน้องเกลอีก 1 คน แต่งงานจดทะเบียนสมรสถูกต้องอยู่กินกันมา 25 ปีค่ะ
- ปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร
คุณแม่ : เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่น้องเกลเข้าสู่วงการบันเทิง พักหลัง ๆ เขามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เหมือนเวลานั่งคุยกันก็คุยกันแบบโมโหง่าย หงุดหงิดง่าย เราใช้ชีวิตปกติของเรามาโดยตลอด เรื่องที่เขาจะเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องปกติของเค้าแล้ว ความผิดปกติมันเกิดขึ้นตอนที่หลังจากที่น้องเกลไปเจอคุณพ่อเดินออกมาจากสถานที่ขายบริการ
คุณแม่ : เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่น้องเกลเข้าสู่วงการบันเทิง พักหลัง ๆ เขามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เหมือนเวลานั่งคุยกันก็คุยกันแบบโมโหง่าย หงุดหงิดง่าย เราใช้ชีวิตปกติของเรามาโดยตลอด เรื่องที่เขาจะเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องปกติของเค้าแล้ว ความผิดปกติมันเกิดขึ้นตอนที่หลังจากที่น้องเกลไปเจอคุณพ่อเดินออกมาจากสถานที่ขายบริการ
- ไปเจอคุณพ่ออย่างไร
น้องเกล : เราไปเจอคุณพ่อที่สถานที่ขายบริการ วันนั้นคุณพ่อบอกว่าไปทำงาน เราก็ขับรถไปหาอะไรกินกับคุณแม่แล้วก็บังเอิญเจอรถคุณพ่อพอดี ก็มีความสงสัยคุณแม่ก็เลยไปหาจอดรถ ส่วนตัวหนูเองไปยืนรอดูเลยค่ะ ว่าถ้าเขาออกมาจากสถานที่นี้คือใช่ รอสักพักใหญ่ ๆ หลังจากนั้นพ่อก็ออกมาแล้วเจอเรา พ่อตกใจแล้วก็หนีเลย คือพ่อทิ้งรถเอาไว้แล้วเรียกแท็กซี่กลับเลยค่ะ หนูถามทุกอย่างตามสัญชาตญาณที่เราควรจะถามอยู่แล้ว แต่คุณพ่อก็เลือกที่จะหนีขึ้นแท็กซี่ไป
- ปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร
คุณแม่ : เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่น้องเกลเข้าสู่วงการบันเทิง พักหลัง ๆ เขามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เหมือนเวลานั่งคุยกันก็คุยกันแบบโมโหง่าย หงุดหงิดง่าย เราใช้ชีวิตปกติของเรามาโดยตลอด เรื่องที่เขาจะเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องปกติของเค้าแล้ว ความผิดปกติมันเกิดขึ้นตอนที่หลังจากที่น้องเกลไปเจอคุณพ่อเดินออกมาจากสถานที่ขายบริการ
คุณแม่ : เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่น้องเกลเข้าสู่วงการบันเทิง พักหลัง ๆ เขามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เหมือนเวลานั่งคุยกันก็คุยกันแบบโมโหง่าย หงุดหงิดง่าย เราใช้ชีวิตปกติของเรามาโดยตลอด เรื่องที่เขาจะเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องปกติของเค้าแล้ว ความผิดปกติมันเกิดขึ้นตอนที่หลังจากที่น้องเกลไปเจอคุณพ่อเดินออกมาจากสถานที่ขายบริการ
- ไปเจอคุณพ่ออย่างไร
น้องเกล : เราไปเจอคุณพ่อที่สถานที่ขายบริการ วันนั้นคุณพ่อบอกว่าไปทำงาน เราก็ขับรถไปหาอะไรกินกับคุณแม่แล้วก็บังเอิญเจอรถคุณพ่อพอดี ก็มีความสงสัยคุณแม่ก็เลยไปหาจอดรถ ส่วนตัวหนูเองไปยืนรอดูเลยค่ะ ว่าถ้าเขาออกมาจากสถานที่นี้คือใช่ รอสักพักใหญ่ ๆ หลังจากนั้นพ่อก็ออกมาแล้วเจอเรา พ่อตกใจแล้วก็หนีเลย คือพ่อทิ้งรถเอาไว้แล้วเรียกแท็กซี่กลับเลยค่ะ หนูถามทุกอย่างตามสัญชาตญาณที่เราควรจะถามอยู่แล้ว แต่คุณพ่อก็เลือกที่จะหนีขึ้นแท็กซี่ไป
- วินาทีที่เราเห็นรถพ่อใจคิดไหมว่าอย่าเป็นพ่อเราเลย
น้องเกล : เราไม่ได้คิดอะไรแล้วค่ะ ถ้าพ่อออกมาจริง ๆ เราแค่ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน ผิดหวังมันผิดหวังอยู่แล้วค่ะเป็นเรื่องปกติ เราอยากรู้ว่าพ่อจะมีวิธีอธิบายให้เราฟังอย่างไร
คุณแม่ : เราก็เห็นนะ มันพูดอะไรไม่ถูก เราก็เคยรู้มานานแล้วเคยถามแต่เขาบอกว่าเขาไม่ได้ไป ถามอะไรเขาก็ปฏิเสธทุกอย่าง เสียใจนะคะ บอกให้เราเชื่อเราก็เชื่อ ไว้ใจ ใช้ชีวิตปกติ แต่ครั้งนี้เราเห็นกับตา
น้องเกล : เราไม่ได้คิดอะไรแล้วค่ะ ถ้าพ่อออกมาจริง ๆ เราแค่ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน ผิดหวังมันผิดหวังอยู่แล้วค่ะเป็นเรื่องปกติ เราอยากรู้ว่าพ่อจะมีวิธีอธิบายให้เราฟังอย่างไร
คุณแม่ : เราก็เห็นนะ มันพูดอะไรไม่ถูก เราก็เคยรู้มานานแล้วเคยถามแต่เขาบอกว่าเขาไม่ได้ไป ถามอะไรเขาก็ปฏิเสธทุกอย่าง เสียใจนะคะ บอกให้เราเชื่อเราก็เชื่อ ไว้ใจ ใช้ชีวิตปกติ แต่ครั้งนี้เราเห็นกับตา
- เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
คุณแม่ : หลังจากนั้นเขาก็ออกจากบ้านไปแล้วก็ไปอยู่บ้านของทางคุณพ่อที่อยู่ถัดจากบ้านเรา เขาก็ไม่ได้ให้คำตอบว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่แค่ว่าเขาไปสถานที่ขายบริการแล้วเราต้องฟ้องหย่า แต่คือ เขาไม่ติดต่อ ไม่อะไรมาเลย ค่าเลี้ยงดู ค่าเทอม ต่าง ๆ นานา
น้องเกล : เราก็ตามไปที่บ้านนั้น ตอนแรกจะไปหาคำตอบ แต่พอเราไปแล้วไม่ได้ เราก็เลยคิดว่าถ้าวันนี้ไม่ได้คำตอบเราจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ถ้าป๊าตัดสินใจว่าจะเลิกกับทางคุณแม่ก็ควรตัดสินใจเลยให้มันชัดเจน เราเบี่ยงมาที่ประเด็นนี้แทน ส่วนน้องชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็จะต้องเคลียร์ให้เป็นเรื่องเป็นราว
คุณแม่ : เราเข้าไปที่บ้านเขา เขาแจ้งตำรวจจับน้องเกล กับน้องชาย ข้อหาบุกรุกบ้านเขา ก่อกวนทั้งที่ทะเบียนบ้านน้องเกลกับน้องชาย อยู่ที่บ้านหลังนั้น
น้องเกล : เขาวิ่งหนีเรา ขับรถหนี คือบ้านเรามันอยู่ติดกัน ไปไหนมาไหนมันเจอกันอยู่แล้วค่ะ เพราะมันเป็นที่ที่ปกติเราจะต้องผ่านตรงนี้ประจำอยู่แล้วค่ะ เรื่องแจ้งความจับเราที่เราเข้าไปก่อกวนวุ่นวาย จริง ๆ แล้วมันไม่ได้วุ่นวายเลยค่ะ ถ้าพ่อมานั่งคุยกับเราปกติ แต่เลือกที่จะหนี เลือกที่จะให้คนอื่นมาช่วยเคลียร์ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องของครอบครัวเราเอง
- เรารู้สึกอย่างไรบ้าง คนที่เคยไปรับไปส่ง คอยแนะนำเราทุกอย่าง แต่วันนี้เป็นแบบนี้
น้องเกล : ร้องไห้บ่อยมากค่ะ เพราะเขาเป็นแบบอย่างทุกอย่างให้เรา ณ จุดจุดนี้คือเราไม่เข้าใจมากกว่าว่าเขาต้องการอะไร คุณพ่อเป็นผู้จัดการของเกล เวลาเราได้เล่นซีรีย์ พ่อก็จะคอยถามว่าบทประมาณไหน ลองต่อบทกับป๊า ทำไมไม่เล่นแบบนี้ ป๊าก็จะคอยให้คำแนะนำ พอไปออกรายการพ่อก็สอนเราค่ะว่าต้องหัดวิเคราะห์คนนะว่า คนแบบนี้ลักษณะแบบไหน เขาจะชอบเราถ้าเราพูดแบบนี้ นี่คือสิ่งที่พ่อแนะนำ เรามีความรู้สึกว่าพ่อเราเก่งมาก สุดยอดเลย เข้าหาคนเก่งเหลือเกิน เรารู้สึกภูมิใจ เหมือนพอมาตอนนี้พ่อหาว่าเราแสดงละครทำให้คนอื่นเกลียดเขา แต่ขณะเดียวกันเรามองกลับไป สิ่งที่พ่อสอนพ่อกำลังทำแบบนั้นเพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าเราเป็นคนผิดแทน
- เราไปหาพ่อแล้วถูกถมน้ำลายใส่ มันเกิดอะไรขึ้น
น้องเกล : คือเราก็เครียดนะคะ มันเป็นระเวลายาวนานมาก ถูกกดดันจากทั้งสองฝ่าย ทางคุณพ่อแล้วก็คุณแม่ เหมือนเราเป็นคนกลาง มีวันนึงที่เราไปเจอคุณพ่อ เรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เราอยากได้คำตอบอะไรก็ได้ กำหนดวันหรืออะไรก็ได้ที่จะได้คุยกัน ไม่ใช่ขอกลับไปคิดก่อน แล้วเราก็รออยู่ตลอดเวลา เราก็เลยเดินตาม พ่อก็วิ่งหนี ข้ามถนน 4 เลน เกลก็ข้ามถนนไปตามเขานะคะ ทำไมไม่หยุดสักที เขาก็เลยหันมาถมน้ำลายใส่เกล ในระหว่างที่เขาวิ่งหนี เขาก็ตะโกนบอกทุกคน ลูกใครก็ไม่รู้ อย่ามายุ่งกับฉัน ทำเหมือนคนไม่รู้จักกันทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพ่อเรา พูดไปถึงว่าเราเป็นดาราตกกระป๋อง ให้ไปเปลี่ยนนามสกุล แล้วก็ไม่ต้องเรียกเขาว่าพ่อด้วยค่ะ
คุณแม่ : เราได้ยินจากที่ลูกเล่า เรารอคำอธิบายกับเขามานานมาก ไม่จัดการอะไรสักที เขาพูดมาว่าถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา เขาไม่มีอะไรจะให้ เหมือนอยากหย่า เขาก็จะหย่าให้ แต่ให้ไปฟ้องเอา ครึ่งปีมาเราก็อยู่กับคำตอบแบบนี้ ทุกคนก็เปลี่ยนไปหลังจากนั้น หันไปมองลูกเราก็ว่าลูกเครียด นอกจากไม่ได้รับคำตอบแล้วเรายังต้องทำงานหนักมายิ่งขึ้น
น้องเกล : คือเราก็เครียดนะคะ มันเป็นระเวลายาวนานมาก ถูกกดดันจากทั้งสองฝ่าย ทางคุณพ่อแล้วก็คุณแม่ เหมือนเราเป็นคนกลาง มีวันนึงที่เราไปเจอคุณพ่อ เรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เราอยากได้คำตอบอะไรก็ได้ กำหนดวันหรืออะไรก็ได้ที่จะได้คุยกัน ไม่ใช่ขอกลับไปคิดก่อน แล้วเราก็รออยู่ตลอดเวลา เราก็เลยเดินตาม พ่อก็วิ่งหนี ข้ามถนน 4 เลน เกลก็ข้ามถนนไปตามเขานะคะ ทำไมไม่หยุดสักที เขาก็เลยหันมาถมน้ำลายใส่เกล ในระหว่างที่เขาวิ่งหนี เขาก็ตะโกนบอกทุกคน ลูกใครก็ไม่รู้ อย่ามายุ่งกับฉัน ทำเหมือนคนไม่รู้จักกันทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพ่อเรา พูดไปถึงว่าเราเป็นดาราตกกระป๋อง ให้ไปเปลี่ยนนามสกุล แล้วก็ไม่ต้องเรียกเขาว่าพ่อด้วยค่ะ
คุณแม่ : เราได้ยินจากที่ลูกเล่า เรารอคำอธิบายกับเขามานานมาก ไม่จัดการอะไรสักที เขาพูดมาว่าถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา เขาไม่มีอะไรจะให้ เหมือนอยากหย่า เขาก็จะหย่าให้ แต่ให้ไปฟ้องเอา ครึ่งปีมาเราก็อยู่กับคำตอบแบบนี้ ทุกคนก็เปลี่ยนไปหลังจากนั้น หันไปมองลูกเราก็ว่าลูกเครียด นอกจากไม่ได้รับคำตอบแล้วเรายังต้องทำงานหนักมายิ่งขึ้น
- หลังจากนั้นเรื่องเป็นอย่างไรต่อ
น้องเกล : เราก็พยายามเข้าไปคุย เพื่อที่จะไปเอาค่าเทอมของน้อง เราเดินเข้าไป ถามว่าสรุปยังไงค่ะ พ่อก็ยังให้คำตอบไม่ได้คุณพ่อก็เริ่มโวยวาย แล้วคนอื่น ๆ ก็เริ่มออกมา
คุณแม่ : เราไม่เคยมีปัญหากับทางบ้านเขาเลยนะคะ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ พอเราเข้าไปก็ได้คำตอบแบบเดิมกับการกระทำแบบเดิม ๆ บางครั้งเราก็พยายามคุยกับเขาว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขานะ แล้วเมื่อประมาณวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมาก็มีจดหมายมาติดที่หน้าบ้าน ไม่ใช่ลายมือแต่เป็นการพิมพ์มาติด เนื้อความประมาณว่า ให้ลูกเข้าไปหาเขา ถ้าอยากได้เงิน หรือได้รับโอกาส แต่เด็ก ๆ ก็คือเขาไม่เข้าแล้วค่ะ เข้าไปก็เหมือนเดิมอย่างที่รู้ ๆกัน ถึงน้องเกลก็ประมาณว่า เราไม่ได้มีเรื่องอะไรกันนะอย่าทำร้ายกัน ในฐานะที่เรารู้จักกันมา 20 กว่าปี ประมาณนี้ค่ะ เราก็รู้สึกว่ามันแปลก ๆ มันไม่เหมือนพ่อลุกคุยกัน คำว่าเรารู้จักกันมา 20 ปี มันให้ความรู้สึกว่าเป็นเพื่อน ทำไมไม่ใช้คำว่าพ่อ หรือลูก หรือใช้คำพูดที่มันอ่อนโยนอะไรแบบนี้
น้องเกล : เราก็พยายามเข้าไปคุย เพื่อที่จะไปเอาค่าเทอมของน้อง เราเดินเข้าไป ถามว่าสรุปยังไงค่ะ พ่อก็ยังให้คำตอบไม่ได้คุณพ่อก็เริ่มโวยวาย แล้วคนอื่น ๆ ก็เริ่มออกมา
คุณแม่ : เราไม่เคยมีปัญหากับทางบ้านเขาเลยนะคะ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ พอเราเข้าไปก็ได้คำตอบแบบเดิมกับการกระทำแบบเดิม ๆ บางครั้งเราก็พยายามคุยกับเขาว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขานะ แล้วเมื่อประมาณวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมาก็มีจดหมายมาติดที่หน้าบ้าน ไม่ใช่ลายมือแต่เป็นการพิมพ์มาติด เนื้อความประมาณว่า ให้ลูกเข้าไปหาเขา ถ้าอยากได้เงิน หรือได้รับโอกาส แต่เด็ก ๆ ก็คือเขาไม่เข้าแล้วค่ะ เข้าไปก็เหมือนเดิมอย่างที่รู้ ๆกัน ถึงน้องเกลก็ประมาณว่า เราไม่ได้มีเรื่องอะไรกันนะอย่าทำร้ายกัน ในฐานะที่เรารู้จักกันมา 20 กว่าปี ประมาณนี้ค่ะ เราก็รู้สึกว่ามันแปลก ๆ มันไม่เหมือนพ่อลุกคุยกัน คำว่าเรารู้จักกันมา 20 ปี มันให้ความรู้สึกว่าเป็นเพื่อน ทำไมไม่ใช้คำว่าพ่อ หรือลูก หรือใช้คำพูดที่มันอ่อนโยนอะไรแบบนี้
- มีข่าวมาว่าที่ต้องมีปัญหากัน เพราะว่าทางเรามีชู้ เรื่องนี้จริงไหม
น้องเกล : เขาชอบพูดให้เกล คิดไปในแนวทางที่แม่ไปมีอะไรกับหลานตัวเอง
คุณแม่ : เขาชอบพูดขึ้นมาเฉย ๆ เรามีหลานชายคนนึง เราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลี้ยงกันมาไล่ ๆ กันกับน้องเกลนี่แหละ มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย มันรุ่นลูกแล้ว เขาเรียกทุกคนที่เลี้ยงดูเขาว่าแม่ มันเป็นไปไม่ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่เขานำมาพูดเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง
- เราฟ้องหย่า มีรายละเอียดอะไรบ้าง
คุณแม่ : มีค่าเลี้ยงดู ค่าอะไรต่าง ๆ นานา ทนาย ตั้งแต่ลูกเรียนตามความเหมาะสม ประมาณ 3 ล้านบาทอันนี้คือล่าสุด ก่อนหน้านั้นช่วงแรก ๆ เราคุยตกลงกัน ทางฝ่ายเขาบอกว่าจะให้ 5 แสนบาท เราก็ไม่ได้อะไรก็เริ่มต้นใหม่ ไป ๆ มาๆ บอกเดือนละ 3 แสน ผ่อนเดือนละ 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ส่งทนายความกับน้องสาวมา แต่ตัวเองไม่เคยมา ครอบครัวเขาทำอะไรกับเราเหมือนเราไม่มีพ่อไม่มีแม่ ในระหว่างที่พ่อเราป่วยอยู่ เขาก็ยังทำกริยาแบบนั้น พ่อเราเสียเขายังไม่มาร่วมงานเลย เราใช้ชีวิตอยู่กันมา 25 ปี เราจะไม่มีเยื่อใยกันเลยหรอ เราจะรับภาระเลี้ยงดูลุกคนเดียว ทั้ง ๆ ที่พ่อก็ยังอยู่ แล้วทำไมพ่อไม่ยื่นมือมาช่วยเรา
น้องเกล : เราคิดว่ามันอาจจะยังตัดกันไม่ขาด แต่มันอาจจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่มันเหมาะสม เราไม่ได้เรียกกระแส ไม่มีใครอยากมีชื่อเสียงในทางด้านลบหรอกค่ะ เราไม่อยากให้คนมารู้เรื่องครอบครัวของเราที่มันไม่ดีหรอกค่ะ ปกติเราก็ปิดมาตลอดไม่เคยมาดราม่าในโซเชียลเลย ที่ออกมาคือมันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ค่ะ อยากให้มองในมุมมองที่ว่าเราออกมาว่าพ่อตัวเอง เราอยากให้มองในเรื่องของความถูกต้องมากกว่า
คุณแม่ : มีค่าเลี้ยงดู ค่าอะไรต่าง ๆ นานา ทนาย ตั้งแต่ลูกเรียนตามความเหมาะสม ประมาณ 3 ล้านบาทอันนี้คือล่าสุด ก่อนหน้านั้นช่วงแรก ๆ เราคุยตกลงกัน ทางฝ่ายเขาบอกว่าจะให้ 5 แสนบาท เราก็ไม่ได้อะไรก็เริ่มต้นใหม่ ไป ๆ มาๆ บอกเดือนละ 3 แสน ผ่อนเดือนละ 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ส่งทนายความกับน้องสาวมา แต่ตัวเองไม่เคยมา ครอบครัวเขาทำอะไรกับเราเหมือนเราไม่มีพ่อไม่มีแม่ ในระหว่างที่พ่อเราป่วยอยู่ เขาก็ยังทำกริยาแบบนั้น พ่อเราเสียเขายังไม่มาร่วมงานเลย เราใช้ชีวิตอยู่กันมา 25 ปี เราจะไม่มีเยื่อใยกันเลยหรอ เราจะรับภาระเลี้ยงดูลุกคนเดียว ทั้ง ๆ ที่พ่อก็ยังอยู่ แล้วทำไมพ่อไม่ยื่นมือมาช่วยเรา
น้องเกล : เราคิดว่ามันอาจจะยังตัดกันไม่ขาด แต่มันอาจจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่มันเหมาะสม เราไม่ได้เรียกกระแส ไม่มีใครอยากมีชื่อเสียงในทางด้านลบหรอกค่ะ เราไม่อยากให้คนมารู้เรื่องครอบครัวของเราที่มันไม่ดีหรอกค่ะ ปกติเราก็ปิดมาตลอดไม่เคยมาดราม่าในโซเชียลเลย ที่ออกมาคือมันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ค่ะ อยากให้มองในมุมมองที่ว่าเราออกมาว่าพ่อตัวเอง เราอยากให้มองในเรื่องของความถูกต้องมากกว่า
- คุณระเบียบรัตน์ มีความเห็นว่าอย่างไร
คุณระเบียบรัตน์ : ทุกอย่างมันต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์แล้วก็ภูมิต้านทานของแต่ละครอบครัวถ้าพูดโดยทั่วไป ผู้ชายคงมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากในเรื่องของการไปอาบ อบ นวด แบบนี้นะคะ ซึ่งถ้าเราเป็นผู้หญิงก็จะมองต่างออกไป ลูกเมื่อเห็นพ่อในสถานการณ์แบบนี้แล้วอาจจะช็อก เพราะลูกยังไม่เคยเห็นว่าคุณพ่อมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางแบบนี้ สำหรับ 25 ปีที่ครองชีวิตคู่กันมา เมียกับลูกจะต้องให้อภัย จะต้องมองดูพ่อบ้างว่าอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวหรือความสุขส่วนตัวเล็กน้อย เขาคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สำหรับคนที่ภูมิคุ้มกันไม่มี มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะคะสำหรับเรื่องการประพฤติโดยการนอกใจ มันเจ็บนะ ทีนี้คุณพ่อออกมาเจอน้องกับคุณแม่ก็เลยตกใจหนี ไม่ขอเจรจาใดใดทั้งสิ้น เพราะนี่คือสิ่งที่เขาแคร์คือลูกกับเมีย เขาขอไปตั้งหลักก่อนแล้วค่อยกลับมาเคลียร์ทีหลัง ถ้าเขายอมกลับบ้านยอมให้ลูกเมียดุ ว่า ต่าง ๆนานา ลูกเมียก็อาจจะผ่อนความโมโหลงได้บ้าง แต่นี่หายไปเลยมันยิ่งทำให้ความโมโหที่อยู่ในใจยังมีอยู่
คุณระเบียบรัตน์ : ทุกอย่างมันต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์แล้วก็ภูมิต้านทานของแต่ละครอบครัวถ้าพูดโดยทั่วไป ผู้ชายคงมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากในเรื่องของการไปอาบ อบ นวด แบบนี้นะคะ ซึ่งถ้าเราเป็นผู้หญิงก็จะมองต่างออกไป ลูกเมื่อเห็นพ่อในสถานการณ์แบบนี้แล้วอาจจะช็อก เพราะลูกยังไม่เคยเห็นว่าคุณพ่อมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางแบบนี้ สำหรับ 25 ปีที่ครองชีวิตคู่กันมา เมียกับลูกจะต้องให้อภัย จะต้องมองดูพ่อบ้างว่าอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวหรือความสุขส่วนตัวเล็กน้อย เขาคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สำหรับคนที่ภูมิคุ้มกันไม่มี มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะคะสำหรับเรื่องการประพฤติโดยการนอกใจ มันเจ็บนะ ทีนี้คุณพ่อออกมาเจอน้องกับคุณแม่ก็เลยตกใจหนี ไม่ขอเจรจาใดใดทั้งสิ้น เพราะนี่คือสิ่งที่เขาแคร์คือลูกกับเมีย เขาขอไปตั้งหลักก่อนแล้วค่อยกลับมาเคลียร์ทีหลัง ถ้าเขายอมกลับบ้านยอมให้ลูกเมียดุ ว่า ต่าง ๆนานา ลูกเมียก็อาจจะผ่อนความโมโหลงได้บ้าง แต่นี่หายไปเลยมันยิ่งทำให้ความโมโหที่อยู่ในใจยังมีอยู่
รับชมวิดีโอได้ที่นี่
VVVV
VVV
VV
V
ที่มา khaosod
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
https://www.facebook.com/teeneedotcom