"คาร่า" ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เพราะมีแววฝ่ายโจทก์หลักฐานอ่อน ไม่มีข้อบ่งชี้แสดงให้เห็นพฤติกรรมชู้สาว หากฝ่ายโจทก์แพ้คดี ทนายชื่อดังชี้ฟ้องคืนแน่ เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านถึง 250 ล้านบาท และอาจมีการฟ้องกราวรูดสื่อที่โจมตี กู้ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง ที่ถูกตราหน้าคบชู้สู่ชาย
จากกรณีที่นางจันทร์วิภา กึงฮะกิจ ภรรยาของนายสุรัตน์ กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิเอ็มเพอเร่อเฮาส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ได้ยื่นฟ้อง คาร่า พลสิทธิ์ นางแบบและพิธีกรลูกครึ่งชื่อดังวัย 40 ปี นางเอกหนัง "ข้างหลังภาพ" เป็นจำเลยในคดีทางแพ่ง โดยเรียกค่าทดแทนเป็นเงินจำนวน 25 ล้านบาท ซึ่งในสำนวนฟ้องระบุว่า คาร่าไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามีของตน และศาลได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.234 /2549 ไว้เพื่อพิจารณา โดยนัดคู่กรณีเพื่อกำหนดวันนัดสืบพยานภายในวันที่ 24 เม.ย.49 เวลา 09.00 น.
และต่อมานายสุเทพ เสือหาญ ทนายความของนางจันทร์วิภาโจทก์ในคดีฟ้องนางแบบ และพิธีกรชื่อดังว่าการยื่นฟ้องมีพยานหลักฐานแน่นหนา โดยเฉพาะบันทึกไดอารี่ของลูกสาวที่จะนำขึ้นเป็นพยานในการฟ้องร้องด้วย รวมถึงบันทึกสำเนาข้อความตอบโต้ทางอีเมลระหว่างนักธุรกิจชื่อดังกับนางแบบสาว ที่บรรยายความห่วงใยทุกวันไม่ตำกว่า 3 บรรทัด โดยข้อความและอีเมลลงชื่อว่า Polla นักธุรกิจชื่อดังยอมรับกับนางจันทร์วิภาว่า คือ คาร่า พลสิทธิ์
และพยายามบอกกับภรรยาว่าไม่มีอะไรอย่าเข้าใจผิด หากไม่สบายใจยืนยันจะเลิกคบหา แต่นักธุรกิจชื่อดังกับนางแบบ และพิธีกรสาวยังติดต่อกันอยู่ จึงเป็นเหตุให้นางจันทร์วิภาตัดสินใจฟ้องละเมิดค่าเสียหาย เป็นเงินจำนวน 25 ล้านบาท ในขณะที่นายสุรัตน์ยังไม่ออกมาตอบโต้ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวอยู่ขั้นตอนของศาลทั้งหมด ไม่อยากพูดอะไรมากจนกว่าศาลจะตัดสิน ด้าน "คาร่า" เคยออกมาบอกว่า ไม่เคยคิดแย่งสามีใคร และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปรึกษาทนายสู้คดีอยู่ และอาจมีการฟ้องกลับตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปทางโทรศัพท์มือถือของนางแบบ และพิธีกรชื่อดัง ปรากฏว่าสายสัญญาณว่าง แต่ไม่มีผู้รับสายจนสัญญาณตัดระบบไปเหมือนเช่นเดิม จึงได้พยายามติดต่อไปทาง บริษัท นิปปอน โปรดักชั่น เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็บบริษัทผลิตรายการ "ศุกร์นี้มีสไตล์" ทางไอทีวี ที่นางแบบ และพิธีกรสาวชื่อดังทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการอยู่ ยังได้รับการยืนยันว่า "คาร่า" ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ และวันนี้ไม่เข้าบริษัทด้วย เหมือนเช่นทุกวันหลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวนี้ขึ้น
เกี่ยวกับกรณีนี้ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อ ไปทางทนายความชื่อดังคนหนึ่ง ที่มีความช่ำชองในการทำคดีหย่าร้าง เพื่อสอบถามว่า บทลงเอยของคดีนี้มีแนวโน้มเป็นอย่างไร ในกรณีที่ฝ่ายโจทก์มั่นใจว่า ไดอารี่ที่ลูกสาวบันทึกไว้เป็นพยานสำคัญในการฟ้องร้อง โดยทนายความที่มีความช่ำชองในการทำคดีหย่าร้างคนนี้กล่าวว่า บทลงเอยหรือคำพิพากษาของศาลในคดีนี้เวลานี้สามารถออกได้ทั้งสองทาง คือ ฝ่ายนางจันทร์วิภาชนะคดี และฝ่าย "คาร่า" ชนะคดี ขึ้นอยู่กับศาลจะพิเคราะห์พยานหลักฐานอย่างไร
"เรื่องไดอารี่ที่บอกว่าลูกสาวของโจทก์เป็นฝ่ายบันทึกไว้ ถึงเป็นพยานเป็นหลักฐานอันบริสุทธิ์ แต่ศาลต้องพิเคราะห์ก่อน ที่เด็กบรรยายว่าพ่อตีจากอื่นนั้น เห็นที่ไหน เห็นเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่ามาเขียนเอาเองโดยที่ไม่มีการรู้เห็น เพราะอาจจะเป็นการปรุงแต่งขึ้นมาโดยคำแนะนำของผู้ใหญ่ก็ได้ ไม่ใช่ว่ามีไดอารี่แล้วศาลจะรับฟังทันทีเลย ต้องมีหลักฐานที่เห็นพฤติกรรมอย่างชัดเจน เช่นคาร่าเดินจูงมือกับนักธุรกิจคนที่ตกเป็นข่าวด้วยกันเวลานี้ ไปซื้อของ ไปกินข้าว ไปดูหนัง หรือไปทำอะไรในที่ ที่มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือมีการบันทึกภาพสองคนนี้สองต่อสองได้อันนี้ก็จะทำให้พยานของฝ่ายโจทก์มีน้ำหนักขึ้น เพราะภาพจากวงจรปิด และภาพที่บันทึกได้นั้นถือเป็นพยานวัตถุน่าเชื่อที่ได้"
"แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ศาลก็ต้องพิเคราะห์อีกนะว่าภาพดังกล่าวมีลักษณะที่ออกไปในทางชู้สาวหรือไม่ คือถ้าภาพที่ปรากฏเห็นว่าทั้งสองเดินจูงมือกัน นอนหนุนตักกัน กอดกัน จูบหรือหอมแก้มกันอะไรแบบนี้ถือว่ามีลักษณะออกไปทางชู้สาว แต่ถ้าสองคนนี้ยืนคุยกันธรรมดา อยู่ใกล้กันห่างไม่ต่ำกว่า 3 เมตร หรือนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน โดยที่ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันเลย อันนี้ถือว่าไม่มีลักษณะออกไปทางชู้สาว เพราะอย่าลืมนะว่า คุณคาร่า เป็นดารา เป็นบุคคลสาธารณะใครก็อยากคุยด้วย ไม่ใช่แค่คุยกันแล้วตีเป็นชู้กันหมดอันนี้ไม่ได้" ทนายความผู้ช่ำชองคดีหย่าร้างกล่าว
ทนายความคนดังกล่าวยังกล่าวต่ออีกว่า หากคำพิพากษาของศาลตัดสินให้แพ้คดีนี้ ทาง "คาร่า" ก็ต้องยอมจ่ายเงินชดใช้ จำนวนที่ทางโจทก์เรียกร้องมา ส่วนจะต้องจ่ายเต็มจำนวนที่เรียกร้องหรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่ว่าจะมีการไกล่เกลี่ยกันได้แค่ไหน แต่ถ้าหากคำพิพากษาของศาลตัดสินให้ "คาร่า" ชนะ หรือยกฟ้องคดีนี้ คราวนี้ก็ถึงตาทีของ "คาร่า" แล้วว่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหายกลับหรือไม่ ทั้งทางแพ่ง และอาญา ในฐานที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือทำให้ขาดรายได้ โดยในทางแพ่งนางแบบ และพิธีกรชื่อดังสามารถฟ้องเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินได้มากกว่า 25 ล้าน หรือสูงถึง 1,000 ล้านก็ได้
"ตอนนี้นะหากคุณคาร่าจะฟ้องกลับก็สามารถฟ้องได้เลย แต่ว่าศาลต้องรอพิจารณาผลของคดี ที่ตกเป็นจำเลยก่อน คือต้องให้คดีที่ถูกฟ้องร้องตัดสินเสร็จก่อน เพราะถ้าคุณคาร่าแพ้ที่ฟ้องไว้ก็ตกไป แต่ทางคุณคาร่าชนะที่ฟ้องไว้ก็จะถูกนำขึ้นมาพิจารณา ซึ่งการฟ้องคุณคาร่าสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในจำนวนเงินที่สูงกว่า 25 ล้านก็ได้ อาจจะ 100 ล้าน 1,000 ล้าน แต่ไม่มีใครฟ้องสูงขนาดนั้นหรอก ฟ้องแค่ 10 เท่าของที่ถูกฟ้องคือ 250 ล้านบาท ก็สูงพอแล้ว เพราะถ้าศาลพิพากษาให้ชนะคดีก็ไม่ได้ค่าชดใช้ถึงขนาดนั้นหรอก ต้องพิเคราะห์จากองค์ประกอบอื่นๆ อีกหลายอย่าง"
"นอกจากแพ่งแล้ว คุณคาร่าสามารถฟ้องทางอาญาได้ด้วย โทษของจำเลยที่คุณคาร่าฟ้องจะได้รับ คือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี อาจจะเป็น 1 ปี 6 เดือน, 2 ปี, 3 ปี หรือ 4 ปี ก็เป็นได้ แต่ก็จะถึงจุดนี้ได้น่ะนะคงอีกนาน เพราะลำพังแค่คดีที่คุณคาร่าถูกฟ้องนั้น กว่าจะถึงวันตัดสินอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกนาน ต่ำๆ ก็ต้องมี 1 ปี ไม่ใช้เสร็จวันหรือสองวันนี้ คดีแบบนี้เป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อนเข้ามาเกี่ยวข้องต้องใช้เวลา " ทนายความชื่อดังกล่าวในที่สุด
อนึ่งเกี่ยวกับกรณีนี้ แหล่งข่าววงในรายงานว่า นอกจากจะกำลังปรึกษาทนายเพื่อสู้คดี และฟ้องกลับแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่นางแบบ และพิธีกรชื่อดัง จะฟ้องสื่อที่นำเสนอข่าวเธอในแง่ลบกราวรูดอีกด้วย เพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในฐานะที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงของเธอ ที่ถูกตราหน้าว่าคบชู้สู่ชาย


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว
https://www.facebook.com/teeneedotcom