สะท้านวงการ! เจมส์ จิรายุ ประกาศ ไม่ต่อสัญญา กับผจก.ที่พาแจ้งเกิดจนโด่งดัง!

พระเอกดัง เจมส์ จิรายุ เผยถึงสาเหตุที่ไม่ต่อสัญญา ปิ๊ก ชาญฉลาด ผู้จัดการที่พาแจ้งเกิดจนโด่งดัง และดูแลคิวงานมาตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีโดยหนุ่มเจมส์ ยอมรับว่าหมดสัญญากับผู้จัดการส่วนตัวจริง แต่ยังใช้สัญญาใจในการดูแลกันอยู่

.

"จริงๆ แล้ว พี่ปิ๊กก็ยังอยู่ล่ะครับ แต่เราหมดสัญญากันจริง แต่ผมก็บอกกับพี่ปิกว่ายังไงเราก็ยังทำด้วยกันนะ ถามว่าใช้สัญญาใจใช่หรือเปล่าก็ประมาณนั้นแหละครับ ส่วนทำไมถึงไม่ต่อสัญญา (หัวเราะ) จริงๆ แล้วตอนนี้ พี่ปิ๊กก็ยังช่วยเหลือผมอยู่ ก็ไม่ได้มีปัญหากันครับ เรียกว่าปกติเหมือนเดิม ส่วนใหญ่เวลามีอะไรผมก็ถามเขานะครับว่าอะไรดีหรือไม่ดี ผมคิดว่าทุกอย่างมันคล้ายๆ เดิม ถามว่าพี่ปิ๊กไม่ได้ดูแลผมมานานเท่าไหร่แล้ว ก็ยังดูมาเรื่อยๆ นะครับ ซึ่งตั้งแต่ไม่มีสัญญา (ทำท่านึก) ก็ประมาณหนึ่ง ผมจำไม่ได้ น่าจะ 5- 6 เดือนมั้งครับ"

เมื่อถามต่อว่าพอไม่มีผู้จัดการส่วนตัวมาดูแลมีรู้สึกเคว้งบ้างหรือไม่ ซุปตาร์หนุ่มสุดฮอตก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกเคว้งคว้างอะไร

"ผมไม่ได้รู้สึกเคว้งอะไร เพราะยังมีคนดูแลผมอยู่นะ คือส่วนใหญ่เราจะคุยกันอยู่แล้ว เราก็คุยกันมาเรื่อยๆ และปรึกษากันมากกว่าว่าทำอะไรดีหรือไม่ดี และเขาจะให้เหตุผลมากกว่าการบังคับให้ทำ ซึ่งตอนนี้คนที่มาดูแลผมก็คือพี่ปู (เลขา "ปิ๊ก - ฌาณฉลาด") ซึ่งช่วยดูแลผมมาตั้งแต่แรกตอนเข้าวงการ พี่เขาก็ยังอยู่กับผมเหมือนเดิม ซึ่งพี่ปูก็เป็นผู้ช่วยพี่ปิ๊กครับ"

นอกจากนี้ซุปตาร์หนุ่มสุดฮอตยังบอกอีกว่าหลังจากนี้ ในการรับงานคนที่มาช่วยดูคือทางต้นสังกัดวิกพระราม 4 กับ "ปิ๊ก - ฌาณฉลาด" เหมือนเดิม "คือจริงๆ แล้วผมเกิดมากับเขาด้วย และพี่ปิ๊กก็ยังช่วยดูแลผมอยู่ ถามว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้คนมองผมไม่ดีหรือเปล่า ผมไม่ได้กลัวนะ ผมคิดว่าข่าวที่ออกไปคนอาจจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือมันเป็นอะไรบ้าง แต่ความจริงก็มีประมาณนี้เท่าที่ผมพูด"

ซุปตาร์หนุ่มยังยืนยันว่าการที่ตนไม่ต่อสัญญากับอดีตผู้จัดการส่วนตัว เบื้องลึกเบื้องหลังไม่ได้มีการ "แตกหัก" กันตามข่าวลือที่ออกมาแน่นอน

"ส่วนเรื่องการแตกหักกัน มันไม่มีอยู่แล้ว เพราะเราไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องตีกัน (ยิ้ม) และผมคิดว่าการอยู่แบบนี้ ผมก็ยังทำงานปกติเหมือนเดิม แค่มันไม่มีตัวสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผมยังมีสัญญากับทางช่องอยู่ ส่วนงานอินเตอร์พี่ปิ๊กยังพาผมไปดูงานอยู่เลย ทุกอย่างมันต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรต่อไปบ้าง"

ที่มา onbnews