นักกฎหมายชี้! เน็ตไอดอลดัง ไม่ต้องชดใช้ทำทอง นิกกี้ พริตตี้เงินล้ายหาย!
หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย นักกฎหมายชี้! เน็ตไอดอลดัง ไม่ต้องชดใช้ทำทอง นิกกี้ พริตตี้เงินล้ายหาย!
จากกรณีจากกรณี 'นิกกี้ พริตติ้เงินล้าน' หรือ น.ส.ณัฐณิชา สกุลจารุพงศ์ อายุ 30 ปี อุ้มท้อง 5 เดือน ขึ้นโรงพักคูคต จ.ปทุมธานี เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี "ติ้ง ปิ้งไก่" พริตตี้รุ่นน้องคนสนิท หลังขอยืมกำไลทองหนัก 5 บาทไป แต่ปรากฏอ้างว่าทำหาย แถมยังไม่ชดใช้คืน
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.นายธนธร ทาคำฟู นักวิชาการด้านกฎหมาย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวกับ"เดลินิวส์ออนไลน์"ว่า กำไลทองคำที่ "น้องติ้ง" ได้ยืมมาจาก"นิกกี้"ซึ่งเป็นพี่สาวที่สนิทกันในวงการ ถือว่าเป็นการยืมใช้คงรูปตาม ปพพ.มาตรา 640 ซึ่งน้องติ้ง มีหน้าที่ต้องส่งคืนในสภาพเดิมที่ยืมมา และน้องติ้งจะต้องรับผิดตามสัญญายืมใช้คงรูปต่อนิกกี้ก็ต่อเมื่อ 1.น้องติ้งได้เอากำไลทองคำไปใช้นอกจากการอันเป็นปกติ หรือนอกจากการอันปรากฎในสัญญา หรือ 2.เอาไปให้ผู้อื่นยืมต่อไป หรือ 3.ยืมไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ ไม่ยอมคืนง่ายๆ เท่านั้น เมื่อกำไลทองคำถูกคนร้ายเอาไป จึงไม่ต้องด้วยความรับผิดตามสัญญายืม น้องติ้งจึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ราคากำไลทองคำแก่"นิกกี้"
สำหรับกรณีที่กำไลได้ตกหายโดย"น้องติ้ง"ไม่ทราบว่าทำตกไว้ที่ใด แต่โดยสภาพแล้วกำไลทองคำเป็นทรัพย์สินมีค่า หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองทำตกหล่นย่อมอยู่ในวิสัยที่จะรีบติดตามเอาทรัพย์คืน เมื่อสถานที่ทำตกหล่นเป็นห้างร้านค้า หรือสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนเดินขวักไขว่จึงเท่ากับไม่ใช่ทำทรัพย์หายในสภาพที่จะตัดการเอาทรัพย์คืนอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าน้องติ้งจะไม่รู้ว่าทำตกหล่นที่ไหน กำไลทองคำดังกล่าวก็ไม่ใช่ทรัพย์สินหายที่ผู้เอาไปจะมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหาย ตามมาตรา 352 วรรคสอง ที่จะเป็นความผิดอันยอมความได้ แต่กำไลทองคำเป็นทรัพย์ที่น้องติ้งหวงแหน และต้องติดตามเอาคืน สิทธิครอบครองในตัวทรัพย์จึงเป็นของน้องติ้งอยู่ เมื่อมีผู้ลักเอาไป ผู้นั้นจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 จะอ้างว่าเข้าใจว่าเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ หรือเป็นทรัพย์สินที่ตกหาย อันจะทำให้รับโทษน้อยลงตามบทบัญญัติเรื่องยักยอกทรัพย์ไม่ได้
และกรณีความผิดฐานลักทรัพย์ ผู้เสียหาย ได้แก่ เจ้าของกรรมสิทธิ และผู้ครอบครองทรัพย์ ผู้เสียหายในคดีนี้จึงได้แก่ น้องนิกกี้ซึ่งเป็นเจ้าของกำไลทองคำ รวมถึงน้องติ้งซึ่งครอบครองกำไลในระหว่างยืมมาด้วย จึงชอบที่จะร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานเพื่อให้ดำเนินคดีกับคนร้ายได้ โดยทั้งคู่เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานลักทรัพย์ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 2(4) ในเบื้องต้นแม้ว่าน้องนิกกี้จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับน้องติ้งโดยเข้าใจว่าเป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อตนเองก็ตาม แต่เมื่อข้อหาลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นและมีผู้ทำผิดเป็นคนอื่นไม่ใช่น้อง ติ้ง แม้จะระบุตัวผู้กระทำผิดผิดตัวไป เจ้าพนักงานที่รับเรื่องร้องทุกข์ไว้แล้วจึงมีอำนาจสอบสวน เพื่อหาคนร้ายที่ถูกต้องแท้จริงมาดำเนินคดีได้ต่อไป ตามอำนาจของพนักงานสอบสวน มาตรา 121 วรรคหนึ่ง แห่ง ป.วิ.อาญา
"ถ้าข้อเท็จจริงชัดว่า ทำตกหายโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่มีส่วนรู้เห็นกับคนร้ายเลย ก็ไม่ต้องรับผิดชอบครับ สมมุติถ้าน้องติ้งไม่ยอมจ่าย หากนิกกี้เอาคดีไปฟ้องทางแพ่งเรียกให้น้องติ้งรับผิดชอบ ก็มีภาระการพิสูจน์ว่าผู้ยืมได้ร่วมมือกับคนร้ายลักเอาไป หรือต้องนำสืบให้เข้าข้อกฎหมาย 3 ประการ คือ
1.น้องติ้งเอาไปใช้ในการอื่นนอกจากการสวมใส่ หรือ 2. เอาไปให้คนอื่นใช้ต่อ หรือ 3. เอาไว้นานกว่าปกติ ดังนั้น กฎหมายจึงคุ้มครองผู้ยืมที่สุจริต จึงเป็นที่มาของการรับรองว่าผู้ยืมที่ถูกลักทรัพย์ที่ตนยืมมา ก็เป็นผู้เสียหายในคดีอาญาได้ โดยสรุปผู้ยืมไม่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย แต่ถ้าผู้ยืม ยืมแล้วเอาไปทำดัง 3 ข้อ ที่กฎหมายกำหนด ต้องรับผิดชอบนะครับ เช่น ยืมกำไลมาเพื่อสวม แต่ปรากฎว่าเอาไปโชว์ แล้วมีคนร้ายลักไป เช่นนี้ต้องรับผิด เพราะถือว่าเอาทรัพย์ไปใช้ในการอื่นนอกเหนือจากที่กำหนด หรือผิดวัตถุประสงค์จากที่รับปากกับเจ้าของทรัพย์เอาไว้"นายธนธร กล่าว
นายธนธร กล่าวว่า กรณีนี้จะเหมือนยืมรถยนต์เพื่อนไปขับ แล้วจอดไว้ปกติ แล้วมีคนลักไป เจ้าของรถฟ้องเพื่อนที่ยืมไป ศาลยกฟ้องหมดเจ้าของรถต้องใช้สิทธิความเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาเรียกเอาจากคนร้ายที่ลักทรัพย์เอาเอง จะเรียกเอาจากเพื่อนที่ยืมไปแล้วจอดรถปกติแล้วถูกคนร้ายงัดรถ และลักไป จะฟ้องเพื่อนไม่ได้
https://www.facebook.com/teeneedotcom