เรื่องเล่าจากปลายด้ามขวานระหว่างทาง วิ่ง #ก้าวคนละก้าว ของ ตูน บอดี้แสลม
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หนุ่มตูน ก็ได้โพสต์เล่าเรื่องราวสุดซึ้งและประทับใจ ต่อน้ำจิตน้ำใจ ที่พ่อ-แม่-พี่-น้อง ชาวเบตงได้มอบให้ ลงอินสตราแกรม ว่าตลอดระยะทางการวิ่งจะมีประชาชนในพื้นที่ที่ทราบข่าว นำข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มมาคอยบริการและเป็นกำลังใจให้ตลอดทาง บางรายก็นำ "ฝักสะตอ"ผักพื้นถิ่นของแดนใต้มามอบให้
และยังมีผู้ป่วยรายหนึ่งที่แม้จะป่วยแต่ก็ขอนั่งรถเข็นเพื่อมารอพบนักร้องจิตอาสาถึงที่ โดย FB ภาคภูมิ ประทุมเจริญ ได้เล่าเอาไว้แบบสุดซึ้งว่า
"คำสัญญาลูกผู้ชาย" ที่หน้าโรงพยาบาลธารโต
ผู้ป่วยรายหนึ่งทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลว่า
พี่ตูนและคณะกำลังจะวิ่งผ่านหน้าโรงพยาบาลธารโต ในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
แม้ในขนาดนั้นเขากำลังนอนพักรักษาตัวจากอาการป่วยโดยโรคมาลาเลียก็ตาม แต่ในวินาทีนั้นเขาขออนุญาตคุณหมอเพื่อออกมาเฝ้ารอ เพื่อได้เจอพี่ตูนซักครั้งในชีวิต เพื่อขอบคุณในสิ่งที่พี่ตูนได้ลงมือทำ
เพื่อนและพยาบาลช่วยกันเข็นรถวีลแชร์ขึ้นมาเฝ้ารออยู่ริมทางหน้าโรงพยาบาล
ถึงแดดจะร้อน
และเหงื่อก็ไหลออกมาทั่วใบหน้า...
แต่เขาก็ไม่มีสีหน้าถอดใจ
ตรงกันข้าม ยิ่งเขาเห็นขบวนวิ่งอยู่ไม่ไกล
สายตาจับจ้องมองหาผู้ชายที่ชื่อ ตูน อย่างไม่กระพริบตา
ผมเฝ้ารอดูถึงภาพตรงหน้า....
ในเวลานั้นคนมาเฝ้ารอเป็นจำนวนมากที่หน้าโรงพยาบาล
พี่ตูนวิ่งผ่านด้านหลังของคนป่วยเข้าไปในฝูงชน
ไปไกลเกือบ 10 เมตร
ดูเหมือนความฝันจะพังทลาย..
พี่ตูนวิ่งผ่านไป...และไม่อาจจะรู้เลยว่า โอกาสที่จะได้ให้กำลังใจกันแบบนี้จะมีอีกไหม... เขานั่งนิ่ง มองไปที่หัวขบวน
ผมไม่รู้ว่า ในความคิดเขารู้สึกอย่างไร
แต่ถ้าเป็นผม นอกจากความเข้าใจ อาจจะแอบเสียใจที่ไม่ได้มีโอกาสพบเจอ แล้วรีบเข็นวีลแชร์ไปหลบแดด นอนพักรักษาตัว
เสียงตะโกนจากทีมงาน... "พี่ตูนวิ่งกลับมาข้างหลังครับ แจ้งว่าวิ่งไปหาคนป่วยที่นั่งวีลแชร์ครับ"
คนป่วยทั้งให้กำลังใจและขอบคุณที่กลับมา
เวลาตอนนั้นดูเหมือนจะหยุดลง ทั้งโผล่ใส่เข้าหากันเพื่อเติมพลังให้กันและกัน "เสียดายครับ ผมซ้อมวิ่งมาหลายวัน ดันมาป่วยเป็นโรคมาลาเรีย เลยอดวิ่งกับพี่เลย " คนป่วยบอกกับพี่ตูน "ไม่เป็นไร เราเป็นกำลังใจให้กันและกัน...ขอให้หายไวไว แล้วออกมาร่วมกันนะครับ ผมจะรอ" พี่ตูนพูดเสร็จพร้อมกับยื่นแขนไปข้างหน้าเพื่อขอจับมือมิตรสหายริมทางท่านนี
ก่อนจากกันทั้งคู่กำมือกันแน่นขนัด
แม้ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ แต่สายตาทั้งสองกำลังสื่อสารภาษาเดียวกัน
แม้จะเป็นเพียงไม่กี่วินาที และไม่ได้ก้าวเท้าไปด้วยกันบนถนน แต่ผมว่าคนสองคนจะไม่มีทางลืมช่วงเวลาดีดีที่เจอกัน
https://www.facebook.com/teeneedotcom