‘ป๊อป ปองกูล’ ให้ปากคำตร.หลังถูกโจรยกเค้า เรียกแม่บ้านสอบด้วย

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายปองกูล สืบซึ้ง นักร้องชื่อดัง อายุ 36 ปี พร้อมผู้จัดการส่วนตัว เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หัวหมาก เพื่อให้ปากคำถึงเหตุการณ์ที่คนร้ายงัดบ้านฉกทรัพย์สินไปกว่า 5 แสนบาท

นายปองกูล กล่าวว่า ตนกลับจากงานบวชช่วงเย็น พบประตูบ้านและข้าวของถูกรื้อค้น จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจก็พบว่ามีรอยงัดเข้ามาจากหน้าต่างบ้าน สอบถามแม่บ้านที่จ้างมาทำงานพบว่าตอนเช้าวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็เข้ามาทำความสะอาดปกติ ก่อนเวลา 5 โมงเย็นจะปิดประตูบ้านกลับไป ขณะที่เพื่อนบ้านหลังติดกันระบุว่าตัวเพื่อนบ้านนั่งเล่นและทานข้าวจนถึง 2 ทุ่ม ก่อนจะขึ้นนอน ซึ่งตนคาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุหลังจากนั้นจนถึงเช้าของวันที่ 25 มิ.ย.

นักร้องหนุ่ม กล่าวต่อว่า โดยวันนี้นำบัญชีทรัพย์สินที่สูญหายมาให้พนักงานสอบสวน โดยพบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก อาทิ สร้อยคอทองคำ สร้อยฝังเพชร พระสมเด็จจิตรลดา ซึ่งเป็นของมารดา มีคุณค่าทั้งทางมูลค่าและจิตใจ ในส่วนของตนนั้นเป็นกล้องไลก้า 3 ตัว และกล้องฟูจิอีก 1 ตัว รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 7 แสนบาท

สำหรับสภาพจิตใจของตนและแม่นั้น ยอมรับว่ายังกลัวและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนอาศัยอยู่กับแม่เพียง 2 คน อยู่มา 7-8 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรก และคนร้ายดูเป็นมืออาชีพมาก เพราะตัดสัญญาณไวไฟของตน รวมทั้งถอดอุปกรณ์กล้องวงจรปิดไปหมดเลย ทำให้ไม่สามารถเปิดภาพดูได้ ต้องอาศัยกล้องละแวกใกล้เคียงแทน โดยหลังจากนี้จะเตรียมป้องกันเหตุร้ายให้มากขึ้น

ด้าน พ.ต.ท.นพพร กล่าวว่า วันนี้ได้ประสานให้นายปองกูลเดินทางเข้ามาให้ปากคำถึงเหตุการณ์ทั้งหมด จากการสอบถามในครั้งแรกนายปองกูลระบุว่าไม่พบร่องรอยการงัดประตูและหน้าต่าง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พฐ.ไปตรวจสอบบริเวณหน้าต่างไม้ชั้นล่าง ไม่มีเหล็กดัด เป็นเพียงกลอนธรรมดานั้นพบมีรอยงัดแงะ ถือเป็นข้อมูลใหม่ ทั้งนี้ นายปองกูลยังให้ข้อมูลว่าในบ้านหลังดังกล่าวทุกวันจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้าน แบบไปเช้าเย็นกลับ ซึ่งจะต้องเชิญแม่บ้านมาสอบถามข้อมูลต่อไป

เบื้องต้นฝ่ายสืบสวนยังอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบ เพื่อหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย รวมทั้งตรวจสอบบุคคลที่เคยมีประวัติก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ เพื่อนำมาตรวจสอบลายนิ้วมือว่าตรงกับลายนิ้วมือแฝงที่พฐ.ตรวจสอบได้หรือไม่ต่อไป