เป็นเด็กแร็พว่างั้น?
'มันจากข้างในครับ ของพวกนี้' เขาว่าพร้อมรอยยิ้ม'เราต้องชอบจริงๆ เหมือนเป็นชีวิต เป็นไลฟ์สไตล์อีกแบบนึง แล้วโอ้เป็นคนชอบชอบเล่นกีฬาด้วย เมื่อก่อนชอบเข้าฟิตเนส เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลา ถ้าว่างๆ ก็จะไปเล่นสเก๊ตบอร์ดมากกว่า'
ส่วนเรื่องหัวใจของพิช, เขาตอบคล้ายๆ กับเพื่อน
'ความรักก็เป็นการเรียนรู้อย่างนึงในชีวิต วันนึงเราก็ต้องไปเจอกับมัน ที่คุยๆ กันบ้างก็มี แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรจริงจัง มันมีไม่เยอะหรอกฮะ ที่คบกันตั้งแต่ตอนนี้แล้วสุดท้ายไปจบลงด้วยการแต่งงานมีลูก เราต้องผ่านอะไรหลายๆ อย่างจนกว่าจะเจอคนที่ใช่จริงๆ เวลานี้หน้าที่สำคัญคือการเรียน แล้วก็ทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุด'ถึงอย่างนั้น สองหนุ่มก็แอบแย้มว่า ชอบคนที่เข้าใจ ไม่จู้จี้ โทร.มาเซ้าซี้อยู่นั่นว่าอยู่ที่ไหนกับใคร'เรามีแม่คอยปกครองเรา แค่นี้พอแล้ว' พิชสรุป โดยมีโอ้ยิ้มกว้างอย่างเห็นดีเห็นงามอยู่ข้างๆ
แล้วความรัก หรือชีวิตของทั้งคู่มีอะไรเหมือนในหนังบ้างรึเปล่า?
'ก็มีครับ แต่ไม่ทั้งหมด หนังมันเป็นความรักหลายรูปแบบ มันต้องมีซักแบบมาโดนเราบ้างแหละ' พิชบอก โดยยกตัวอย่าง 'มิว' ตัวละครที่เขาสวมบทบาท'มิวอยู่กับอาม่า พ่อแม่อาจจะรัก แต่ไม่มีใครเอาใจใส่ ไม่ห่วงหา ก็เหมือนเขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด วันนึงได้รับโจทย์ให้แต่งเพลงรัก เขาก็ต้องค้นหาว่าชีวิตของเขา ความรักของเขาอยู่ตรงไหน ส่วนพิชตอนนี้อยู่กรุงเทพฯ คนเดียว บางทีเจอปัญหา ก็รู้สึกว่าเราอยู่ตัวคนเดียวในโลก เรามาทำอะไรที่นี่วะ'
ส่วนโอ้ว่า นอกจากเรื่องทะเลาะกับแม่ ที่เขาเหมือน 'โต้ง' ที่สุดก็คืออาการสับสนของวัยรุ่น
'ตอนอยู่ ม.6 เหมือนเรายังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ไม่รู้จะเลือกทางเดินไหนของชีวิต ข้างในเรายังสับสน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เริ่มรู้ว่าจะไปไหน' เขาหมายถึงชีวิตจริงของตัวเอง ส่วนในหนัง โต้งจะเลือกทางเดินไหน คงต้องไปติดตามกันเอง'ช่วงเครียดๆ แบบนี้ ไปดูหนังเรื่องนี้ช่วยได้เยอะครับ เราไปดูแล้วก็ได้เรียนรู้ความรักในหลายๆ ด้าน' โอ้เชื้อเชิญ
ส่วนพิชว่า 'รักแห่งสยาม' เพียงเรื่องเดียวคงช่วยให้ประเทศชาติดีขึ้นได้ไม่ทั้งหมด
'แต่อย่างน้อยๆ ก็คงจะเป็นการเยียวยาหัวใจ ทำให้คนรู้สึกอิ่มเอมและเข้าใจความหมายของคำว่ารักมากขึ้น เพื่อจะนำความรักไปมอบให้แก่กันได้อย่างถูกต้อง'
https://www.facebook.com/teeneedotcom