พปช.ยัน สิทธิชัย เป็นสมาชิกพรรค

สำหรับปัญหาการตัดสิทธิการเป็นผู้สมัคร ส.ส.นั้น เมื่อเวลา 11.00 น. นายสมาน เลิศวงศ์รัตน์ นายทะเบียนพรรคพลังประชาชน

แถลงถึงกรณีที่นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ถูก กกต.ตัดสิทธิระบุว่าพรรคพลังประชาชน กลั่นแกล้งปลอมแปลงเอกสารให้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนว่า นายสิทธิชัยสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2550 และเมื่อวันที่ 13 พ.ย. กกต.ได้ส่งจดหมายมาถามตนเกี่ยวกับรายชื่อสมาชิกพรรคที่มีปัญหา ในจำนวนนี้มีนายสิทธิชัยรวมอยู่ด้วย จึงได้ตอบจดหมายไปว่ารายชื่อสมาชิกที่ถามมาได้ลาออกหมดแล้ว มีหนังสือยืนยันชัดเจน ยกเว้นนายสิทธิชัยที่ยังไม่เห็นใบลาออก

ทั้งนี้ เมื่อทราบว่านายสิทธิชัยลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ได้แจ้งด้วยวาจาให้มาลาออก

เพราะเกรงจะผิดข้อกฎหมาย นายสิทธิชัยก็แวะมาหา และขอให้ถอนชื่อจากฐานข้อมูล ตนจึงบอกไปว่าเป็นหน้าที่ กกต. แต่ถ้ามีใบลาออกมาจะแจ้งให้ จนกระทั่งวันที่ 19 พ.ย. นายสิทธิชัยส่งหนังสือมาอ้างว่าไม่เคยสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ระบุว่ามีการปลอมแปลงลายมือชื่อ รวมทั้งเร่งรัดให้ตนแจ้งไปยัง กกต.โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งตนก็ตอบย้ำไปว่าไม่สามารถแจ้ง กกต.ได้โดยที่ยังไม่ลาออก การระบุว่ามีการปลอมแปลงเอกสานนั้นเป็นข้อกล่าวอ้างฝ่ายเดียวของนายสิทธิชัย ยืนยันว่าพรรคพลังประชาชนไม่ต้องการให้ใครมาเป็นสมาชิกพรรคโดยไม่สมัครใจ

โชว์หลักฐานใบสมัคร-ปัดกลั่นแกล้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสิทธิชัยระบุว่าไม่เคยลงชื่อสมัครเข้าพรรคพลังประชาชน นายสมานตอบว่า สุดท้ายอยู่ที่ศาลพิจารณา ลายเซ็นของนายสิทธิชัยมีเยอะแยะในช่วง 6-7 ปีที่ร่วมงานกันมา ถ้าลองให้ตนไปเขียนให้คนอื่นก็คงทำไม่ได้ และถ้าจำเป็นจริงๆก็ต้องนำมาใช้ยืนยัน ปกป้องตัวเองจากข้อหาปลอมแปลงเอกสาร แต่ไม่ได้ใช้ เพื่อทำร้ายใครแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมานได้นำใบสมัครเข้าพรรคพลังประชาชนของนายสิทธิชัย รวมทั้งหนังสือแจ้งขอให้ถอดชื่อออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนที่ส่งมาล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พ.ย. มาแสดง โดยในใบสมัครมีลายมือชื่อแบบตัวบรรจง ขณะที่ใบแจ้งขอให้ถอดชื่อเป็นลายเซ็น อย่างไรก็ตาม นายสมานระบุว่าทางพรรคมีลายมือชื่ออยู่ทั้ง 2 แบบ

“สิทธิชัย” เตรียมยื่นฟ้องศาลฎีกา
 

ด้านนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนยืนยันใบสมัครของนายสิทธิชัยที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนว่า ยังไม่เห็นลายเซ็นล่าสุดที่พรรคพลังประชาชนนำมายืนยันว่าแท้จริงมีการนำลายเซ็นดังกล่าวมาจากไหน เพราะยืนยันว่าเอกสารที่เคยได้รับมีการใช้ลายเซ็นชื่อและนามสกุลเต็มของตน

แต่หลังจากที่ กกต.ทำหนังสือแย้งมาว่าเป็นสมาชิกซ้ำซ้อน

ตนก็ได้เซ็นเอกสารส่งไปให้พรรคพลังประชาชนอีกฉบับหนึ่ง เพื่อขอให้ลบชื่อออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ไม่แน่ใจว่าจะมีการนำลายเซ็นดังกล่าวนั้นออกมาแอบอ้างหรือไม่ ในที่สุดเรื่องก็คงต้องไปจบลงที่ศาล ฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง โดยในวันที่ 27 พ.ย. จะไปยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้พิสูจน์ว่ามีการนำลายเซ็นมาจากไหน ทั้งที่ไม่เคยสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน เรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญาที่ยอมความกันไม่ได้ คงต้องมีใครสักคนที่ต้องรับโทษกันบ้าง