"เจ๊เบียบ" ให้ "ษา" คิดถึงลูก ห่วง "เป้" เครียด ควรพบจิตแพทย์
"เจ๊เบียบ" ออกโรงหย่าศึก "วรรณษา-เป้ ไฮร็อค" บอกอยากให้ษาคิดถึงลูก ส่วนฝ่ายชายอย่าเครียดมาก และควรไปพบจิตแพทย์เพื่อหาทางระบายหลังจากห่างหายจากการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมฉาวๆ ของดารามานาน ในที่สุด ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ก็ออกโรงพูดถึงกรณีพิพาทของ วรรณษา ทองวิเศษ กับ เป้ สุรัช ทับวัง ว่า อยากให้คิดถึงลูกให้มาก บอกษาควรให้เป้มีโอกาสได้เจอลูก ส่วนเป้อย่าเครียดมากและควรไปพบจิตแพทย์เพื่อหาที่ระบาย
ไม่อยากให้ครอบครัวแตกแยก ไม่ว่าจะจดทะเบียนสมรสหรือไม่จดก็ช่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีลูกด้วยกันอยากให้ทุกคนได้นึกถึงลูก นึกถึงผลกระทบที่เกิดกับลูกมากกว่าสิ่งอื่น ลืมเรื่องศักดิ์ศรีสำหรับผัวเมียไม่ควรมีคำนี้ กรณีษากับเป้เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วมันเป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่า ผู้หญิงเราเมื่อมันสุดๆ แล้วก็ทนไม่ได้ เท่าที่ทราบมาผู้ใหญ่ทางษาเค้าไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ษาเองก็รักผู้ชายคนนี้สุดๆ แต่พอแต่งงานแล้วทำไมเค้าไม่เอาผู้ชายคนนี้สุดๆ ตรงนี้มันก็น่าคิดเหมือนกันนะว่า มันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคนเท่านั้นที่รู้ แต่โดยส่วนตัวก็ยังเชื่ออยู่นะว่า ผู้หญิงที่แต่งงานต้องรักผู้ชายสุดๆ แต่ที่มันเป็นอื่นไปได้เพราะอาจจะเจ็บสุดๆ ปวดสุดๆ แสบสุดๆ ซึ่งมันอาจจะเกิดอะไรขึ้นจนรับไม่ได้
ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่เป้บุกไปหอมและกอดษาในรถ บอกเป็นเรื่องอนาจาร
อีกฝ่ายคงรู้สึกสำนึกผิดแล้วก็พยายามงอนง้อถึงที่สุด แต่อีกฝ่ายหนึ่งมันอิ่มตัวแล้วไง เมื่อรักมากก็เสียใจมาก เมื่อรักมากก็แค้นมาก เมื่อรักมากก็เจ็บมาก ก็ไม่อยากจะกลับไปจุดเดิมอีกแล้ว ถ้าถามว่าทำได้ไหม ตรงนี้เจตนาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วมันคือเพื่อน จะไปจับมือถือแขนเขาไปกอดไปหอมเขามันไม่ได้ เพื่อนก็คือเพื่อน ไม่ใช่คู่รัก ไม่ใช่สามีภรรยาแล้ว ไม่ใช่ของกันและกันแล้ว สิ่งที่เป้ทำถือว่าไม่ถูกต้อง มันกลายเป็นล่วงละเมิดสิทธิเนื้อตัวร่างกาย เขาเป็นคนอื่นไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว แบบนี้ถือว่าคุกคาม ตรงนี้ษาก็คงจะกลัวก็เลยไปแจ้งความ และมันคงไม่ได้เกิดแค่ครั้งแรกหรือเปล่า เพื่อให้ทุกอย่างมันยุติให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานก็เลยต้องไปแจ้งความ
แต่สำหรับษาเขาก็ต้องปรับนิดนึง มันควรที่จะคุยกันได้ในฐานะเพื่อน ในฐานะที่เป็นพ่อของลูกคนหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าษาให้เป้มาหาลูกบ้างหรือเปล่า ถ้ามาแล้วษาต้องอยู่กับลูกด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่ให้เขาพบกันสองต่อสองมันก็ไม่ดี ความเป็นพ่อกับลูกมันตัดกันไม่ได้ เมียกับผัวเปลี่ยนได้แต่ลูกตัดไม่ได้ ก็ควรให้พ่อเขาเจอลูกบ้าง รับลูกไปเที่ยวสองต่อสองบ้าง มันเจ็บปวดนะในการที่มีลูกแต่ไม่สามารถเข้าหาตัวลูก แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขามีคอนแทคส์อะไรหรือเปล่า หรือมีอะไรที่ทำให้เขากังวลหรือเปล่าถึงไม่ยอมให้เจอกัน
เป้เองก็คงเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถรักษาสิ่งที่มีค่าไว้ได้ ณ เวลาที่มีเขาอยู่อาจจะคิดว่าเขาไม่มีค่าเท่าที่ควร แต่พอสำนึกว่าเขามีค่าจะไปง้อคืนดีมันก็กลับมาไม่ได้ ความรู้สึกดีๆ ตรงนั้นมันเรียกกลับคืนมาไม่ได้เพราะมันหมดไปแล้ว
แล้วที่ข่าวออกมาบอกว่า เขารู้ว่าษาไปทำอะไรเขารู้ทุกแห่งเพียงแต่เขาไม่ปรากฏตัวอันนี้น่ากลัวนะ ษาเขากลัวจนตัวสั่น คิดว่าเขาคงเจออะไรมาพอสมควร ตรงนี้เป้ก็ต้องคิดแล้วล่ะว่า การที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ตอบรับ การตอบสนองกับความต้องการไม่ตรงกันก็ต้องปรับต้องแก้แล้วล่ะ จะมาคิดว่าเขาเคยเป็นของเรา ก็จะต้องเป็นของเรามันไม่ใช่ เป้ต้องรู้จักหักห้ามแล้ว
ตอนนี้กลัวว่าสภาพจิตใจเขาอาจจะย่ำแย่อาจจะต้องปรึกษาจิตแพทย์ ควรมีคนที่ให้เขาสามารถระบายได้ คือถ้ามีการระบายความเครียดความกดดันมันลดลงนะ อย่าปล่อยตัวเองเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่งั้นจะเกิดเป็นความรุนแรง เดี๋ยวจะเป็นแบบ อ๋อ....เล่นตัวมากใช่ไหม ง้อก็แล้วอะไรก็แล้ว คือไม่รู้อารมณ์ว่านาทีนั้นเขาไม่เอาตัวเองแล้ว ก็ยังคิดว่าลูกตื้อจะเห็นอกเห็นใจ อุตส่าห์ไปจดทะเบียนรับรองบุตรเมื่อเดือนตุลาไปแล้ว คิดว่าษาคงจะพอใจ คิดว่าตัวเองมีความหวัง แต่กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้แล้ว ความรู้สึกดีๆ มันจบลงแล้ว มันก็ต้องเดินตามทางของใครของมันแล้ว
แต่สุดท้ายแล้วอยากให้ทุกคนเห็นแก่ลูก ษาอาจจะมีเงินมีความสามารถเลี้ยงลูก แต่ลูกพอโตขึ้นมาก็ต้องถามหาพ่อ จะให้เขาเจอกันตอนโตเขาจะรู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น ความผูกพันมันไม่มี ความคลุกคลีมันไม่มี ไม่อยากให้ผู้ใหญ่สองคนเห็นแก่ตัว อยากให้เห็นแก่ลูกมากกว่า ถ้าลูกจะอยู่กับพ่อบ้างแล้วษาต้องเจ็บปวดก็ควรจะยอม ลูกชายควรได้อยู่กับพ่อบ้างได้เลียนแบบพฤติกรรมของพ่อบ้าง
https://www.facebook.com/teeneedotcom