เปิดหน้าสู้ ‘ภูริ’แถลง! กรณีเกาะนาคาน้อย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน หลังภูริกลับจากท่องเที่ยวที่ประเทศเนปาล ก็ได้เปิดแถลงข่าวที่สตูดิโอจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยเขาว่า "บอกก่อนเลยว่าตัวเรากับครอบครัว ไม่ได้เป็นคู่กรณี เราคือประชาชนผู้หวังดี ที่ดินที่เขาออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ ที่ครอบครองป่าทางหลังเกาะ ผืนป่าทางนั้นเป็นของประเทศไทย เป็นของพวกเราทุกคนเราออกมาพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่ดินที่เขาถือครองเป็นที่ดินของพวกเราทุกคน ฉะนั้นที่มาร้องเรียนเพราะต้องการให้ภาครัฐ ให้ความสนใจ ว่าการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ มันเกิดผลเสียจริงๆ ทำไมเรื่องราวนี้ถึงไม่ถูกถอดถอน ทำไมโฉนดยังมีอยู่เท่านั้นเอง เราเป็นพลเมืองดี"

พร้อมยืนยันด้วยว่า ตนมีหลักฐานชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ที่ทางนั้นมี เจ้าหน้าที่ที่ดินคนเซ็นรับรองได้แจ้งความกับสถานีตำรวจถลางแล้วว่า ถูกหลอกให้ออกเอกสารปลอม โดยเจ้าหน้าที่คนที่เซ็นออกให้ก็โดนสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงด้วย ดังนั้นจึงมั่นใจว่าหลักฐานที่ตนมอบให้กับกรมที่ดินไปแล้วชี้ได้ชัดเจนแล้วว่าที่มาของเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามภูริบอกด้วยว่า ตนไม่ได้อยากเป็นเจ้าของป่าผืนนั้น เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคนเป็นเจ้าของเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ติดต่อมายังครอบครัวเพื่อเสนอขายในราคาไร่ละ 2 ล้านบาทซึ่งถูกมาก แต่ก็ไม่ซื้อ เพราะไม่ถูกต้อง พื้นที่เป็นพื้นที่ป่าจึงไม่อยากครอบครอง ส่วนอีกฝ่ายจะฟ้องหมิ่นประมาทก็ว่ากันต่อไป แต่ไม่ได้มีข้อพิพาทใดเป็นการส่วนตัว

"หลังจากร้องเรียนไปก็มีคนเตือนให้ระวังตัวเพราะตอนนี้กำลังต่อสู้กับอำนาจมืด ใจจริงก็กลัวเพราะกำลังมีลูก แต่อันนี้เป็นเรื่องของความถูกต้อง เราสู้มาตั้งแต่แรกก็ขอสู้ต่อไป" ภูริกล่าว

ก่อนจะว่าตนมีหลักฐานทุกอย่างและไม่ทราบว่าทางนั้นจะแถไปทำไม ในเมื่อสุดท้ายมันเป็นคดีพิเศษ โดยจากนี้จะร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม ที่กระทรวงมหาดไทย ว่าทำไมกรมที่ดินสั่งให้จังหวัดสอบสวนเรื่องนี้เพื่อจะถอดถอนตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีการตรวจสอบ รวมถึงศูนย์ดำรงธรรมทราบเรื่องตั้งแต่ปีที่แล้วทำไมจึงยังเพิกเฉย อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ณ วันนี้ผู้ว่าจังหวัดภูเก็ตน่าจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้แล้ว

"เอกสารสิทธิ์ของเนื้อที่บนเกาะตั้งแต่สมัยคุณปู่ตอนนั้นออกเอกสารสิทธิได้ 60 ไร่ พอถึงพ.ศ 2535 ไปจะเอาเอกสาร น.ส.3 ก. เราก็ไปรังวัดที่ดินใหม่ ปรากฎว่าที่ข้างหลังเป็นป่า ก็ลดเนื้อหามาเหลือ 53 ไร่ เพราะที่ป่าเราก็ต้องการเก็บไว้แบบนั้น ไม่มีเจตนาครอบครองป่า ในส่วนทีเป็นป่านกเงือกก็ยังอาศัยอยู่ คนก็ยังมาเที่ยวหน้าหาด ไม่ได้ทำลายของป่าอยู่แล้ว แต่เผื่อมีการถากถางตัดทำลายป่า เพื่อทำโรงแรม เราเลยคิดว่าเกิดผลกระทบใหญ่แน่ แต่ในส่วนครอบครัวเราทำธุรกิจแค่ส่วนข้างหน้าหาด ส่วนป่าด้านหลังเก็บไว้แบบเดิม" ภูริยืนยัน

ทั้งยังย้ำว่า "ยืนยันว่าไม่เคยใช้อาวุธไปข่มขู่ แต่สิ่งลูกน้องเราเจอในวันที่ทางนั้นขึ้นเกาะคือ มีการเอาอาวุธปืนข่มขู่ทางเราจริงๆ ผมไม่พูดโกหกอยู่แล้ว ถึงออกมาเรียกร้อง ไม่อย่างนั้นคงสู้ด้วยตนเอง อันนี้เห็นว่าสู้ไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเจรจากับทางนั้น ว่าจะมีสิทธิ์ขึ้นเกาะอีกทีหลังเดือนพฤษภาคม หลังจากประกาศว่าเอกสารที่มีถูกต้องหรือไม่"