นายเสงี่ยมบุญจันทร์ เลขาธิการสภาทนายความ ให้ความเห็นว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างฝ่าย ต่างแจ้งความซึ่งกันและกัน ส่วนใครจะผิดหรือถูกอยู่ที่ผลการสอบสวนของตำรวจ เหตุการณ์นี้ความจริงต้องปรากฏต่อสาธารณชน ไม่ใช่เพียงการนำบาดแผลมาอ้างเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากตำรวจสอบสวนแล้วยังมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ก็สามารถนำพยานแวดล้อมมาช่วยในการพิจารณา
ส่วนกรณีที่นายเฉลิมชัยบีบแตรบนท้องถนนจนมีเรื่องทะเลาะวิวาทนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ นายเสงี่ยม กล่าวว่า
เรื่องนี้ก็ต้องดูสภาพการณ์ว่ามีการจอดรถกีดขวางการจราจรหรือไม่ เสียงแตรไปรบกวนประชาชนโดยรอบหรือไหม่ ถ้าหากไฟเขียวและยังจอดรถกีดขวางการจราจรก็ต้องขึ้นอยู่กับตำรวจจราจรว่าจะดำเนินตามกฎหมายอย่างไร แต่จุดสำคัญอยู่ที่ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อเหตุก่อน
ส่วนคำพูดของนายสมชาย ที่กล่าวกับคู่กรณีว่า
"มีไรเปล่าวะ" ยังไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะอาจพูดไปด้วยอารมณ์บันดาลโทสะ แต่หากเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อนก็ผิดกฎหมาย
นายเสงี่ยม กล่าวอีกว่า
การพกพาปืนและมีด หากไม่นำออกมาใช้ก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่หากนำออกมาข่มขู่ หรือพยายามทำร้ายก็เข้าข่ายพยายามฆ่า ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าฝ่ายใดพูดจริง ฝ่ายใดพูดโกหก คาดอีก 1-2 วัน น่าจะทราบข้อเท็จจริง
"ที่ฝ่ายหญิงออกมาขอโทษที่บีบแตรรถเมื่อรู้ว่าเป็นนายสมชาย ก็น่าจะจบกัน ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาว แต่ถ้าสมมติว่าเอาปืนไปจ่อและขู่แล้วขอโทษถือว่าผิด เพราะได้กระทำลงไปแล้ว การทำร้ายร่างกายมันผิดอยู่แล้ว อีกไม่นานก็รู้ว่าใครพูดจริง เพราะคนที่โกหกคงปิดได้อีกไม่นาน ส่วนเรื่องที่นายสมชายเห็นมีดแล้วเข้าไปล็อกตัวนายเฉลิมชัย ตวัดเอามีดและปืนออกแล้วไปแจ้งข้อหาพยายามฆ่านั้น ต้องดูว่ามีการพยายามฆ่าหรือไม่ เราไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ถ้ามองจากข้อเท็จจริงเรื่องบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการไปแย่งมีดและไปแจ้งความว่าคู่กรณีพยายามฆ่านั้น ต้องตั้งข้อสังเกตว่า อีกฝ่ายหนึ่งเมา ฝ่ายหนึ่งไม่เมา คนไม่เมาจะปล่อยให้คนเมามาแย่งมีดไปได้คงไม่ใช่ ส่วนข้อหาพยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ตามข้อกฎหมายฝ่ายที่มีมีดต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แล้ว แต่ต้องพิสูจน์ว่านายสมชายเข้าไปแย่งมีดเพราะสาเหตุใด" นายเสงี่ยม กล่าว
นายเสงี่ยมกล่าวทิ้งท้ายว่า
เรื่องดังกล่าวหากยังไม่มีการฟ้องร้องจริงจังก็สามารถไกล่เกลี่ยยอมความกันได้ เพราะเป็นเพียงการทะเลาะวิวาทธรรมดา แต่ถ้ามีการฟ้องร้องก็ต้องไปสู้คดีกันในชั้นศาล ซึ่งก็น่าจะยอมความกันได้ เพราะเป็นคดีลหุโทษ แต่หากมีการยอมความกันแล้วและพิสูจน์ได้ว่า นายสมชายทำร้ายร่างกายและกระทำอนาจารฝ่ายหญิงจริง ก็ไม่สามารถยอมความได้ เพราะคนละส่วนกัน ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 10 ปี จากเหตุการณ์นี้น่าจะยอมความกันได้ เพราะนายสมชายก็เป็นดาราที่มีชื่อเสียง มีคนรู้จักทั่วประเทศ
https://www.facebook.com/teeneedotcom