น.ส.นันท์ฐณิชากล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2558 เริ่มตรวจสอบพบว่ามีการทุจริต โดยพนักงานขายได้ไปขายสินค้าแล้วเก็บเงินมาแต่ไม่ได้นำเงินเข้าบริษัท ที่ตรวจสอบพบเป็นเงินสดกว่า 5 ล้านบาท และทำให้มีผลกระทบต่อกิจการชาเม่ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท รูปแบบบริษัทหลังจากได้เปิดตัวมา 5 ปี มีการขยายตัวแบบก้าวกระโดด มีดีลเลอร์เกิดขึ้นเป็นพันราย อาจทำให้บุคลากรมีไม่ครอบคลุมทุกฝ่ายจึงอาจทำให้เกิดช่องว่างให้พนักงานรายนี้ ซึ่งทราบว่าในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 เดือน มีปัญหาด้านการเงินและมีการทุจริตเกิดขึ้น จึงได้สั่งระงับไม่ให้พนักงานรายนี้ขาย แต่ก็ยังมีการร่วมมือกับพนักงานฝ่ายขายที่ดูแลรายย่อยนำสิทธิของคนอื่นไปขายด้วย กับฝั่งพนักงานขายซึ่งเป็นคู่กรณีก็ได้มีการเจรจาพูดคุย ไม่อยากให้เป็นคดีความ ไม่อยากขึ้นศาล ด้วยที่อยากจะให้โอกาสเขาและเชื่อในคำพูดแต่มาถึงจุดนี้เพราะไม่เป็นไปตามที่ได้บอกไว้ หากได้รับเงินตามความเสียหายที่เกิดขึ้นคงไม่มีการแจ้งความ มันไม่ยุติธรรมกับทางชาเม่ อยากให้เขาแสดงความรับผิดชอบ ทุกอย่างต่อจากนี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
น.ส.ฑิฆัมพรกล่าวว่า สำหรับตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอยู่ในขั้นตอนกระบวนการทางศาล กับคู่กรณียังสามารถติดต่อได้ แต่ก็ยังมีการผัดผ่อนอยู่ จึงอยากฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนสำหรับใครที่จะดำเนินธุรกิจแบบนี้ให้ระมัดระวังมายิ่งขึ้น เพราะตนก็ไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดแบบนี้อีกแล้ว ต่อจากนี้จะทำอะไรก็จะรัดกุมกว่านี้
พ.ต.อ.จตุรภัทรเปิดเผยว่า ทางผู้เสียหายได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีหลังจากได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับพนักงานขายของบริษัทในข้อหาฉ้อโกงเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้ทางผู้ถูกกล่าวหาได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ส่วนกรณีที่มีผู้อื่นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติ่ม ซึ่งอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น
https://www.facebook.com/teeneedotcom