เคยไม่เข้าใจกันจนเป็นข่าวใหญ่โตระหว่าง "พ่อ-ลูก" ถึงขั้นไม่มองหน้ากันเป็น 10 ปี สำหรับ "ไกรสร ลีละเมฆินทร์" และ "น้องเชพร" ทายาทเพียงคนเดียวของราชินีลูกทุ่ง "พุ่มพวง ดวงจันทร์" ซึ่งวันนี้ "ไกรสร" และ "น้องเพชร" ได้เปิดใจในรายการ "โชว์แตกฟอง" ทาง "ช่อง 2" บันเทิง มาเต็ม(หมายเลข 38) โดยผู้เป็นพ่อได้เปิด "พินัยกรรม" ที่เขียนไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 เป็นครั้งแรก พร้องทั้งมอบลิขสิทธิ์เพลงลูกค่าราว 80 ล้านบาทให้ลูกชายเป็นผู้ถือครองอย่างเป็นทางการ
ความสัมพันธ์พ่อลูกเป็นยังไงบ้างช่วงนี้ ?
เพชร : ดีมากครับ ด้วยความที่ผมเคยทะเลาะกับป๊าใช่ไหมครับ แล้วก็ออกจากบ้านไปประมาณ 10 ปีแล้ว ด้วยความที่ใช้เวลาไตรตรอง ด้วยความที่อายุเรามากขึ้น ประสบการณ์เยอะขึ้นทำให้เราย้อนกลับไปนึกถึงว่าสิ่งที่ป๊าเขาสอน สิ่งที่ป๊าเคยดุเคยว่าผม น่าจะเชื่อนะ ตอนนี้พอโตมาก็ได้มีโอกาสมาเปิดอกนั่งคุยกับป๊าคุยกันเหมือนเพื่อน ผมก็มีเหตุผลมากขึ้น ?
พ่ออยู่เชียงใหม่ เราอยู่กรุงเทพ เจอกันบ่อยไหม
เพชร : เดือนหนึ่งก็บ่อยครับ คือ ถ้าป๊ากลับเชียงใหม่ ผมก็โทรเรียกป๊ากลับมาอีกแล้ว ด้วยความที่ผมขี้เหงาครับ (ยิ้ม) ก็อยากให้ป๊าไปกินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน ป๊าเป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นพ่อ เป็นทุกอย่าง
ไกรสร : เมื่อก่อนออกรายการทุกทีมันคิดถึงคุณผึ้ง (พุ่มพวง) เรื่องลูกเรื่องอะไรก็ตาม มันก็สะท้อนเนาะ เป็นอะไรที่เศร้าใจ แต่ตอนนี้ เดี๋ยวนี้มันมีอะไรมายาใจ ต่อจากนี้ไปมันมีแต่ความสนุกสนาน มีแต่เรื่องของอนาคต ทำยังไงให้ลูกเจริญรอยตามคุณผึ้งไป คุยแต่เรื่องงาน ปรึกษาชีวิต ลูกผ่านพ้นชีวิตช่วงที่แย่ มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง พ่อมีประสบการณ์มากี่ปีเล่าให้ลูกฟัง ก็กลับมาคุยกันก็เป็นอะไรที่สนิทสนมกันมากขึ้น
มีเรื่องเซอร์ไพร้ส์มีอะไรจะให้เพชร ?
ไกรสร : มันเป็นผลงานเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธ์ของมาม้า(พุ่มพวง) ทั้งหมดไม่ว่าจะร้องเพลงให้บริษัทไหน กับผู้ใดก็ตาม ผมไม่เคยประกาศไม่เคยบอกใครทั้งสิ้น วันนี้ก็จะบอกว่าของทั้งหมดนี้จะให้เพชรเป็นคนดูแล ซึ่งผมดูแลมานานแล้วตั้งแต่คุณผึ้งเสียชีวิต คำสั่งศาลให้ผมเป็นผู้ดูแล เป็นผู้จัดการมรดกทั้งสิ้นของพุ่มพวง ดวงจันทร์ สัญญาต่างๆ เหล่านี้มันเป็นสัญญาที่มาม้าทำกับริษัทต่างๆ ซึ่งมันจะมีข้อความสำคัญอยู่ว่าผลประโยชน์รายได้ต่างๆ ที่บริษัทจะต้องให้มาม้า ให้ผู้จัดการมรดก ม้วนละ 5 บาท เมื่อก่อนเป็นเทป 20 กว่าปีแล้วผมไม่เคยได้เลยนะครับประชาชนที่รัก ผมไม่เคยไปเรียกร้องที่ไหนเลย ไม่เคยได้จากบริษัทใดๆ ก็ตาม เพราะว่าตอนนั้นเป็นข่าวตัวเองก็เหมือนกับโดนโจมตีต่างๆ มากมายก็เก็บตรงนี้ไว้ในหัวใจอยู่คนเดียว วันนี้ถึงเวลาแล้ว ลูกโตแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว มีความคิดเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะมอบสิ่งนี้ให้ลูกซึ่งมันเป็นผลประโยชน์มหาศาลเลยทีเดียว ลูกจะดำเนินการอย่างไรก็แล้วแต่ กับบริษัทต่างๆ ที่ไม่เคยให้ผลประโยชน์ ลูกโตแล้วจะทำยังไงก้แล้วแต่ อันนี้จะมอบให้ลูกไปจัดการดูแลทั้งหมด
https://www.facebook.com/teeneedotcom