พอมาถึงจุดตรงนี้เราคิดว่า แดน-บีมคือบอยแบนด์ที่อยู่ในอันดับสูงสุดจริงๆ
แต่ด้วยแนวคิดของแต่ละคนที่มีมากขึ้นทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน ผมเลยตัดสินใจว่าควรทำอะไรต่อไป ผมไม่อยากเห็นการแยกวงเกิดขึ้นเพราะเกิดการทะเลาะกันหรือ “แดน-บีม” เสื่อมลงแล้วจึงแตก ประกอบเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่ทางบริษัทให้ความสนใจมาตลอด แดนก็อยากเรียนในสิ่งที่เค้าสนใจ ส่วนบีมก็อยากเรียนโทให้จบ ซึ่งถ้าด้วยระยะเวลางาน และความรักจากแฟนคลับยังมากขนาดนี้มันเป็นไปไม่ได้แน่ ผมจึงอยากให้เขาทำตามความฝันของเค้า
และผมเชื่อว่าความคิดเห็นของผู้ใหญ่อย่าง “เฮีย” คงเหมือนผม
คือไม่อยากให้แตกกันตอนวงเสื่อมความนิยม อย่างที่ผมบอกถ้าไม่มี “แดน-บีม” ไม่ใช่ว่าเค้าสองคนจะยุติเส้นทางนักร้องในตรงนี้ แต่เรายังได้เห็นผลงานอื่นๆเค้าต่อไปอย่างอย่างเรื่องละคร พิธีกร พรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการทำอัลบั้ม “แดน วอลลุ่มวัน หรือ “บีม วอลลุ่มวัน” ก็ได้ เราก็ดูกันอยู่ซึ่งทางเราก็อยากให้ผลงานออกมาพิถีพิถันและดีที่สุด”
ด้าน “แดน” เสริมต่อว่าถึงสาเหตุการแยกวงจริงๆนั้นคือความประสงค์ทางบริษัท ซึ่งก็ขอยอมรับอย่างโดยดี “อย่างที่พี่เกี๊ยะบอกว่าไม่อยากให้เราเลิกทำวงเพราะกระแสตกลง แต่อยากให้จบลงเพราะเรายังเป็นแบบนี้
ซึ่งผมเองก็เชื่อทางบริษัทเพราะว่าสร้างให้ “D2B” เป็นได้แบบทุกวันนี้
ส่วนข่าวเรื่องการทะเลาะต่อยกันในห้องอัดอยากบอกไม่มีเลย จำได้ว่าผมเคยทะเลาะกับพี่บีมครั้งเดียวเพราะพี่เค้าไม่ซื้อชานมไข่มุกตอนอยู่สิงคโปร์ด้วย อย่างเรื่องการขึ้นมึงกู ด่าว่ากันนั้น สำหรับผมกับพี่บีมไม่เคยมีรับรองว่าการแยกวงในคราวนี้ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกส่วนตัวแน่นอน
กับเรื่องของค่ายต่างๆที่มีกระแสจีบไปร่วมค่าย อย่างแกรมมี่
ผมก็ต้องยอมรับว่ามี เพราะสัญญาเหลือแค่เพียง 1 ปี เท่านั้นเองก็อาจจะมีค่ายอื่นๆสนใจอยากร่วมงานด้วย แต่ทั้งหมดเป็นแค่เพียงการพูดคุย ส่วนค่าย “โซนี ฯ”เป็นอีกค่ายที่ย้ายไปหรือเปล่า อันนี้ผมว่าเกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ ผมคงต้องมานั่งบอกกล่าวพี่ๆทุกคนอีกครั้งครับ”
https://www.facebook.com/teeneedotcom