‘เจนี่คบกับพี่บั๊ดมานานแล้ว มันขึ้นอยู่กับเราสองคนไม่ใช่ขึ้นอยู่กับข่าวที่เกิดขึ้น เราคบกันมันมากยิ่งกว่าความเข้าใจแล้วค่ะ’
จัดว่าเป็นนางเอกเนื้อหอมที่มีงานชุกมือมากคนหนึ่ง
สำหรับนักแสดงสาวจากวิกพระราม 4 ไทยทีวีสีช่อง 3 เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ที่ผลงานละครเรื่อง “รักนี้หัวใจเราจอง” เพิ่งอวสานไปหมาด ๆ ผลงานเรื่องใหม่ก็มาจ่อลงจอออกอากาศทันที “กรุง เทพฯราตรี” แต่ละเรื่องล้วนเรียกเรตติ้งความนิยมจากแฟนละครเป็นอย่างดี จน “ดาวต่างมุม” สัมผัสถึงความเจิดจรัสของดาวดวงนี้ จึงขอคิวด่วนจี๋มากะเทาะเปลือกทุกแง่มุม เพื่อที่แฟน ๆ จะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของนางเอกสาวผู้นี้
นัดครั้งนี้ไม่ใกล้ไม่ไกลนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ ชั้นล่างของตึกมาลีนนท์นั่นเอง ซึ่งสาวเจนี่ มาในชุดสบาย ๆ พร้อมที่จะเปิดใจในทุก ๆ เรื่อง เวลาไม่รีรอยิงคำถามแรกกันเลย…
สังเกตว่า เจนี่ เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่งานเยอะมาก ปกติมีลิมิตการรับงานแสดงอย่างไรบ้าง?
“ไม่เคยมีค่ะ เอาแค่ว่าเราชอบ เพราะงานแสดงเป็นงานที่ตัวเองชอบอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยมีลิมิตต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ที่เจนี่เคยรับละครมากสุดในหนึ่งปีประมาณ 4 เรื่องค่ะ”
อยู่ในวงการบันเทิงนานมากว่า 10 ปีขนาดนี้ มีบทบาท แนวไหนบ้างที่อยากเล่น และคิดว่าท้าทายฝีมืออีกมั้ย เพราะดูจากนางเอกรุ่นพี่บางคนก็กล้าที่จะเล่นบทร้ายกันแล้ว?
“เดาไม่ออกเหมือนกันว่าอยากเล่นบทแนวไหน ต้องเห็นบทก่อนค่ะ ถึงจะรู้ว่าชอบรึเปล่า ตอนนี้เจนี่ผ่านบทมาค่อนข้างเยอะมากเหมือนกัน นึกไม่ออกจริง ๆ ค่ะ อย่างบทร้ายต้องร้ายแบบมีเหตุ ไม่ใช่ร้ายแบบกรี๊ด ๆ ถ้าร้ายแบบต้องแก้แค้นก็น่าสนใจนะ อยากเล่นบทแนวที่ใช้จิตวิญญาณสักหน่อยค่ะ”
นี่แหละ... โลกแห่งความสุขของ เจนี่
แล้วแฟนละครมีสิทธิจะเห็น เจนี่ เล่นบทร้ายแล้วหรือยัง เพราะเห็นเล่นบทใส ๆ น่ารัก ๆ ตลอดเลย?
“ตอนนี้คงยังค่ะเจนี่ว่าเจนี่ยังได้บทแนวอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นะ ยังไม่อยากแหวกออกไปเยอะมากไม่รู้ว่าคนดูจะรู้สึกยังไงค่อยๆปรับไปดีกว่าค่ะเจนี่ว่าเค้ารับที่เราเป็นเรานะคะบทบาทเป็นหน้าที่ในการทำงานเท่านั้น”
ยังมีงานบันเทิงประเภทอื่นที่อยากทำอีกหรือเปล่า?
“ตอนนี้คงยังค่ะเจนี่ว่าเจนี่ยังได้บทแนวอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นะ ยังไม่อยากแหวกออกไปเยอะมากไม่รู้ว่าคนดูจะรู้สึกยังไงค่อยๆปรับไปดีกว่าค่ะเจนี่ว่าเค้ารับที่เราเป็นเรานะคะบทบาทเป็นหน้าที่ในการทำงานเท่านั้น”
ยังมีงานบันเทิงประเภทอื่นที่อยากทำอีกหรือเปล่า?
“ยังไม่คิดเลย เพราะเรายังแฮปปี้กับงานแสดงอยู่ ยังมีอะไรให้ค้นคว้าอีกเยอะ เจนี่รู้สึกว่าเรามาจากจุดเริ่มต้นและเพิ่งถึงจุดกึ่งกลางเอง ยังไม่รู้สึกว่าอยากไปทำอย่างอื่น”
ด้วยบทที่แสดงเป็นประจำค่อนข้างจะดูเป็นนางเอกเด็ก ๆ ใส ๆ จนมีข่าวว่า เจนี่ แอ๊บแบ๊ว ตรงนี้รู้สึกยังไง?
“มันก็แค่คำ ๆ หนึ่ง เจนี่ก็เป็นอย่างนี้ เป็นตัวของตัวเอง เราก็มีส่วนเด็กของเรา ทุกคนมีความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัว ใครจะผู้ใหญ่ได้ตลอดเวลา อีกอย่างด้วยความที่เจนี่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรอบมาตลอด เลยทำให้ตัวเองเป็นเด็กที่มีคุณแม่ดูแล ตราบใดที่เรามีคุณพ่อคุณแม่เป็นครอบครัวที่อบอุ่นอย่างนี้ คำว่าเด็กไม่น่าเกลียดสำหรับเราเลย เพราะเรายังเด็กในสายตาคุณแม่อยู่ดี ใครจะว่าเจนี่ก็ได้ เรารู้แค่ว่าเราต้องเคารพและเชื่อคำสั่งของคุณแม่ตลอดเวลาค่ะ”
กลัวมั้ยถ้ามีใครคิดว่าเราไม่โต เป็นลูกแหง่ ยอมเหรอ?
“ฮือ! เราอยู่มาได้จุดนี้ก็เพราะคุณแม่ ทุกสิ่งทุกอย่างคือคุณแม่ คำว่า “แม่” คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเจนี่ จะคิดว่าลูกแหง่ก็ลูกแหง่ จริง ๆ คำนี้มันมีหลายอารมณ์ เหมือนเรารักแม่ เราเชื่อฟังเค้า ไม่มีใครรักเราเท่าแม่อีกแล้ว”
“มันก็แค่คำ ๆ หนึ่ง เจนี่ก็เป็นอย่างนี้ เป็นตัวของตัวเอง เราก็มีส่วนเด็กของเรา ทุกคนมีความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัว ใครจะผู้ใหญ่ได้ตลอดเวลา อีกอย่างด้วยความที่เจนี่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรอบมาตลอด เลยทำให้ตัวเองเป็นเด็กที่มีคุณแม่ดูแล ตราบใดที่เรามีคุณพ่อคุณแม่เป็นครอบครัวที่อบอุ่นอย่างนี้ คำว่าเด็กไม่น่าเกลียดสำหรับเราเลย เพราะเรายังเด็กในสายตาคุณแม่อยู่ดี ใครจะว่าเจนี่ก็ได้ เรารู้แค่ว่าเราต้องเคารพและเชื่อคำสั่งของคุณแม่ตลอดเวลาค่ะ”
กลัวมั้ยถ้ามีใครคิดว่าเราไม่โต เป็นลูกแหง่ ยอมเหรอ?
“ฮือ! เราอยู่มาได้จุดนี้ก็เพราะคุณแม่ ทุกสิ่งทุกอย่างคือคุณแม่ คำว่า “แม่” คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเจนี่ จะคิดว่าลูกแหง่ก็ลูกแหง่ จริง ๆ คำนี้มันมีหลายอารมณ์ เหมือนเรารักแม่ เราเชื่อฟังเค้า ไม่มีใครรักเราเท่าแม่อีกแล้ว”
มีคนบางกลุ่มชอบกล่าวหาว่า แม่ดาราชอบวุ่นวาย ชอบจุ้นจ้าน เป็นต้นเหตุของเรื่องราวต่าง ๆ เจนี่คิดอย่างไร?
“สำหรับเจนี่แม่เจนี่ไม่เป็นอย่างนั้นค่ะ เจนี่ต้องการให้คุณแม่อยู่ด้วยเอง รู้สึกอบอุ่น เค้าเป็นทุกอย่างของเรา รู้ใจเรามากที่สุด แม่ไม่เคยเข้ามายุ่งกับงานของเจนี่และไม่มาจู้จี้จุกจิกเลย แม่อยู่กับเราเป็นเพื่อนเราด้วย หน้าที่การงานคือหน้าที่ตรงนั้น เขาไม่เคย ไม่จู้จี้เลย”
แปลว่าคุณแม่มีบทบาทกับชีวิตเจนี่มากเลยสิ?
“มีมากค่ะ ดูทั้งหน้าที่การงาน การเงิน แม่ดูแลเราทุกเรื่องนั่น แหละ ชีวิตนี้จะมีกี่คนที่ให้ความสำคัญกับเราคะ แม่เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ ตั้งแต่เข้าวงการมาเจนี่ไม่เคยมีผู้จัดการส่วนตัวเลย มีแต่คุณแม่นี่แหละที่รับเงิน ให้เงินเจนี่ เวลาทำงานได้เงินมาจะให้คุณแม่เก็บหมดทุกบาททุกสตางค์ เราถือว่าชาตินี้เงินที่หามาทั้งชีวิตไม่สามารถทดแทนพระคุณแม่ได้เลย เงินเป็นสิ่งภายนอก ฉะนั้นเจนี่อยากให้แม่สบายค่ะ เจนี่ยอมทุกอย่าง”
“สำหรับเจนี่แม่เจนี่ไม่เป็นอย่างนั้นค่ะ เจนี่ต้องการให้คุณแม่อยู่ด้วยเอง รู้สึกอบอุ่น เค้าเป็นทุกอย่างของเรา รู้ใจเรามากที่สุด แม่ไม่เคยเข้ามายุ่งกับงานของเจนี่และไม่มาจู้จี้จุกจิกเลย แม่อยู่กับเราเป็นเพื่อนเราด้วย หน้าที่การงานคือหน้าที่ตรงนั้น เขาไม่เคย ไม่จู้จี้เลย”
แปลว่าคุณแม่มีบทบาทกับชีวิตเจนี่มากเลยสิ?
“มีมากค่ะ ดูทั้งหน้าที่การงาน การเงิน แม่ดูแลเราทุกเรื่องนั่น แหละ ชีวิตนี้จะมีกี่คนที่ให้ความสำคัญกับเราคะ แม่เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ ตั้งแต่เข้าวงการมาเจนี่ไม่เคยมีผู้จัดการส่วนตัวเลย มีแต่คุณแม่นี่แหละที่รับเงิน ให้เงินเจนี่ เวลาทำงานได้เงินมาจะให้คุณแม่เก็บหมดทุกบาททุกสตางค์ เราถือว่าชาตินี้เงินที่หามาทั้งชีวิตไม่สามารถทดแทนพระคุณแม่ได้เลย เงินเป็นสิ่งภายนอก ฉะนั้นเจนี่อยากให้แม่สบายค่ะ เจนี่ยอมทุกอย่าง”
นิสัยจริง ๆ ของเจนี่ เป็นยังไง?
“ติ๊งต๊อง เอ๋อ ๆ ขำ ๆ ค่ะ อาจเป็นเพราะเราอยู่กับคุณแม่ ทุกอย่างเลยสบาย ๆ คุณแม่ทำให้ทุกอย่างเลย ท่านเป็นคนที่เราไว้ใจที่สุดไม่ต้องมานั่งคิดอะไรเองมาก ตรงนี้เป็นอะไรที่โชคดีมากสำหรับเจนี่ค่ะ ชีวิตโอเคแล้วนะ”
ถ้าตัวเองอยากได้อะไรขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร?
“เหมือนเด็กที่เรียนหนังสือค่ะ ขอเงินแม่ ถ้าอยากได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจะเก็บเงินซื้อเอง เก็บจากที่แม่ให้เราในแต่ละสัปดาห์นี่แหละ เจนี่ถือระบบอย่างนี้มาตลอด เจนี่ไม่เคยมีบัตรเครดิต ขอแม่อย่างนี้แฮปปี้ดีแล้วค่ะ มันช่วยให้เราประหยัดด้วย ไม่อย่างนั้นมีเท่าไหร่คงใช้หมด มีน้อยก็ใช้น้อย เงินที่เจนี่ได้จากการทำงานท่านก็เก็บเข้าธนาคาร ปกติคุณแม่มีงานประจำอยู่แล้วคือทำที่ปูนซิเมนต์ไทย เวลาได้เงินเดือนมาท่านก็เอามาเลี้ยงเราค่ะ”
“ติ๊งต๊อง เอ๋อ ๆ ขำ ๆ ค่ะ อาจเป็นเพราะเราอยู่กับคุณแม่ ทุกอย่างเลยสบาย ๆ คุณแม่ทำให้ทุกอย่างเลย ท่านเป็นคนที่เราไว้ใจที่สุดไม่ต้องมานั่งคิดอะไรเองมาก ตรงนี้เป็นอะไรที่โชคดีมากสำหรับเจนี่ค่ะ ชีวิตโอเคแล้วนะ”
ถ้าตัวเองอยากได้อะไรขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร?
“เหมือนเด็กที่เรียนหนังสือค่ะ ขอเงินแม่ ถ้าอยากได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจะเก็บเงินซื้อเอง เก็บจากที่แม่ให้เราในแต่ละสัปดาห์นี่แหละ เจนี่ถือระบบอย่างนี้มาตลอด เจนี่ไม่เคยมีบัตรเครดิต ขอแม่อย่างนี้แฮปปี้ดีแล้วค่ะ มันช่วยให้เราประหยัดด้วย ไม่อย่างนั้นมีเท่าไหร่คงใช้หมด มีน้อยก็ใช้น้อย เงินที่เจนี่ได้จากการทำงานท่านก็เก็บเข้าธนาคาร ปกติคุณแม่มีงานประจำอยู่แล้วคือทำที่ปูนซิเมนต์ไทย เวลาได้เงินเดือนมาท่านก็เอามาเลี้ยงเราค่ะ”
แล้วเวลาคุณแม่อยากได้อะไรขึ้นมาล่ะ?
“ท่านไม่เคยอยากได้อะไรเลย ขนาดเจนี่ซื้อของให้เค้า แม่ยังไม่ยอมใช้เลย เก็บหมด คุณแม่ประหยัดอยู่แล้วด้วย เจนี่ยังเคยบอกกับคุณแม่เลยว่าอยากให้ท่านออกจากงาน มาอยู่บ้านเฉย ๆ งานไม่ต้องทำหรอก เจนี่เลี้ยงเองได้ แม่ก็ไม่เอา จะต้องทำงาน หาเงินมาเลี้ยงลูก เดี๋ยวเค้าจะหาว่าแม่ไม่เลี้ยงลูก ซึ่งจริง ๆ เราอยากเลี้ยงคุณแม่มากกว่า ทั้งชีวิตคุณแม่เหนื่อยมาตลอดแล้ว อยากทำอะไรให้คุณแม่สบายได้แล้วค่ะ”
อย่างนี้ก็เก็บเงินจนเรียกว่าเป็นเศรษฐีย่อม ๆ ได้แล้วสิ!
“ไม่นะ อนาคตเรายังอีกยาว อยากทำเพื่ออนาคตเผื่อจะได้เป็นชิ้นเป็นอัน เอาจริง ๆ ของภายนอกของเจนี่ก็มีครบหมดแล้วด้วย สำหรับของชิ้นใหญ่ที่สุดที่เจนี่เคยซื้อคือบ้านค่ะ เราภูมิใจที่หามาจากน้ำพักน้ำแรง มันมาจากความเหน็ดเหนื่อยของเราค่ะ”
“ท่านไม่เคยอยากได้อะไรเลย ขนาดเจนี่ซื้อของให้เค้า แม่ยังไม่ยอมใช้เลย เก็บหมด คุณแม่ประหยัดอยู่แล้วด้วย เจนี่ยังเคยบอกกับคุณแม่เลยว่าอยากให้ท่านออกจากงาน มาอยู่บ้านเฉย ๆ งานไม่ต้องทำหรอก เจนี่เลี้ยงเองได้ แม่ก็ไม่เอา จะต้องทำงาน หาเงินมาเลี้ยงลูก เดี๋ยวเค้าจะหาว่าแม่ไม่เลี้ยงลูก ซึ่งจริง ๆ เราอยากเลี้ยงคุณแม่มากกว่า ทั้งชีวิตคุณแม่เหนื่อยมาตลอดแล้ว อยากทำอะไรให้คุณแม่สบายได้แล้วค่ะ”
อย่างนี้ก็เก็บเงินจนเรียกว่าเป็นเศรษฐีย่อม ๆ ได้แล้วสิ!
“ไม่นะ อนาคตเรายังอีกยาว อยากทำเพื่ออนาคตเผื่อจะได้เป็นชิ้นเป็นอัน เอาจริง ๆ ของภายนอกของเจนี่ก็มีครบหมดแล้วด้วย สำหรับของชิ้นใหญ่ที่สุดที่เจนี่เคยซื้อคือบ้านค่ะ เราภูมิใจที่หามาจากน้ำพักน้ำแรง มันมาจากความเหน็ดเหนื่อยของเราค่ะ”
เคยคิดมองงานด้านอื่นหรืออยากมีธุรกิจนอกจากงานบันเทิงบ้างหรือเปล่า?
“อยากมีร้านขนมเล็ก ๆ ณ ตอนนี้คงยังค่ะ ทำร้านเนี่ยกว่าจะคืนทุน ได้กำไรก็นานเหมือนกัน ต้องมีการทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ถึงตอนนี้ยังไม่ทำดีกว่า ตราบใดที่ยังหาเงินกับวงการนี้ได้ ก็อยากทำต่อไปก่อน”
หากมีปัญหากับข่าวตามหน้าหนังสือล่ะ เจนี่จะหันไปปรึกษาใครก่อน?
“ส่วนใหญ่จะปรึกษา พี่ดา (ฤทัยรัตน์ อมตะวณิชย์) ค่ะ ถึงจะแย่ก็แย่แป๊บเดียว ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข เจนี่คิดเสียว่ามันเหมือนเส้นทางที่ขรุขระ เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ พี่ดาจะรู้ทุกเรื่อง เจนี่ไม่อยากนำปัญหาไปให้คุณแม่ท่านเครียดค่ะ อีกอย่างเจนี่ว่าสิ่งที่เจนี่ทำไปตัวเองจะคิดก่อนเสมอ เลยยังไม่ค่อยมีเรื่องแย่เข้ามาในชีวิตมากนัก อีกอย่างเจนี่ไม่ค่อยสนใจ คุณแม่ก็ไม่สนใจกับข่าวเหล่านั้นค่ะ มันเป็นแค่องค์ประกอบในการทำงาน แค่ครอบครัวเราเข้าใจก็พอแล้ว ข่าวไม่ได้ทำให้พวกเราหวั่นไหวหรอกค่ะ”
“อยากมีร้านขนมเล็ก ๆ ณ ตอนนี้คงยังค่ะ ทำร้านเนี่ยกว่าจะคืนทุน ได้กำไรก็นานเหมือนกัน ต้องมีการทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ถึงตอนนี้ยังไม่ทำดีกว่า ตราบใดที่ยังหาเงินกับวงการนี้ได้ ก็อยากทำต่อไปก่อน”
หากมีปัญหากับข่าวตามหน้าหนังสือล่ะ เจนี่จะหันไปปรึกษาใครก่อน?
“ส่วนใหญ่จะปรึกษา พี่ดา (ฤทัยรัตน์ อมตะวณิชย์) ค่ะ ถึงจะแย่ก็แย่แป๊บเดียว ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข เจนี่คิดเสียว่ามันเหมือนเส้นทางที่ขรุขระ เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ พี่ดาจะรู้ทุกเรื่อง เจนี่ไม่อยากนำปัญหาไปให้คุณแม่ท่านเครียดค่ะ อีกอย่างเจนี่ว่าสิ่งที่เจนี่ทำไปตัวเองจะคิดก่อนเสมอ เลยยังไม่ค่อยมีเรื่องแย่เข้ามาในชีวิตมากนัก อีกอย่างเจนี่ไม่ค่อยสนใจ คุณแม่ก็ไม่สนใจกับข่าวเหล่านั้นค่ะ มันเป็นแค่องค์ประกอบในการทำงาน แค่ครอบครัวเราเข้าใจก็พอแล้ว ข่าวไม่ได้ทำให้พวกเราหวั่นไหวหรอกค่ะ”
เรื่องรัก ๆ เลิก ๆ กับพี่บั๊ดล่ะ ตกลงยังไงกันแน่?
“เจนี่คบกับพี่เค้ามานานแล้ว มันขึ้นอยู่กับเราสองคน ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับข่าวที่เกิดขึ้น เราคบกันมันมากยิ่งกว่าความเข้าใจแล้วค่ะ”
เวลามีข่าวปรากฏบนหน้าหนังสือ ตัวเองก็ไม่ใช่คนอ่านด้วย ปกติรับรู้ข่าวมาจากเพื่อนรึเปล่า?
“กับเพื่อนเจนี่เองเค้าก็ไม่ได้สนใจหรอกค่ะ เขารู้ว่าเราเป็นคนยังไง ไม่มีใครถามอยู่แล้ว อย่างข่าวที่พี่บั๊ดไปเชียร์ปุยฝ้ายที่งานเอเอฟ 4 พี่บั๊ดเองเค้าก็คิดว่าข่าวก็คือข่าว จะให้คนนั่งดูคอนเสิร์ตทำหน้ายังไงคะ พี่เค้าก็นั่งดูเฉย ๆ ไม่ได้ส่งสายตาอะไรให้กันเลย แล้วจะให้พี่บั๊ดไปส่งสายตากับผู้ชายเหรอคะ ทำใจกับเรื่องเหล่านี้แล้วล่ะค่ะ พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่พอ คงไม่ทำอย่างนั้นแน่ ๆ เรื่องนี้เจนี่พูดไปเยอะแล้วด้วย แค่รู้จักกัน ไปเชียร์น้องคนหนึ่งเท่านั้นค่ะ”
“เจนี่คบกับพี่เค้ามานานแล้ว มันขึ้นอยู่กับเราสองคน ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับข่าวที่เกิดขึ้น เราคบกันมันมากยิ่งกว่าความเข้าใจแล้วค่ะ”
เวลามีข่าวปรากฏบนหน้าหนังสือ ตัวเองก็ไม่ใช่คนอ่านด้วย ปกติรับรู้ข่าวมาจากเพื่อนรึเปล่า?
“กับเพื่อนเจนี่เองเค้าก็ไม่ได้สนใจหรอกค่ะ เขารู้ว่าเราเป็นคนยังไง ไม่มีใครถามอยู่แล้ว อย่างข่าวที่พี่บั๊ดไปเชียร์ปุยฝ้ายที่งานเอเอฟ 4 พี่บั๊ดเองเค้าก็คิดว่าข่าวก็คือข่าว จะให้คนนั่งดูคอนเสิร์ตทำหน้ายังไงคะ พี่เค้าก็นั่งดูเฉย ๆ ไม่ได้ส่งสายตาอะไรให้กันเลย แล้วจะให้พี่บั๊ดไปส่งสายตากับผู้ชายเหรอคะ ทำใจกับเรื่องเหล่านี้แล้วล่ะค่ะ พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่พอ คงไม่ทำอย่างนั้นแน่ ๆ เรื่องนี้เจนี่พูดไปเยอะแล้วด้วย แค่รู้จักกัน ไปเชียร์น้องคนหนึ่งเท่านั้นค่ะ”
จากที่พี่บั๊ดเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนที่มีชื่อเสียง นามสกุลดังอย่างนี้ ในเมื่อมีข่าวเชิงนี้ออกมา เค้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?
“พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เค้าก็ไม่ได้อยากมีข่าวแบบนี้ออกมาหรอกค่ะ พี่เค้าเคยมาบ่น ๆ กับเจนี่ว่าเค้าไม่ใช่ดาราทำไมต้องมาเขียนข่าว และ ลงข่าวในหน้าบันเทิงอย่างนี้ด้วยเจนี่ก็ได้แต่บอกไปนะคะว่าคบเจนี่ก็อย่างนี้แหละ(หัวเราะ)เราเป็นคนของประชาชนมันหนีไม่ได้หรอก”
และที่มีข่าวเดินควงกับสาวหล่อบ่อย ๆ ล่ะตกลงยังไงกันแน่?
“เพื่อนกันค่ะ อีกอย่างเพื่อนเจนี่ก็เผอิญเป็นทอมซะเยอะด้วย เราไปกับเพื่อนแบบบริสุทธิ์ใจ อย่างไปกินข้าว ซื้อของ ก็ไปกันเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อนกันไปด้วยกันไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย ก็เหมือนกับที่ออม มีข่าวว่าไปคบทอมนั่นแหละ ก็เพื่อนกลุ่มเดียวกับเจนี่ค่ะ มันเลยหนีไม่พ้นที่จะมีข่าวกับเพื่อน ๆ กลุ่มนี้ ไม่อย่างนั้นจะให้เจนี่ไปเดินกับใครล่ะคะ”
คบหาดูใจกันมาก็นานแล้วเมื่อไหร่ถึงจะอยากมีชีวิตคู่ มีครอบครัวของตัวเองล่ะ?
“บอกตรงๆนะคะเจนี่กลัวการมีครอบครัวเหมือนกัน เห็นจากคู่รักหลายๆคู่ที่จุดจบก็คือต้องเลิกกัน การแต่งงานไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันว่าคู่รักนั้นๆมีความสุขบางคู่แต่งงานกันไปตั้งนานยังเลิกกันได้เลยเจนี่ว่าตัวเองแฮปปี้และมีความสุขกับชีวิตณตอนนี้มากๆคบไปอย่างนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรเลยจริงๆรู้แค่คบคนๆนี้มีความสุขก็น่าจะพอใจแล้วค่ะ”
พี่บั๊ดเองก็อายุเยอะแล้ว พี่เค้าไม่เร่งรัดขอแต่งงานเลยเหรอ ไม่กลัวจะสายเกินไปรึเปล่า?
“เรื่องอายุไม่ใช่สิ่งสำคัญค่ะเจนี่ไม่ยึดติดกับเรื่องนี้อยู่แล้วแต่งงานมีการจดทะเบียนสมรส มันก็แค่กระดาษใบหนึ่งเท่านั้นสำหรับเจนี่ความสุขไม่ได้วัดกันที่เรื่องนี้เลย คุณค่าของความรักและความผูกพันของเจนี่ว่ามันมีมากกว่าการแต่งงานซะอีกชีวิตเรามีความสุขมากกว่าเอาสิ่งเหล่านี้มาวัดนะ”
อย่างนี้พี่บั๊ดคงต้องรออีกนานเลยสิเนี่ย กว่านางเอกในดวงใจคนนี้จะเปลี่ยนความคิดอยากสละโสดเหมือนคู่อื่น ๆ….
“พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เค้าก็ไม่ได้อยากมีข่าวแบบนี้ออกมาหรอกค่ะ พี่เค้าเคยมาบ่น ๆ กับเจนี่ว่าเค้าไม่ใช่ดาราทำไมต้องมาเขียนข่าว และ ลงข่าวในหน้าบันเทิงอย่างนี้ด้วยเจนี่ก็ได้แต่บอกไปนะคะว่าคบเจนี่ก็อย่างนี้แหละ(หัวเราะ)เราเป็นคนของประชาชนมันหนีไม่ได้หรอก”
และที่มีข่าวเดินควงกับสาวหล่อบ่อย ๆ ล่ะตกลงยังไงกันแน่?
“เพื่อนกันค่ะ อีกอย่างเพื่อนเจนี่ก็เผอิญเป็นทอมซะเยอะด้วย เราไปกับเพื่อนแบบบริสุทธิ์ใจ อย่างไปกินข้าว ซื้อของ ก็ไปกันเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อนกันไปด้วยกันไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย ก็เหมือนกับที่ออม มีข่าวว่าไปคบทอมนั่นแหละ ก็เพื่อนกลุ่มเดียวกับเจนี่ค่ะ มันเลยหนีไม่พ้นที่จะมีข่าวกับเพื่อน ๆ กลุ่มนี้ ไม่อย่างนั้นจะให้เจนี่ไปเดินกับใครล่ะคะ”
คบหาดูใจกันมาก็นานแล้วเมื่อไหร่ถึงจะอยากมีชีวิตคู่ มีครอบครัวของตัวเองล่ะ?
“บอกตรงๆนะคะเจนี่กลัวการมีครอบครัวเหมือนกัน เห็นจากคู่รักหลายๆคู่ที่จุดจบก็คือต้องเลิกกัน การแต่งงานไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันว่าคู่รักนั้นๆมีความสุขบางคู่แต่งงานกันไปตั้งนานยังเลิกกันได้เลยเจนี่ว่าตัวเองแฮปปี้และมีความสุขกับชีวิตณตอนนี้มากๆคบไปอย่างนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรเลยจริงๆรู้แค่คบคนๆนี้มีความสุขก็น่าจะพอใจแล้วค่ะ”
พี่บั๊ดเองก็อายุเยอะแล้ว พี่เค้าไม่เร่งรัดขอแต่งงานเลยเหรอ ไม่กลัวจะสายเกินไปรึเปล่า?
“เรื่องอายุไม่ใช่สิ่งสำคัญค่ะเจนี่ไม่ยึดติดกับเรื่องนี้อยู่แล้วแต่งงานมีการจดทะเบียนสมรส มันก็แค่กระดาษใบหนึ่งเท่านั้นสำหรับเจนี่ความสุขไม่ได้วัดกันที่เรื่องนี้เลย คุณค่าของความรักและความผูกพันของเจนี่ว่ามันมีมากกว่าการแต่งงานซะอีกชีวิตเรามีความสุขมากกว่าเอาสิ่งเหล่านี้มาวัดนะ”
อย่างนี้พี่บั๊ดคงต้องรออีกนานเลยสิเนี่ย กว่านางเอกในดวงใจคนนี้จะเปลี่ยนความคิดอยากสละโสดเหมือนคู่อื่น ๆ….
https://www.facebook.com/teeneedotcom