อยู่ไปไร้อนาคต “อีฟ กมชนก” เตรียมบินหย่าสามี

หลังจากที่ยอมหันหลังให้วงการบันเทิงนานถึง 7 ปีเพื่อไปสร้างครอบครัวอยู่ต่างประเทศ  “อีฟ กมลชนก เวโรจน์” (อดีต)ดาราสาวชื่อดัง ล่าสุดเจ้าตัวก็ต้องหอบลูกกลับเมืองไทยเพราะทนกับพฤติกรรมของสามีไม่ไหวจริงๆ  ส่วนที่ผ่านมาเคยออกมาเผยแล้วว่าโอกาสหย่ายัง 50-50 เพราะสามีมาตามงอนง้อขอคืนดีแต่มาวันนนี้มีสาว “อีฟ” ก็ออกมาเปิดใจอีกครั้งในงานเปิดบริษัท สุวิทย์อานนท์ โปรดักชั่น(ไทยแลนด์) จำกัด ที่เจ้าตัวออกมาประกาศว่าได้ตัดสินใจเรื่องสามีได้แล้ว พร้อมให้สัมภาษณ์บรรดาเหล่าสื่อมวลชนดังนี้

ไปทำอะไรอยู่ที่ต่างประเทศ?

“อีฟไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ 7 ปี แต่งงานแล้วมีครอบครัวมีบุตร 2 คน 3 ขวบกับ 1 ขวบ”

กลับมาคราวนี้ต้องปรับตัวยังไงบ้าง?

“ตอนนี้ปรับตัวได้แล้ว มาอยู่ไทยเกือบเดือนแล้วคะ”

กะว่าจะอยู่ที่ประเทศไทยเลยรึป่าว?

“ยังไม่อยู่คะ เดี๋ยวจะกลับไป เพราะต้องกลับไปทำธุระเรื่อง การหย่ากับสามี”

แสดงว่าตอนนี้ก็ยังไม่ได้หย่ากัน?

“ยังคะ ก็ที่กลับมาก็เหมือนกลับมาพักผ่อนไตร่ตรองคิดดูว่ายังไงดี และที่เคยบอกว่าเคยให้โอกาสผู้ชายคนนี้ หมายถึงทางสามีแบบว่าจะเอายังไง ก็คิดว่าตอนนี้น่าจะตัดสินใจได้แล้วคะ”

ไปออกรายการ คนดังนั่งเคลียร์ มาแล้ว พอเขาเห็นข่าวแล้วเขาว่ายังไงบ้าง?

“ไม่ได้มีพูดอะไรกันเรื่องนั้นนะคะ แต่ว่าคือเขาตั้งแต่หนูมาอยู่ไทยหนึ่งเดือน เขาก็โทรมาแค่ 1 ครั้ง แค่นั้นเอง”

ตอนนี้ความสัมพันธ์เหมือนจะดีขึ้นมาบ้างรึเปล่า?

“ไม่น่าจะดีขึ้นแล้วคะ คือเหมือนรู้กันอยู่แล้วเพราะอย่างที่บอกคือก่อนจะกลับมา เราก็ได้แยกทางกับก่อนหน้านั้นประมาณ 6 - 7 เดือนแล้ว คือไม่มีอะไรดีขึ้นอะไรที่เขาเป็นอยู่เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม”

คิดว่ากลับไปนี้จะทำเรื่องหย่าแน่นอน?

“คะ คืออย่างที่เคยพูดไปว่า 1. ไม่มีอนาคต 2. คือเขายังไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นมีลูก 2 คนแล้วอะไรประมาณนี้ แต่ อีฟ ก็ไม่อยากจะพูดอะไรแรงๆถึงเขามาก”

แล้วไม่รู้สึกเสียดายหรอ?

“เสียดายไหม คือมันผ่านไปแล้ว คือเราต้องทำใจเข็มแข็ง และก็ต้องยืนให้ได้”

ลูก 2 คนนี้ต้องอยู่กับเราหรือว่าแบ่งกัน?

“อีฟ เลี้ยงลูกเองคะ ส่วนค่าเลี้ยงดูเขาก็ต้องจำเป็นต้องให้เรา เพราะเราก็มีสิทธ์ดำเนินการกับเขาในทางกฎหมายได้”

ลูกๆ เขารับรู้รึป่าวว่าในอนาคตต่อไปเขาก็จะไม่ได้เจอหน้าพ่อของเขาแล้ว?

“คือลูกคนโตนั้นเขาก็ถามหาตลอดเวลา แต่ว่าเราก็บอกกับเขาไปว่าคุณพ่อทำงาน อะไรประมาณนี้คะ”

คือส่วนตัวอารมณ์ของเราก็คือมีอาการนอยด์ๆรึป่าว?

“คือมันเหนื่อยไงคะ มันอยากมากนะคะที่เราอยู่ต่างประเทศแล้วต้องเลี้ยงลูกคนเดี๋ยว2คนโดยที่ไม่ใครช่วยเลย โชคดีที่มีคุณแม่ อีฟ ไปช่วยตอนที่เรามีปัญหากัน ตอนนั้นลูกคนที่ 2 พึ่งคลอดได้ประมานหนึ่งเดือน ก็เลยต้องโทรเรียกคุณแม่เพราะว่าดูเองเริ่มเลี้ยงไม่ไหวแล้ว เพราะว่าเราก็ต้องทำงานหาเงินเหมือนกัน”

พอกลับมาอยู่ที่ไทยน้องก็ต้องเรียนที่ไทยเลยรึป่าว?

“ถ้าเรื่องโรงเรียน อีฟ แพลนว่าอาจจะเริ่มที่เมืองไทยให้เรียนภาษาที่ไทยก่อน สุดท้ายแล้วพอเข้าอนุบาลก็จะเอาไปเรียนอยู่ที่โน่นคะ ส่วนตัว อีฟ ก็คงจะไปๆมาๆมากกว่า”

หลักๆที่โน่นมีใครช่วยดูให้?

“ก็คือตอนนี้มีญาติอยู่ที่โน่น ซึ่งเขาบอกว่าเขาจะช่วยดูแลให้แต่ว่า ก็ต้องรอให้ทุกอย่างมันลงตัวและก็เหมาะสมซะก่อนเพราะคุณพ่อหรือว่าคุณแม่ก็อาจจะสลับกันไป”

พอเรากลับมาเมืองไทยเราก็เริ่มรับงานมากขึ้นรึป่าว?

“ก็มีบ้างถ้าหากมีผู้ใหญ่ให้โอกาส คือ อีฟ ก็คงจะรับคะ คือเราก็จะทำทุกอย่างเพื่อลูกแล้วตอนนี้”

แล้วเขามีโทรมาง้อบ้างรึป่าว?

“ตอนแรกก่อนกลับมาอาทิตย์นึงมีมาง้อ พอมาก็เหมือนเดิม หายไปไม่เห็นโทรมา”

กลัวไหมว่าถ้าหากปล่อยไว้นานๆแล้วเขาหายไปเลย?

“มันก็เป็นอย่างนี้มาแล้วนะคะ คือจริงแล้วมันก็เหมือนจะกลับมา แล้วก็หายไปใหม่ อะไรประมาณนี้คะ ทุกอย่างมันเหมือนเป็นเรื่องเดิมๆที่เราก็ยังแกปัญหายังไม่ได้ และเขาก็ยังทำตัวแบบเหมือนเดิม”

ถ้าเรากลับไปทำเรื่องหย่า และเขาขอแบ่งลูกเราจะทำยังไง?

“ก็คงจะต้องขึ้นศาลกันหน่อยคะ เพราะว่า อีฟ เป็นคนเลี้ยงลูกมาตลอด  อีฟ อยากดูแลลูกทั้ง2คนเอง เพราะ อีฟ เป็นคนที่ติดลูกมาก”

ตัวคุณพ่อเขาติดลูกรึป่าวๆ?

“ก็ไม่เห็นเขาจะติดนะคะ นี่แหละก็เป็นปัญหากันมาเพราะว่า คือเราก็คิดว่ามีลูก 2 คนเขาจะเลี้ยงไหมจะดูแลไหม ปรากฏว่าพอเราอยู่ลูกไปเลี้ยงเขาก็โอเค ตอนแยกกัน 4 เดือน เขาก็มาเจอกับลูกแค่ 2 ครั้งซึ่งเราก็ดูจากตรงนี้มากกว่า เพราะคนเราบ้างคนไม่เอาแม่ แต่ก็ต้องเอาลูก ประมาณนี้ แต่นี่แบบว่าไม่ ไม่สนใจเลย”

รู้สึกน้อยใจโชคชะตาตัวเองบ้างรึป่าว?

“ไม่ได้เสียใจนะ เพราะว่าเราเป็นคนเลือกทางดินชีวิตของเราเอง มันโอเคมันผ่านไปแล้ว ก็แค่ต้องอดทนยืดอกยอมรับมัน เพราะว่าตอนนี้เราก็มีลูก 2 คนแล้ว มันก็ต้องสู้ต่อไป”

ความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“เข้มแข็งขึ้นนิดนึ่งแต่ว่า พอเรานึกถึงแบบว่าลูกเราต้องไม่มีพ่อแล้ว ก็รู้สึกแอบเศร้าหน่อยนึ่งก็อย่างที่บอกว่าเราเจ็บไม่ได้ ตายไม่ได้ป่วยไม่ได้ เพราะว่าเรานั้นก็ยังต้องมีลูกอีก 2 คนที่เราต้องรับผิดชอบ”

แล้วอยู่ที่โน่นทำงานอะไร?

“อีฟ เป็นฟู้ดเมเนเจอร์ เหมือนทำงานราชการบ้านเราประมาณนี้คะ ที่แฟแฟ็กเค้าตี้ และก็เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วย คือทำ 2 จ็อบ ทำงานประมาณ 7 โมงเลิกบ่าย 3 โมงกลับมาหาลูกชั่วโมงนึงแล้วก็ไปทำงานต่อ ก็ถือว่าคอนข้างที่จะหนักมาแต่ก็ถือว่ามันมีความสุขกันคนละแบบ คือไม่ได้หมายความว่าคนทำงานด้านนี้อยู่จุดนี้ชีวิตจะต้องแฮปปี้ เพอเฟ็คทุกคนอะไรอย่างนี้คะ มันก็มความสุขคนละแบบกัน”