“กอล์ฟ”ชี้แจงกรณี “มาโกโตะ” หนัง “ฟินสุโค่ย”

กลายเป็นกระแสดราม่าข้ามชาติเลยทีเดียวสำหรับการโพสต์ทวิตเตอร์ข้อความทวงเงินค่าจ้างเล่นภาพยนต์ร่วมทุน 2 ชาติไทย-ญี่ปุ่นอย่าง "ฟิน..สุโค่ย" โดยมีผู้กำกับชื่อดังอย่าง "กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์"รับหน้าที่เป็นผู้กำกับและดูแลโปรดักชั่นการผลิต โดยหลังจากการโพสต์ข้อความดังกล่าวของนักร้องเจร็อคชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง "มาโกโตะ โคชินากะ" เลยทำให้มีการขุดคุ้ยรายจ่ายและรายได้ของภาพยนต์เรื่องดังกล่าวและก็ต่างมีนักแสดงไทยที่ร่วมเล่นออกมายอมรับว่ายังไม่ได้เงินค่าตัวตามสัญญาที่ตกลงไว้ แต่คนที่เจ็บหนักสุดคงเป็นผู้กำกับคนดังด้วยเหตุว่าคนเข้าใจผิดว่าผู้กำกับคนดังเป็นผู้ร่วมโกงเงินค่าตัวนักแสดงด้วย แถมยังทำให้ภาพลักษณ์วงการหนังไทยเสียหายหรืออาจกระทบถึงความสัมพันธ์ของคนสองชาติและเรื่องต่างๆอีกมากมาย ล่าสุดผู้กำกับดังได้มาร่วมเปิดใจในรายการ "แฉแต่เช้า"ที่ออกอากาศทางช่อง GMM25 มาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าคืออะไร เราไปฟังกันเลยจ้า

ให้พี่กอล์ฟเล่าที่มาที่ไปของภาพยนตร์เรื่องนี้?
"ที่มาที่ไปก็คือทางผู้สร้างเค้ามีโปรเจคนี้อยู่แล้วนะค่ะ นักแสดงมี มาโคโตะ มีสายป่านอยู่แล้ว ก็หาผู้กำกับ แล้วเค้าก็เลยมาติดต่อ กอล์ฟ แล้ว กอล์ฟ เห็นว่านักแสดงมี มาโคโตะ มีสายป่าน มีน้องติ๊นา มีน้องกาย เลยมองว่ามันก็น่าเชื่อถือ กอล์ฟ ก็รู้สึกว่าอยากร่วมงานด้วยก็เขียนบทเองแล้วก็กำกับเรื่องนี้

พอจะเปิดเผยชื่อบริษัทได้ไหม?
"บริษัทที่ติดต่อมาคือบริษัทฟินโปรเจค ตอนนั้นเค้าบอกว่าเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทฟินโปรเจคกับเคโปรเจคของญี่ปุ่นอ่ะค่ะ"

แล้วหลังจากนั้นการดำเนินงานเป็นอย่างไรบ้าง ระหว่างถ่ายทำ?
"คือระหว่างการถ่ายทำก็มีปัญหาเรื่องเงินติดๆขัดๆเป็นระยะๆ ระหว่างถ่ายอยู่ก็มีช่วงเงินไม่มาก็ต้องพักกอง พักกองเสร็จเงินมาก็ถ่ายใหม่อะไรอย่างนี้ค่ะ มันก็มีเรื่อยๆแต่เราก็อยากให้งานออกมาดี แต่เราก็พยายามถ่ายจนจบ"

นักแสดงในเรื่องมีเข้ามาคุยเรื่องเงิน?
"คือระหว่างการถ่ายทำอยู่ไม่มีใครมาคุยเรื่องค่าตัว เรื่องเงินนะค่ะ เพราะว่าเรารู้สึกว่าตอนนั้นเนี่ยกอล์ฟกับบริษัทกอล์ฟเนี่ยมารับผิดชอบเรื่องโปรดักชั่น ส่วนเรื่องนักแสดงต่างๆเนี่ยทางบริษัทฟินโปรเจคเค้าดิวเอง เค้าติดต่อเองทั้งหมด แล้วก็เรื่องค่าตัวเนี่ยกอล์ฟไม่รู้เรื่องเลยว่าแต่ละคนได้เท่าไร เพราะฉะนั้นเนี่ยทางบริษัทเค้าจัดการเรื่องสัญญาของแต่ละคนเองหมด เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ได้มาคุยกันเรื่องเงินว่าเงินได้รึยัง เงินได้เท่าไหร่ เพราะก็รู้สึกว่ามันป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนแล้วอ่ะค่ะ"

 

ก่อนหน้านี้มีสงสัยมาก่อนไหมค่ะว่าเกิดปัญหามาตลอดการถ่ายทำ?
"ถามว่าสงสัยไหม ก็สงสัยนะค่ะ รู้สึกว่าเออทำไมแบบว่าโปรเจคก็ใหญ่ขนาดนี้ทำไมถ่ายๆอยู่ก็แบบไม่มีเงินออกกองแล้ว เราก็งงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็เริ่มสงสัยก็ถามเค้า เค้าก็บอกว่าไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา เดี๋ยวพักกองก่อน เดี๋ยวเงินจากญี่ปุ่นมาก็ถ่ายต่อ เราก็เชื่อค่ะตอนนั้น"

จากที่เสร็จสิ้นทุกอย่างจนถึงวันนี้รวมระยะเวลากี่เดือนที่ยังไม่ได้เงิน?
"คือเริ่มเปิดกล้องตั้งแต่ปี 56 แล้วก็ฉายเมื่อกันยายนปีที่แล้ว ปีนี้ก็ 58 แล้วก็ยาว"

คือส่วนตัวพี่กอล์ฟเนี่ย ยังไม่ได้เงินค่าจ้างอะไรทั้งสิ้นเลยสักบาทเดียว?
"คือจริงๆแล้วเนี่ย เอ่อ บริษัทกอล์ฟเนี่ยรับจ้างผลิต เพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็จะมีค่าตัวทีมงาน ค่าตัวกอล์ฟ ค่าช่าง ค่าไฟ ค่าอะไรต่างๆ ซึ่งเงินที่เค้าให้มาเราก็เอาไปออกกองถ่ายจนหมด แล้วตอนนี้เค้าก็ยังค้างกอล์ฟอยู่ประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งก็ค่าตัวกอล์ฟเองด้วย ค่าตัวทีมงานด้วย ค่ากล้อง ค่าไฟ ก็ยังค้างเค้าอยู่ค่ะ"

แสดงว่าโปรดักชั่น การถ่ายทำเป็นของทีมพี่กอล์ฟหามาเอง?
"ใช่ค่ะ เป็นบริษัทพี่ โปรดักชั่นที่สร้างหนังเรื่องนี้เป็นบริษัทพี่เอง แอมไฟล์โปรดักชั่น"

เรื่องแรกที่เค้าแจงทางพี่กอล์ฟมา เค้าให้ใช้กี่ล้าน?
"จริงๆที่ทำสัญญากันก็ประมาณ 9 ล้านอ่ะค่ะ"

โปรเจคของหนังเรื่องนี้ใช่ไหมค่ะ?
"ไม่ใช่ค่ะ เฉพาะค่าโปรดักชั่น เพราะว่าค่าดาราต่างหาก ค่าโพสต์ต่างหาก ค่าอะไรสารพัดก็ต่างหากค่ะ รวมๆแล้วก็ 10 กว่าล้านนะค่ะ กอล์ฟว่า"

หลังจากที่หนังเข้าฉายพี่กอล์ฟได้ติดตามไหมว่า รายได้ของหนังได้เท่าไหร่?
"ก็รายได้ที่เข้าโรงฉายก็ประมาณห้าล้านเก้าแสน ประมาณเนี่ย ประมาณห้าล้านเก้าห้าหมื่น"

หลังจากนั้นมารู้ตัวตอนไหนว่าสงสัยเงินจะไม่ได้แล้วแน่นอน?
"ได้สิค่ะ(หัวเราะ) ก็ยังหวังว่าจะได้เงินอยู่นะ เพราะว่าทุกวันนี้ก็คุยกับเค้าอยู่อ่ะค่ะ เค้าก็ไม่ได้หนีหายไปไหนเราก็ยังคุยกับเค้าอยู่ คือจริงๆแล้วอ่ะนายทุนเรื่องเนี่ยที่มาคุยกับเรามี 3 คน เป็นผู้หญิง 3คน แต่ระหว่างการถ่ายทำก็มีการ เอ่อเค้าเรียกว่าเป็นการฟ้องร้องกัน เพราะว่าโกงเงินกันอะไรยังเงี่ย ตอนเนี่ยก็เหลือนายทุนอยู่ 2 คนที่ยังคุยกับกอล์ฟอยู่ กับอีกคนหนึ่งเนี่ยที่เหมือนกับโดนฟ้องเพราะว่าโกงเงินกัน ในบริษัทกันเองอ่ะค่ะ"

เค้าว่ายังไงบ้างค่ะในขณะที่เค้าคุยกับพี่กอล์ฟ?
"คือเรื่องที่เค้าฟ้องร้องกันเองเนี่ย พี่ก็รู้เป็นพยานด้วยเพราะว่าหนึ่งในนายทุนอ่ะค่ะเค้าเอาชื่อพี่ไปอ้างว่า เอ่อ ตอนยกกองเนี่ยพี่กอล์ฟเสียหาย พี่กอล์ฟก็เลยเรียกร้องค่าเสียหายค่ายกกอง 5 แสนบาท แล้วเค้าก็เอาชื่อเราเนี่ยไปอ้างกับนายทุนอีกสองคน แล้วก็เหมือนกับเอาเงินก้อนนั้นไป ซึ่งเราไม่รู้เรื่องเลย รู้เรื่องอีกตอนปิดกองแล้ว ซึ่งนายทุกอีกสองคนก็โทรมาถามว่า พี่กอล์ฟเงินก้อนนี้พี่กอล์ฟเบิกไปใช่ไหมค่ะ เราบอกไม่เคยค่ะ ไม่เคยเรียกร้องค่ายกกองเลย แต่ว่าเรื่องก็เลยแดง แดงปับเค้าก็เลยฟ้องร้องกันเองอ่ะค่ะ"

อย่างส่วนของนักแสดงต่างชาติ มาโคโตะ ที่เค้าเรียกร้อง หรือโพสต์ข้อความทวงเงิน พี่กอล์ฟได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของโปรเจคไหม?
"ก็หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ทวิตว่าทวงเงินว่าให้จ่ายค่าตัวเค้าได้แล้ว เอ่อ ก็คุยกันทางไลน์อ่ะนะค่ะว่ามันเกิดอันนี้ขึ้น เค้ารู้แล้ว แล้วเราก็บอกว่าสื่อโทรมาเยอะมากขอให้สัมภาษณ์ตามความจริงละกันนะ เพราะว่าคือก่อนหน้าเนี่ยเรารู้เรื่องนี้มาตลอดแต่เราก็เก็บเอาไว้เก่อน เราก็คิดว่าไม่ได้ให้มันเป็นข่าวอะไร เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราก็ยังคุยกันได้เรื่อยๆ เราไม่ได้หนีหายกันไปไหน แต่ว่าพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเนี่ย เราก็ยังไม่ได้คุยกับเค้าโดยตรงว่า คือเค้าเห็นแล้วว่า มาโคโตะ ทวิตอันนี้มา แล้วก็เห็นแล้วว่าเป็นข่าวแต่เราก็ยังไม่ได้คุยดีเทลว่าจะทำยังไง แต่ล่าสุดที่คุยกับเค้าเมื่อวานเค้าก็บอกว่าตอนนี้เค้าปรึกษาทนายอยู่ ก็อีกไม่นานภายในอาทิตย์นี้อ่ะค่ะเค้าก็จะแถลงข่าวเค้าเหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร"

ล่าสุดที่คุยกัน เค้าก็ยังยืนยันว่าเค้าก็จะรับผิดชอบอยู่?
"ใช่ค่ะ ก็คือล่าสุดคุยกันมาตลอดว่าเค้าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอยู่แล้วแต่อาจจะนานหน่อย ซึ่งเราก็โอเคเพราะว่านานหน่อยก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเราฟ้องร้องเค้าหรือเอาตำรวจไปจับ หรือติดคุกอะไรขึ้นมาเค้าก็ไม่มีโอกาสหาเงินมาใช้เราอ่ะ เพราะฉะนั้นเราคิดว่าก็ให้โอกาสกันดีกว่า ให้โอกาสในการทำมาหากินกันแล้วค่อยๆทยอยใช้เราก็โอเคอ่ะ"

เค้ามีบอกช่วงเวลาไหมค่ะว่าระยะเวลานานเท่าไหร่ที่จะให้เรา?
"เรื่องระยะเวลาก็คุยกันเกริ่นๆอ่ะนะค่ะว่าโอเค เค้าบอกว่าให้รอเพราะว่าเดี๋ยวหนังเข้าแล้วน่าจะมีเงินเข้าปรากฏว่าหนังก็ทำรายได้ไม่ดี เงินก็ไม่ได้เข้ามาตามเป้าเค้า แล้วก็ตอนนี้เค้าก็บอกให้รอว่าเค้าขายตลาดต่างประเทศได้ไหม ขายลิขสิทธิ์ดีวีดีได้ไหม ถ้าได้เท่าไหร่จะทยอยให้ คือยังไม่ได้มีกำหนดวันเวลาอ่ะค่ะ แต่ก็กำหนดว่าถ้าเค้าขายอะไรได้ก็ค่อยๆทยอยใช้มา"

 

แต่เหมือนตอนนี้หลายๆคนก็เข้าใจผิดกัน เหมือนว่าชื่อพี่กอล์ฟกลายเป็นคนที่ไปโกงนักแสดงคนอื่นๆ?
"คือจริงๆข่าวออกเราก็ไม่ได้สนใจ เราก็ตายละ มาโคโตะ ทวิตมาแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่เสียหายและรุนแรงพอสมควร แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบตรงนั้น แต่พอเราเข้าไปอ่านข่าวอ่ะค่ะปรากฏว่าก็จะมีคนอ่านข่าวหลายคนมากที่มาคอมเม้นกันว่า เฮ้ยเป็นอดีตนายกสมาคมผู้กำกับทำไมทำอย่างนี้ เสื่อมเสีย ปรากฏว่าด่ามาที่ตัวเราหมดเลยเรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ เราก็เลยก็ออกมาบอกว่าไม่ใช่เรานะค่ะที่เป็นคนโกง หรือไม่ใช่เราที่เป็นคนที่ไม่จ่ายค่าตัวนักแสดง แต่เป็นทางนายทุนที่เค้ายังไม่จ่ายหรือจ่ายยังไม่ครบนะค่ะ เพราะฉะนั้นมันไม่ได้เป็นส่วนหรือหน้าที่รับผิดชอบของกอล์ฟ อยากจะออกมาบอกตรงนี้ด้วยว่า กรุณาเข้าใจตรงนี้ให้ตรงกันว่ากอล์ฟไม่ได้เป็นคนโกงเพราะว่าไม่อย่างงั้นอ่ะ คือกอล์ฟทำงานในวงการคนที่จะมาทำงานกับเราถ้าเค้าเข้าใจผิดไปด้วยว่าเราเป็นคนที่โกงหรือไม่จ่ายค่าตัวนักแสดงเราก็เสียหาย เพราะฉะนั้นก็เลยอยากออกมาเคลียร์ตรงนี้ให้คนในสังคมเข้าใจว่ากอล์ฟไม่ได้เป็นคนโกงค่ะ"

มีโอกาสได้คุยกับนักแสดงคนอื่นๆบ้างไหมค่ะ?
"ก็ได้คุยกับนักแสดงเรื่อยๆนะค่ะ ล่าสุดก็คุยกับสายป่าน สายป่านน้องก็ยังได้ไม่ครบค่ะ"

บางคนได้ไปบ้างส่วนไม่ใช่ไม่ได้เลยใช่ไหม?
"อันนี้ไม่แน่ใจนะค่ะ แต่คิดว่าทุกคนได้ไปบางส่วนแต่ยังไม่ครบตามจำนวนที่สัญญา"

แต่ก็มีนักแสดงที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ยังไม่ได้เลยก็มีอย่างน้องภีม?
"อ่อ ได้ค่ะได้ น้องภีมได้ น้องภีมก็ได้ไปบ้าง"

พี่กอล์ฟรู้สึกยังไงวงการหนังไทยกระแสโจมตีจากคนรอบข้างหมดเลย?
"คือ จะบอกว่าวงการภาพยนตร์ไทย คือจะบอกว่าไม่กระทบก็ไม่ได้ กระทบไหมก็กระทบวงการภาพยนตร์ไทยแน่ๆเพราะว่านักแสดงต่างชาตินะค่ะที่มาร่วมงานกับเมืองไทย ก็ทวิตทวงเงินข้ามประเทศมาแบบนี้มันรู้สึกว่ามันก็ดูเสียหายกับวงการพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนะค่ะกอล์ฟคิดว่าคนในวงการเองนะค่ะหรือว่าดาราศิลปินเมืองนอกที่จะเข้ามาทำงานในเมืองไทยเค้าก็ต้องมีการตรวจสอบบริษัทที่จะร่วมงานด้วยอยู่แล้วนะค่ะว่าบริษัทนั้นมีความน่าเชื่อถือขนาดไหน มีความมั่นคงขนาดไหนแล้วเค้าถึงจะตัดสินใจมาร่วมงานได้ ซึ่งตรงนั้นมันก็มีข้อสัญญาผูกมัดชัดเจน ก็เลยคิดว่าตรงเนี่ยมันก็น่าจะป็นข่าวที่เสียหายแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้กระทบไปทั้งวงการ ก็กระทบบริษัทเนี่ยบริษัทฟินโปรเจคเอง ความน่าเชื่อถือก็จะไม่มีในการทำงาน"

ต่อไปมีการติดต่อนักแสดงต่างชาติมาร่วมงานในวงการเมืองไทย จะกลายเป็นปัญหามากขึ้นไหมพี่กอล์ฟ เหมือนต้องมีการตรวจสอบเยอะขึ้นอะไรอย่างเนี่ย?
"จริงๆคิดว่านะค่ะทุกครั้งที่มีศิลปินมาร่วมงานกับคนไทยเนี่ย เค้าตรวจสอบแน่นอนอยู่แล้ว เค้าก็ตรวจสอบละเอียดอยู่แล้วด้วย เพราะฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ยากที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้ามีการตรวจสอบกันแน่ใจอ่ะนะค่ะ เพราะอย่างเรื่องเนี่ยตัวกอล์ฟเอง กอล์ฟก็ค่อนข้างมั่นใจเพราะว่าเราก็เป็นคนที่ตรวจสอบละเอียดอยู่แล้วด้วย เพราะอย่างเราเห็นว่าบริษัทนี้มีมาโคโตะมาเล่นเค้าสนิทกับมาโคโตะ สามารถชักชวนมาโกโตะมาเล่นได้ ยังมี สายป่าน ยังมีน้องกาย นวพล มีน้องติ๊น่าอะไรเงี้ย เราก็มองว่าบริษัทน่าเชื่อถือพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเนี่ยเราก็เรียกว่า ดวงดีกว่า ดวงซวยอ่ะค่ะ"

กังวลไหมว่าปัญหาจะรุกรามระดับประเทศ?
"ไม่นะค่ะกอล์ฟคิดว่ามันเป็นข่าวเสียหายไหมก็เสียหายแน่นอน กระทบไหมก็คงด้านความน่าเชื่อถือแต่การจะเข้ามาทำงานในเมืองไทยอ่ะมันก็ต้องตรวจสอบ ก็กรณีนี้ก็อาจจะเป็นบทเรียนเป็นตัวอย่างให้ศิลปินเมืองนอกอาจจะต้องตรวจสอบกันมากขึ้นกว่าเดิม จะทำอะไรก็ละเอียดรอบคอบมากกว่าเดิมแล้วกันค่ะ"

ลึกๆแล้วกลัวไหมค่ะว่า มาโกโตะ จะไม่อยากร่วมงานกับคนไทยแล้ว?
"ไม่นะค่ะ เพราะปกติก็เห็นมาโกโตะรักเมืองไทยดี รักคนไทยดีแล้วก็ถ้ามีงานในเมืองไทยเค้าก็คงอยากทำแหละค่ะ แต่เค้าอาจจะต้องตรวจสอบอะไรให้มากกว่าเดิมอย่าเพิ่งเชื่อใจคนร่วมงานง่ายๆ"

มีปรึกษาผู้ใหญ่ท่านไหนบ้างไหม?
"ยังค่ะก็ยังไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ที่ไหน เพราะว่าเราก็ยังคุยกับนายทุนอยู่ เค้าไม่ได้หนีไปไหน"

เจอแบบนี้ท้อไหม มีผลกับโปรเจคอื่นๆของเราไหม?
"ไม่ท้ออ่ะค่ะ คือกอล์ฟก็เข้าใจนายทุนนะค่ะว่าหนึ่งเค้าเป็นนายทุนใหม่ สองเค้ายังไม่เคยมีประสบการณ์ทำหนังแล้วเค้ายังมีโกงกันเองอีก มันก็มีเหตุผลที่เค้าจ่ายเงินล่าช้าหรือหาเงินมาจ่ายไม่ได้เพราะหนังเรื่องหนึ่งมันก็ลงทุนไม่ใช่น้อยๆ ลงทุนหลายสิบล้าน เราก็เข้าใจสถานการณ์ของนายทุนเค้าอ่ะค่ะว่า ไม่มีเงินก็คือไม่มีเงินอ่ะ เราจะไปรีดเลือดจากเค้าก็คงยากสู้เราให้เค้าทำงานแล้วทยอย