การเรียนของคนในวงการบันเทิงนั้น มักถูกจับตามองและถูกตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า “เรียนจริงหรือเปล่า” หรือว่า “ได้รับอภิสิทธิ์หรือเปล่า” และอาชีพเต้นกินรำกินอย่างนี้จะเรียนได้สูงสักแค่ไหนกัน วันนี้วงการบันเทิงมี “ดอกเตอร์ป้ายแดง” ให้ชื่นชมถึง 2 คน ถือว่าเป็นเกียรติแก่วงการมาก ๆ คนแรกคือปรมาจารย์ด้านตลก เป็ด เชิญยิ้ม ที่คว้าปริญญาเอก จาก ม.เกษตรศาสตร์ และอดีตนางสาวไทย บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ดร. หมาด ๆ จาก ม.รังสิต กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“เป็ด” ตลกดอกเตอร์ต้านคำดูถูก
ตลกชั้นครู เป็ด เชิญยิ้ม จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ปริญญาโท บริหารธุรกิจ การจัดการองค์กร จาก ม.ศรีปทุม และปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ การจัดการกีฬา ม.เกษตร ศาสตร์ ซึ่งสาเหตุที่ตัดสินใจเรียนจนจบปริญญาเอกนั้น มีอยู่ 3 ประเด็นด้วยกัน คือ 1. อาชีพตลกนั้นเป็นอาชีพที่คนมักดูถูกชิงชัง เหมือนเป็นปมด้อยของวงการจึงต้องเรียนสูง ๆ เพื่อไม่ให้คนมาดูถูก 2. ลูก ๆ นั้นเกเร ไม่ยอมเรียนหนังสือ ดร.เป็ดจึงต้องเรียนเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น จึงเกิดการแข่งขันเรื่องการเรียนภายในครอบครัว ผลจากการแข่งกันเรียนระหว่างพ่อลูกนั้น เลยทำให้ลูกคนโตจบปริญญาเอก และลูกคนที่สองจบปริญญาโท 3. การเป็นตลกแล้วจบดอกเตอร์ได้นั้นมันสง่างาม ทำให้คนดูถูกไม่ได้ และการได้เป็นตลกปริญญาเอกคนแรก ๆ ของประเทศนั้นมันภาคภูมิใจ ยิ่งในวงการตลกระดับโลกนั้น ก็มีจบดอกเตอร์กันเพียงไม่กี่คน
ดร.เป็ดใช้เวลาเรียนปริญญาเอกนาน 5 ปี 11 เดือน 18 วัน ที่นับวันกันได้อย่างละเอียดขนาดนี้ เพราะการเรียนสำหรับคนอายุ 61 นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาว แต่ต้องใช้ความพยายามในการเรียนรู้แข่งกับอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความยากของการเรียนนั้น ดร.เป็ดบอกว่า “อยากจะออกวันละร้อยหน แต่เราท้อไม่ได้ เลิกไม่ได้ ถ้าเลิกแล้วลูกจะมองเรายังไง เราต้องเป็นตัวอย่างให้ลูก”
ตอนเรียนต้องแบ่งเวลาใช้วิชาการบริหารจัดการเข้ามาช่วย โดยเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เช้าจดเย็น ใช้เวลาเรียนคอร์สเวิร์กปีครึ่ง เข้าไปนั่งเรียนให้มากที่สุดเท่าที่เวลามี เพราะการไปเรียนในแต่ละครั้งได้ประโยชน์มาก ๆ ที่เหลือก็คือการทำธีสิสกับสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญมาก เพราะสอบภาษาอังกฤษตกถึง 7 ครั้ง แต่ก็เพียรพยายามไปหาที่ติวเพิ่ม เริ่มแรกไปสมัครเรียนตามโรงเรียนสอนภาษาก่อน แต่พอไปถึงก็รู้สึกอายเด็ก ๆ จึงตัดสินใจจ้างครูมาสอนที่บ้าน แต่ก็ยังตกอีก จนไปลงคอร์สเรียนที่มหาวิทยาลัยเปิดสอนและไปสอบจึงผ่าน
“ตอนที่สอบปากเปล่าผ่าน รู้ว่าจบปุ๊บ ทุกอย่างมันขนลุกขนพอง ไม่อยากเชื่อตัวเอง มีคำถามร้อยแปดเกิดขึ้นในใจ มันตื้นตัน เวลาที่คนเรียกว่า ดร.เป็ด มันภูมิใจมาก สิ่งที่เราศึกษามา คนให้ค่าเราอย่างสมภาคภูมิ ถ้าเราเรียนไม่สำเร็จ ลูกก็จะหมดสิ้นความน่าเชื่อถือ และยิ่งการเรียนจบจาก ม.เกษตรฯ ตามความรู้สึกของเรามันยิ่งใหญ่มาก เพราะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งเราไม่คิดว่าจะได้เรียน เราทำให้สังคมเห็นว่าเราไม่มีอภิสิทธิ์ เราเรียนด้วยตัวเองจริง ๆ”
หลังจากนี้ ดร.เป็ด จะก้าวสู่อีกบทบาทหนึ่งนั่นคือการไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนที่ ม.ศรีปทุม เป็นวิชาที่ผนวกกีฬากับบันเทิงเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่ง ดร.เป็ด ยังกล่าวแบบไม่ทิ้งลายตลก เพื่อให้กำลังใจคนที่กำลังเรียนอยู่ว่า “อย่าไปท้อ เพราะท้อมีไว้ให้ลิงถือ อย่าไปคิดว่าไม่ไหว ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่อ้างเอง อย่าไปเบื่อ อย่าไปกลัว ต้องตั้งสติให้ดีจากนั้นจะไม่มีคำว่า ทำไม่ได้”
“บุ๋ม” โต้คำครหาดาราใช้เส้นเรียน
สานความฝันของแม่ด้วยการเป็นนางสาวไทยแล้ว บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ก็ต้องการสานฝันพ่อที่อยากให้เป็นดอกเตอร์ จึงมุ่งมั่นเรียนต่อปริญญาเอกในคณะบริหารธุรกิจ จาก ม.รังสิต ด้านเซเลบริตี้ มาร์เก็ตติ้ง เกี่ยวกับการสร้างภาพลักษณ์คนดัง ซึ่งใช้เวลาเรียนนานถึง 7 ปี โดยก่อนหน้านี้จบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ จาก ม.อัสสัมชัญ และปริญญาโทจากออสเตรเลีย และยังทำหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหา วิทยาลัยด้วย
“การเรียนจบดอกเตอร์ เป็นความพยายามอย่างหนักกับการที่ทำอะไรเยอะมากในวงการบันเทิง ไหนจะงานธุรกิจ เรื่องส่วนตัว แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเกิดจากความพยายามอย่างเต็มที่ของเรา วิทยานิพนธ์มันไม่สามารถไปโกหกใครได้ เพราะคณะกรรมการโหดมาก เป็นคณบดีจากหลายที่เลย เหมือนที่นี่เขาพยายามจะดันคำครหาว่าเป็นดาราแล้วมีเส้น เขาเห็นหน้าเราแล้วบอกว่าคุณบุ๋ม คุณต้องจบอย่างมีคุณภาพให้ได้ ซึ่งวันที่คณะกรรมการประกาศว่าคุณปนัดดาคุณผ่านค่ะ น้ำตามันไหลเลย เพราะ 7 ปีกับความพยายามมันเป็นอะไรที่ยากและหินสุด ๆ ค่ะ”
การเป็นดาราแล้วโดนวิพากษ์วิจารณ์ จึงเป็นเหมือนแรงผลักให้มีความตั้งใจในชีวิตสูง และในฐานะคนของประชาชนก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย การเรียนของ ดร.บุ๋มจึงต้องมีความอดทน มุ่งมั่นและมีวินัย การที่จบมาได้ถือเป็นเกียรติอย่างสูง เป็นความภูมิใจ ที่ผ่านมาถึงแม้จะโดนข่าวลบ แต่บุ๋มเองก็ยังเชื่อว่าการที่เราทำตัวเป็นคนดี มันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้
คนที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจในการเรียนของบุ๋มคือ คุณพ่อ โดยบุ๋มกล่าวถึงคุณพ่อว่า คุณพ่อเป็นคนที่เรียนเก่งมาก เรามาจากครอบครัวที่ยากจน คุณพ่อมาจากสลัมเลยนะ แม่บุ๋มจบแค่ ป.4 บุ๋มเองก็แค่อยู่แฟลต แต่ทุกวันนี้ที่มีทุกสิ่งทุกอย่างได้ก็เพราะการศึกษาที่คุณพ่อคุณแม่ให้ การศึกษาเป็นจุดเปลี่ยนและเป็นโอกาสดีของชีวิต จุดนี้เองจึงทำให้บุ๋มต้องเป็นตัวอย่างให้กับลูกในเรื่องของการเรียนด้วย
“บุ๋มก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อยากจะตั้งใจเรียน เพราะตั้งใจเรียนและคิดอย่างเดียวไม่พอต้องลงมือทำค่ะ แล้วก็ต้องพยายามจัดเวลาตัวเองให้ได้ 24 ชม.ท่องไว้ว่าทุกคนไม่ว่าจะรวยหรือจน จะเด่นหรือด้อยทุกคนมี 24 ชม.เท่ากันหมด จงใช้ทุกวินาทีให้มีค่าที่สุด และคุณก็จะทำอะไรได้มากกว่าคนอื่นค่ะ”
คงไม่มีอะไรจะกล่าวได้ดีไปกว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ทั้ง ดร.เป็ด และ ดร.บุ๋ม ถือเป็นตัวอย่างของคนบันเทิงที่น่าชื่นชมจริง ๆ.
https://www.facebook.com/teeneedotcom