“ฟิล์ม” โดนแอบอ้างมีอะไรกับสาวประเภทสอง!!!
ทำหน้าที่เป็นรองประธานเป็นอย่างไรบ้าง?
“ครับผม ก็มาร่วมนะครับเป็นสักขีพยานในการเซ็นต์สัญญาระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่นะครับเพื่อสนุบสนุนทีมฟุตบอลของเราแบงค์คอกยูไนเต็ตครับ”
ฟิล์ม ทำในส่วนไหนบ้าง?
“ของผมก็อยู่ในส่วนของทางพีอาร์แหละครับ”
ต้องลงสนามเตะบอลแบบกระชับมิตรอะไรอย่างนี้มีไหม?
“อ๋อ ในส่วนนั้นผมก็อยากเล่นอยู่แล้วครับเหมือนเป็นการออกกำลังกายอย่างนี้ครับ”
สำหรับฟุตบอลเราชื่นชอบขนาดไหนอย่างไรบ้าง?
“ก็ชอบมาตลอดนะครับเวลามีกิจกรรมที่เกี่ยวกับฟุตบอลดาราไปเตะกระชับมิตรกับใครอะไรอย่างนี้ เวลาผมได้รับโอกาสนั้นก็ไม่เคยปฏิเสธเพราะกีฬาก็สนับสนุนให้เด็กๆเอาไปเป็นแบบอย่างอยู่แล้วนะครับ”
ในเรื่องของฟุตบอลให้ประโยชน์อะไรเราบ้าง?
“ให้ประโยชน์ได้เยอะนะครับอย่างน้อยคือความสามัคคีแล้วก็ให้กำลังครับทำให้ทุกคนแข็งแรงมากยิ่งขึ้นครับ”
เห็นว่าโดนเอาชื่อไปแอบอ้าง?
“อ๋อใช่ครับ พี่บุ๋มเค้าโทรมาแล้วโทรมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังผมก็แบบว่าตกใจครับ ในส่วนตัวเนี่ยผมก็ไม่ได้รู้จักกับพี่สาวประเภทสองคนนั้นนะครับ มีครั้งนึงเนี่ยเค้าก็โทรมาหาผมก็บอกว่าจากกระทรวงของมะเร็งเป็นองค์กรเกี่ยวกับเรื่องของมะเร็งอะไรอย่างนี้ครับ เค้าบอกว่าอยากให้ผมเขียนบทหนังชื่อเรื่องว่าเลิฟขึ้นมา ผมก็บอกว่าโอเคผมก็รับเขียนบทหนังอยู่แล้ว แบบเป็นมือปืนรับจ้างเขียนบทหนังอยู่แล้ว เค้าก็มาที่ออฟฟิต ฟิล์ม มาติดต่อมาพูดคุยสักพักนึง แล้วก็ทีมงานก็มองว่าเอ๊ะความเป็นไปได้มันค่อนข้างยากก็เลยได้บอกปฏิเสธเค้าไปเพราะว่าทางบริษัทเราเนี่ยไม่น่าจะเขียนเป็นแนวนี้ได้เพราะว่าเค้ามีเงื่อนไขเยอะมากในการที่ตัวแสดงต้องเป็นเค้า แล้วก็มันมีอะไรเยอะทำให้บริษัทผมเนี่ยมันเหมือนโดนปิดกั้นทางความคิดเยอะไปหน่อยเราก็เลยปฏิเสธงานนั้นไป ก็แค่นั้นเอง แล้วก็ผ่านมาได้เกือบสองเดือนก็มีรูปผมกับเค้าเกิดขึ้นบอกว่าเค้ามีอะไรกับผมผมก็เลยบอกว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ในเรื่องการถ่ายโลเคชั่นมันก็เป็นบริษัทผมและมีพนักงานผมอยู่เยอะมาก ก็แค่นั้นเองเรื่องทั้งหมดก็มีเท่านั้น แต่ พี่บุ๋ม ก็โทรมาบอกกับ ฟิล์ม ว่าเดี๋ยวเค้าจะรวมตัวกันนะคนที่เสียหายเนี่ย ในหน้าที่ของผมๆไม่ได้เสียหายนะครับเลยไม่ได้กระทบอะไรมากเสียหายแค่คำพูดของคนเฉยๆ ในเรื่องที่ผมไปเล่นด้วยไหม ไปถ่ายโปสเตอร์หรือเปล่าหรือว่าเอาชื่อผมไปชักชวนใครมาบริจาคเงินหรือเปล่าไม่น่ามีครับ”
ได้ไปติดต่อทางนั้นเค้าไหม?
“ในหน้าที่ของผมไม่น่าถึงขั้นนั้นครับไม่ร้ายแรงเพราะว่าในส่วนตัวผมกับเค้าเนี่ยเป็นเพียงการติดต่องานกัน แล้วเราก็ชัดเจนแล้วว่าบริษัทเราไม่สามารถทำบทแบบนั้นได้ก็จบกันด้วยดี ไม่ได้มีทะเลาะอะไรกัน”
ต้องไปแจ้งความหรือเปล่า?
“เอ่อในส่วนตัวผมไม่ได้เป็นผู้เสียหายนะครับ ของผมเสียหายแค่ในด้านของคำพูดของคนนินทา แต่ในฐานะสื่อเนี่ยมันเป็นสิทธิที่เราถูกนินทาหรือว่าเอาไปบอกต่อในเชิงลบหรือว่าเชิงบวกซึ่งเราไม่สามารถไปทำอะไรเค้าได้”
แล้วอย่างนี้ ฟิล์ม จะฟ้องเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตเลยไหม?
“ในส่วนตัวผมผมไม่ได้คิดครับเพราะว่าเอ่ออย่างที่บอกผมไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยตรง แต่คนอื่นที่โดนเนี่ยเค้าโดนโดยตรงแต่ของผมเนี่ยเป็นบริษัทที่รับทำหนังเฉยๆแล้วเค้าก็มาปรึกษาเรื่องหนังแล้วเค้าก็จะให้ผมเนี่ยไปเป็นพรีเซ็นต์เตอร์โครงการต่อต้านมะเร็งอะไรอย่างเนี่ย โชคดีที่ทางอาร์เอสเค้าดูแลทุกอย่างให้ก็เลยไม่ได้มาถึงตัวผม”
แล้วความต้องการของเรา?
“มันเป็นความปกติของดาราบ้านเราอยู่แล้วครับ คือผมคิดในแง่บวกเพราะว่าเราเป็นสื่อยู่แล้วมันเป็นเรื่องปกติที่คนจะเอาไปนินทาด้านลบหรือว่านินทาด้านบวกมันเป็นเรื่องที่เราไปห้ามใครไม่ได้เราคิดว่าเราไม่ได้ทำอยู่แล้ว เราก็ไม่ได้เป็นอยู่แล้วก็เลยไม่ได้สนใจอะไร”
แล้วความต้องการของเราคืออยากจะให้เค้าลงขอโทษอะไรไหม?
“ไม่จำเป็นครับ ผมรักสันติครับ”
แล้วเรื่องที่พี่บุ๋มจะออกมาแถลงเราจะไปเป็นพยานไหม?
“คือ พี่บุ๋ม ก็โทรมาสอบถามข้อมูลของผมอะนะครับเรื่องที่เค้าจะเอาไปบันทึกการณ์ต่างๆอะนะครับในเชิงกฏหมายคือผมก็ได้เล่าเหมือนที่เล่าให้พี่ๆฟังว่าผมเนี่ยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร ผมก็เป็นบริษัทที่รับทำหนังอยู่แล้วเราก็โปรดักชั่นอยู่แล้วคือใครจะมาจ้างวานผม พบเจอกับผมได้ง่ายอยู่แล้วตัวผมที่โดนเอาไปถูกแอบอ้างว่าไปมีอะไรกับเค้า ซึ่งเป็นสาวประเภทสองเนี่ยคือผมไม่ได้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมไม่ได้ติดใจครับผม”
แล้วอย่างนี้เราจะเกลียดกับการร่วมงานกับสาวประเภทสองไหม?
“ผมไม่ได้เกลียดนะครับ เพราะว่าทุกคนต่างจิตต่างใจคนดีก็มีเยอะครับ คนที่หวังผลประโยชน์กับพวกดาราก็มีเยอะครับ คือให้ผู้ชมหรือว่าแฟนๆให้ใช้วิจารณญานเอาละกันว่าใครเป็นยังไงครับ”
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
https://www.facebook.com/teeneedotcom