อ่ำสาธยายเคยคิดฆ่าตัวตัาย - หย่าจอยเพราะหนี้ท่วม!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. อดีตนักร้องนักแสดงชื่อดัง “อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน” ได้เปิดเผยถึงกรณีหย่าร้างกับ “จอย อัจฉริยา อังคสุวรรณศิริ” จนกลายเป็นอดีตภรรยาว่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีมากแล้ว ส่วน “จอย” กับ “แอลลี่ บุตรสาว” ก็ดีมากเช่นกัน แต่มันมีเหตุการณ์กระทบในสังคมออนไลน์ ทำให้ทั้งสองไม่สบายใจ

“เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดมาจากผมอยากจะทำงานให้ประสบความสำเร็จเพื่อให้มีเงินมาให้คนรอบข้าง แต่กลายเป็นเลยเถิดไปถึงขั้นภาระหนี้สิน ซึ่งผมคิดว่าต้องเกิดมีปัญหาแน่ๆ เลยตัดสินใจว่า ไม่อยากให้จอยเข้ามาร่วมรับผิดชอบในภาระหนี้ นอกจากนี้หลังจากแต่งงานจอยได้มาช่วยดูแลในเรื่องของการทำรายการทีวี และเกิดปัญหาเกิดขึ้นในการทำงาน ซึ่งเป็นปัญหาสะสมในการที่ไม่เข้าใจ และไม่พูดคุยกันอธิบายจนทำให้เรามีระยะห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ผมตัดสินใจหย่า เพราะคิดว่ามันจะหยุดปัญหาสะสมของเรามา 13 ปี”

ในส่วนของหนี้สิน จริงๆ ก็มีทรัพย์สินอยู่พอสมควร ทั้งบ้าน รถ และมีที่เก็บสะสมกันอยู่บ้าง แต่ที่ตัดสินใจขายนั้นก็ได้บอกจอยแล้วว่าจะไปทำลงทุนธุรกิจใหม่ ที่ จ.บุรีรัมย์ และเพื่อชำระหนี้สินที่ติดค้าง รวมทั้งวางแผนไว้ว่า จะไปซื้อคอนโดอยู่ใกล้กับบ้านของจอยที่บ้านสาทร เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระในการไปส่ง “แอลลี่” ไปโรงเรียน

สำหรับจำนวนหนี้สินก็มีประมาณ 7 ล้านบาท และมีส่วนบ้านที่ยังต้องผ่อนธนาคารอีก 8 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ก็มีเพื่อนเก่ามาซื้อทั้งหมดแล้วในจำนวนเงินที่ขายได้คือ 25 ล้านบาท ซึ่งพอลบกลบหนี้แล้วมันก็เหลือนำไปลงทุนต่อ และก็มีกันไว้เป็นทุนการศึกษา “แอลลี่” ส่วนหนึ่งด้วย

ส่วนความสัมพันธ์ตอนนี้ดีมาก มีการคุยกันมากขึ้นเหมือนเดิม แต่โอกาสที่จะกลับมาเป็นครอบครัวตอนนี้ตอบไม่ได้ คือปัจจุบันนี้มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากกว่าเมื่อก่อน มีความคิดถึงกัน ห่วงกันมากกว่าเดิม ทั้งนี้ไม่คิดมีใครใหม่ ในความคิดมีแค่อยากทำงานให้สำเร็จ ซึ่งพอทุกอย่างดีแล้วหากจะมีการเปลี่ยนแปลงมันเป็นเรื่องอนาคต “แอลลี่”ก็ดีใจมากที่เห็นเราอยู่ด้วยกัน 3 และเราก็สบายใจ เลยต้องอยู่อย่างนี้ไปก่อน

“จอยตอนนี้เขาจะมีใครก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ที่บอกว่าจอยพาชู้เข้าบ้าน เรื่องนี้ไม่ดีต่อจอย เลยต้องออกมาพูดเพื่อให้เคลียร์ว่า ที่มีคนเห็นเขาเดินกับใครมันเป็นตอนที่เราห่างกันแล้ว อยากให้เข้าใจตรงกันว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร สิ่งที่คิดตลอดตอนนี้คืออะไรที่เขาสบายใจก็ให้เขาทำ แต่ถ้าทุกข์บอก จะไปจัดการให้ทันที ที่ผ่านมาไม่ได้เสียดายเวลาเลย มันกลับดีที่เราได้ปรับความเข้าใจกันอย่างแท้จริง และทำให้เรารักกันมากขึ้น กับช่วงที่ผ่านมาตนยอมรับมีคิดฆ่าตัวตายบ้าง แต่ไม่กล้าทำเพราะคิดได้ว่าคนเราล้มเหลว”