พจน์สุดทน!ด่าแม่คนวิจารณ์หนังห่วย

ตกเป็นประเด็นข่าวฉาวได้ทุกครั้งที่มีภาพยนตร์ออกสู่สาธารณชน โดย “พชร์ ภเสฐ” หรือ “พจน์ อานนท์” ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยชื่อดัง ที่มักนำนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่มาเป็นตัวชูโรงให้กับภาพยนตร์ของตัวเอง พร้อมฉากวาบหวิวที่ทำเอาทั้ง “ชะนีแท้” และ “ชะนีเทียม” กรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ ล่าสุดภาพยนตร์เรื่อง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” ซึ่งเพิ่งออกฉายไปเมื่อ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยกระแสสังคมออนไลน์ออกมาวิจารณ์หนังเรื่องดังกล่าวในด้านลบ กระทั่งมีการโต้ตอบกันอย่างดุเดือดผ่านทางกระทู้สนทนาในเว็บไซต์ชื่อดัง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 16 ต.ค.ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” สอบถามไปยัง “พจน์ อานนท์” ผู้กำกับชื่อดัง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ที่ผ่านมาผลงานของตนมีผู้คนที่ชื่นชอบมากมาย และตนให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้มากกว่า แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ทุกครั้งมีภาพยนตร์ออกสู่สาธารณชน มักจะมีคนออกมาวิจารณ์เป็นธรรมดาแต่รู้สึกไม่ดีที่ไม่ใช่การวิจารณ์จาก “ผู้ที่รู้จริงเกี่ยวกับการทำภาพยนตร์” และพูดไปในด้านลบ ทำให้ตนเสียหาย เขาไม่มีสิทธิ์ที่ทำแบบนั้น ใครด่าทอมาเสีย ๆ หาย ๆ ตนก็พร้อมจะสวนกลับแบบไม่เกรงกลัวอยู่แล้ว แต่หากวิจารณ์จากคนที่มีความรู้จริง ๆ วิจารณ์เกี่ยวกับตัวผลงาน ตนถึงจะรับฟังความเห็นนั้นและพร้อมที่จะปรับปรุง ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวถึงบุพการีของอีกฝ่ายนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะด่าพ่อแม่เขา เพียงแต่อยากจะเตือนพ่อแม่ให้สอนลูกว่าอย่าอิจฉาคนอื่น อย่าให้ร้ายคนอื่น และคิดว่าตัวเองถูกเสมอไปก็เท่านั้น

ด้านเจ้าของเพจ 'อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก' ที่ได้ตั้งกระทู้วิจารณ์ภาพยนตร์ “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” ในเว็บสังคมออนไลน์ชื่อดัง กล่าวกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ว่า การโต้ตอบครั้งนี้ยังเข้าใจไม่ตรงจุดกันมากกว่า ความตั้งใจจริงที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เหมือนเป็นการชมภาพยนตร์แล้วนำมาพูดคุยระหว่างเพื่อนมากกว่า ไม่เคยคิดตั้งตัวเองว่าเป็นคนวิจารณ์ ทั้งนี้ตนเป็นคนชอบภาพยนตร์ไทยอยู่แล้ว และเป็นแฟนภาพยนตร์ของพจน์แทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง “หอแต๋วแตก” ถึงขนาดชื่อเพจของตน ก็ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์เรื่องนี้

“ไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพยนตร์เพราะบางเรื่อง ‘พี่พจน์’ ทำมาดีก็ชมให้เต็มที่ และไม่มีอคติหากอนาคตพี่พจน์มีผลงานมาอีก และมีโอกาสได้ดู ถ้าเรื่องดีก็จะชื่นชม อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าว เพียงแต่รู้สึกผิดหวังต่อผู้กำกับคนนี้เล็กน้อย ที่อุตส่าห์เสียเงินซื้อเข้าไปดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉาย พอออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังก็ถูกต่อว่าถึงบุพการี ซึ่งเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ส่วนเรื่องการแสดงความคิดเห็นนั้น ทุกคนสามารถที่จะกล่าวถึงภาพยนตร์หรือการเสพสื่อต่าง ๆ ได้ เพราะว่าทำออกมาให้สาธารณชนดู”.