ล้วงลึกตัวตนที่แท้จริง ลีเดีย ระหว่างเราคืออะไร

โลดแล่นอยู่บนเส้นทางบันเทิง

มือถือไมค์ ไฟส่องหน้า มาหลายปี แจ้งเกิดเป็นศิลปินระดับแนวหน้า จนได้ฉายาว่า “เจ้าหญิงอาร์แอนด์บี” ของเมืองไทย สำหรับนักร้องสาวเสียงดีจากค่ายอาร์เอสฯ ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา จากเมื่อก่อนจะมีแค่กลุ่มแฟนเพลงรู้จักคุ้นเคยจากผลงานเพลง มาถึงตอนนี้สาวน้อย ลีเดีย กลับยิ่งดังขึ้น เมื่อถูกดึงไปเป็นมือที่สาม โยงความสัมพันธ์กับอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงเพราะภาพถ่ายที่ลงประกอบในพ็อกเกตบุ๊ก สุดอื้อฉาว “WHERE ARE YOU” ของ หมวดเจี๊ยบ-ร.ท.หญิงสุณิสา

ใครเลยจะคิดว่า ภาพเพียงไม่กี่รูป จะนำมาสู่ความหายนะทางจิตใจให้กับนักร้องสาวผู้นี้...

จากเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เรียนจบระดับไฮสคูล ผันชีวิตมาจับไมค์ร้องเพลง แค่มีเป้าหมายอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มันจะกลายเป็นสิ่งล่อเป้าให้พวกแมงเมาท์ได้เมาท์อย่างสนุกปาก จนสร้างความเสื่อมเสียให้กับชีวิต

อันที่จริงด้วยสถานะของครอบครัว สาวลีเดีย แทบจะไม่จำเป็นต้องมาเป็นนักร้องเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวที่ทำเงินอยู่แล้ว แล้วอะไรล่ะที่เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริง ซึ่งเธอคิดไว้ตั้งแต่ต้นว่าอยากจับไมค์ร้องเพลง

“เป้าหมายแรกที่เดียเข้ามาทำงานจุดนี้ คือ หาค่าเทอมให้ตัวเอง จากเดิมที่ฝันอยากไปเรียนต่อเมืองนอก ต้องใช้เงินปีละ 2 ล้านกว่า เดียเองไม่อยากให้ทางบ้านต้องมาจ่ายเงินขนาดนี้ให้เราได้เรียน จริง ๆ ที่บ้านก็ไม่ได้มีปัญหาหรอกที่จะจ่ายให้ แต่เดียรู้สึกว่าเดียมีน้องอีก 2 คนนะ คือ เรามีโอกาสเข้ามาทำงานเพลง หาเงินได้เอง โอเค เดี๋ยวเราเก็บเงินไปเรียนเองดีกว่า ตอนนี้ก็ไม่ได้ขอตังค์ป๊ากับแม่ ถ้ามีก็ขอนิดหน่อย ยังไงเดียก็ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่บ้านส่วนหนึ่งค่ะ”


แสดงว่า ลีเดีย รักน้อง ๆ มากเลยสิ ถึงเสียสละขนาดนี้ ?

“เราเป็นพี่คนโต โตกว่าเขา 3-4 ปี เราทำเผื่อน้อง ๆ เอาไว้ คือ เดียทำงานเองได้ก็ทำ ซึ่งน้อง ๆ ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า แต่ถ้าเขาทำไม่ได้จะได้มีธุรกิจที่บ้านรองรับค่ะ เดียมองยาว ๆ ค่ะ”

แปลว่าตอนนี้ตัวเองมีเงินเก็บพอสมควรแล้วล่ะสิ ?

“มีทุนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ถึงกับมีเงินลงทุนแบบร้อยล้าน ทำธุรกิจใหญ่โตนะ อาจมีพอดีที่จะทำธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งเดียก็มีลงทุนธุรกิจบ้าง ไปลงทุนเล่นหุ้นเล็ก ๆ ไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารอะไรค่ะ อีกอย่างที่เดียคิดว่าอาชีพนักร้องเป็นอะไรที่มาเร็วแล้วก็ไปเร็ว โอเคในเมื่อตอนนี้เราทำได้อยู่ ก็ทำไป ซึ่งเราต้องมีแผนรองรับต่อไปอีก เดียเลยคิดว่ายังไงการเรียนก็เป็นสิ่งที่สำคัญอยู่แล้ว ถึงไม่ทิ้ง บางคนเข้ามาในวงการแล้ว

โอเคฉันมีอาชีพแล้ว ฉันไม่เรียน แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าวันหนึ่งถ้าเราไม่มีแล้ว เดียจะทำอย่างไร เดียไม่มีการศึกษาเลย ไม่สามารถทำงานที่อื่นได้เลยเหรอ เดียก็มีแผนรองรับไว้ คือ เรียนจบปริญญาโทไปเลย ซึ่งตอนนี้เดียเปลี่ยนใจเรียนที่เมืองไทย แต่ลงเรียนระบบเรียนในเมืองไทย เรียนเอง มีหนังสือส่งมาจากมหาวิทยาลัย พอถึงเวลาสอบก็ต้องบินไปสอบที่อังกฤษค่ะ เหตุผลที่เลือกเรียนแบบนี้อยู่ที่เวลาด้วย เพราะงานเราไม่แน่นอนเลย บางวันเข้าบริษัท 8 โมงเช้าถึงสี่โมง บางทีก็เลิกเที่ยงคืน มันไม่แน่นอน อีกอย่างเรียนแบบนี้เป็นการแอ๊คทีฟตัวเองด้วย”


เข้าวงการบันเทิงมาแบบนี้ทางบ้านสนับสนุนหรือเปล่า เพราะที่บ้านก็มีกิจการที่มั่นคง ทำไมต้องมาทำงานแบบนี้ด้วย ?

“ลีเดียชอบร้องเพลงเล่นดนตรีแล้วอยากร้องเพลง ก็มาที่อาร์เอสฯ พร้อมคุณครูสอนร้องเพลง มาเองนะ ที่บ้านก็ไม่ได้คัดค้าน คุณแม่ไม่ชอบวงการมายา อย่าเรียกว่าไม่สนับสนุนเลย เพียงแต่ไม่ได้ส่งเสริม แต่ก็ไม่ได้ห้าม อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ป๊าโอเคมาถามไถ่นิดหน่อย เดียเองไม่เคยถามคุณแม่นะว่าทำไมไม่ชอบวงการนี้เค้าคงมองว่าเป็นอะไรที่มายาอีกอย่างแม่เค้าเป็นนักธุรกิจอยู่กับโลกความจริงตลอด เหมือนโลกมายาคนละอย่างกันมั้งคะ”

แล้วกำลังใจที่ทำให้มุ่งมั่นทำงานเส้นทางนี้ต่อคืออะไร ?

“จริง ๆ กำลังใจมาจากแฟนเพลง แล้วการตอบรับของอัลบั้ม ทุกอย่างค่ะ เรียกว่าดีเลย ที่ผ่านมารู้สึกอบอุ่น เราก็ชอบด้วยค่ะ”

ฟังการบอกเล่ามาขนาดนี้ น่าจะทำให้เราสัมผัสถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอจริง ๆ เรียกว่าความคิดเกินอายุซะด้วยสิ...


แต่แล้ววันหนึ่งต้องมาเจอกับข่าวฉาว ขนาดถูกโยงว่าไปเป็นกิ๊กกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่มีอายุคราวพ่อเลยล่ะ โดนมรสุมหนักขนาดนี้ จิตใจเป็นอย่างไรกันบ้าง ?

“ข่าวนี้มันไม่ใช่เสียแค่เดียกับพ่อแม่นะ มีผลไปถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลด้วย เสียไปถึงอาก๋ง ฉะนั้นเราก็ต้องวางตัวให้ดี ในส่วนของตัวเองก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว”

แสดงว่าที่ผ่านมาข่าวไหน ๆ ก็รุนแรงไม่เท่าข่าวล่าสุดนี้เลยสิ ?

“ถ้าเรื่องข่าวที่หนักหนาและมีผลกระทบที่สุด คือ ข่าวเป็นกิ๊กกับท่านอดีตนายกฯนี่แหละค่ะ ไม่รู้สิ เหมือนโดนรังแก ใส่ร้ายป้ายสี คือ เดียเองค่อนข้างเข้มแข็งอยู่แล้ว ไม่ค่อยไปแคร์ข่าวเรื่องนี้ แต่อดคิดไม่ได้ว่าทำไมต้องรังแกเดียด้วย ไม่เข้าใจ มันกระทบถึงอาก๋งค่ะ คือ ก๋งของเดียเขามีฐานะดีอยู่แล้ว เขาก็มีคุยกับแม่เราว่า เลี้ยงลูกยังไงทำไมให้ข่าวออกมาแบบนี้ เพราะคนในวงการก่อสร้างเขารู้จักอาก๋ง ข่าวนี้กระทบถึงเขาด้วย เพราะว่าเดียก็นามสกุลเดียวกับก๋งนะ”


เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วเรารู้สึกอย่างไรล่ะ ?

“รู้สึกแย่นะ มันเป็นอะไรที่เดียไม่สามารถทำอะไรได้เลยจริง ๆ เดียไม่ได้ทำตัวเอง เดียไม่ได้ออกไปข้างนอกทำตัวน่าเกลียด แต่ข่าวมันออกมาเอง ซึ่งเดียไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากออกมาพูดชี้แจงว่ามันไม่จริง พอแก้ข่าวเสร็จแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคนที่เขาดูข่าวก่อนหน้านี้ เขาจะมาดูเราแก้ข่าวหรือเปล่า มัน 50-50 เดียไม่สามารถทำให้คนรักเราทั้งร้อย หรือเกลียด เราทั้งร้อย คือ มันก็ต้องทำใจอย่างเดียวค่ะ”

ผลกระทบจากข่าวนี้มันทำเราถึงกับร้องไห้เลยมั้ย ?

“ไม่ถึงกับร้องไห้นะ แต่รู้สึกว่าเหมือนน้อยใจ มันแย่ไปหมดเลย กระทบทั้งบ้านเดียและบ้านท่านด้วย ท่านมีครอบครัวมีลูกอยู่แล้ว เป็นแฟมิลี่แมนด้วย อยู่ ๆ เฮ้ย ! มีกิ๊กเป็นนักร้องคนนี้ มันดูแย่สำหรับภาพของเขานะ เดียเลยรู้สึกแย่เหมือนกันว่าทำไมพูดถึงเดียแบบนี้ เดียไม่เคยทำอะไรให้คุณเลย แล้วในรูปก็ไม่มีอะไรเลย ถ้าได้อ่านในหนังสือเล่มนี้จะรู้ว่าเป็นแค่บางตอนในเล่ม ที่เขียนขึ้นมาว่า ลีเดียสะใภ้ในฝัน ไม่ใช่ลีเดียกิ๊กในฝันของผมซะหน่อย มันชัดเจนอยู่แล้ว”


กับ โอ๊ค-พานทองแท้ ล่ะ สนิทกันแค่ไหน ?

“ก็สนิทกันมาก ก็ได้คุยเค้ายังบอกว่า เออ ! คิดกันไปได้เนอะ คือ เดียคิดว่าให้เป็นข่าวว่าเป็นกิ๊กกับ พี่โอ๊ค ยังจะดีกว่าเป็นข่าวกับพ่อเค้าเสียอีก”

ที่ถูกเขียนข่าวเสียหายขนาดนี้ เคยมองกลับมาดูตัวเองบ้างมั้ย เพราะเราเป็นนักร้อง เป็นที่รู้จักด้วยหรือเปล่า ผู้คนถึงสนใจ ?

“ก็ใช่นะ เดียเป็นนักร้อง เลยกลายเป็นประเด็นขึ้นมา คือ ถ้าสมมุติภาพนั้นเป็น ดั๊กกี้ (น้องสาวลีเดีย) มันคงไม่เป็นข่าวขนาดนี้หรอก เดียรู้สึกเหมือน เป็นความผิดเดียนะ ที่ทำให้วงศ์ตระกูลของท่านต้องเป็นอะไรแบบนี้ รวมถึงคุณหญิง ด้วยว่าเฮ้ย ! คุณดูแลสามีคุณอย่างไรถึงได้มีกิ๊ก ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ ที่ชื่อของลีเดียต้องไปเกี่ยวข้องกับข่าวที่ไม่ดีนั้นค่ะ”


แล้วข่าวประเด็นนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของ 2 ครอบครัวมองหน้ากันไม่ติดด้วยหรือเปล่า ?

“ครอบครัวของเราทั้งสองเนี่ยรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดของเดีย คือครอบครัวเข้าใจ เพื่อน ๆ คนใกล้ตัวเข้าใจค่ะ เรื่องข่าวก็ไม่มีผลกับครอบครัวเดียกับท่านนะคะ”

มาถึงตรงนี้คิดว่าชีวิตเราผ่านมรสุมข่าวนั้นมาหรือยัง ?

“สบายใจขึ้นบ้างแล้วค่ะ หลังจากมีงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือเดียไปเมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา เดียน่าจะมีโอกาสได้เคลียร์ข่าวนี้หมดเปลือก ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้ออกงาน ไม่มีโอกาสได้คุยถึงความจริง จากนี้ทุกคนก็จะได้รู้ว่าอะไรคืออะไรค่ะ”


อย่างนี้ใครได้อ่านหนังสือของลีเดียเอง ก็น่าจะรู้ทุกเรื่องเลยเหรอ ?

“ค่ะ ในหนังสือต้องมีทุกอย่าง ทุกเรื่องอยู่ในนั้นหมดเลย”

มาถึงคำถามสุดท้ายที่ดูเหมือนจะถูกปล่อยออกมาติด ๆ ที่บอกว่าคุณพ่อ-คุณแม่ ไม่ปลื้ม แมทธิว ดีน จริงมั้ย ?

“อ๋อ ! ก็ป๊าให้สัมภาษณ์ว่าถ้าจะคบกับลูกสาวของป๊านะ ต้องอดทน ต้องเป็นผู้ชายที่อดทน อันนี้เดียก็ไม่รู้ว่าเจาะจงว่าต้องอดทนอะไร ไม่รู้ว่าอดทนเดียหรือว่าอดทนใคร กับคุณแม่แม่เดียจะเป็นคนดุกว่าป๊าเสียอีกจนเพื่อนในกลุ่มตั้งฉายาว่า “คุณแม่มาเฟีย” เลยค่ะ แต่ป๊าเดียน่ะใจดี ถ้าจะเข้าทางแม่ได้ก็โอเคทุกอย่าง ครอบครัวเดียทุกคนไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้าแม่เดียค่อนข้างจะปกครองทุกอย่าง
ส่วนเรื่องที่บอกว่า พ่อ แม่ ไม่ปลื้มพี่เค้าน่ะ ไม่จริงค่ะ

เพราะว่าพี่แมทธิวก็เข้ามาในบ้านตลอด คือ แบบคุยกับป๊า คุยกับแม่ตลอด เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้ออกไปโน่นไปนี่กับแม่และน้องเท่านั้น ซึ่งคบกันแต่ยังไม่ถึงไปเป็นครอบครัวขนาดนั้นค่ะ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ป๊าและแม่ที่ต้องสกรีนก่อนว่าใครเข้ามาในชีวิตลูกบ้าง และเขาดีพอมั้ยสำหรับลูกเรา เพราะป๊ากับแม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วค่ะ”

แบบนี้หนุ่มหน้าไหนที่ คิดอยากเข้าใกล้ ลูกสาวบ้านนี้ก็ต้องผ่านด่านคุณพ่อ-คุณแม่ให้ได้ก่อน มิเช่นนั้น ก็กินแห้วไป ได้เลย !.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์