บอสประวิทย์มองปมหมางหมาก-มิ้นต์ แค่เด็กทะเลาะกัน

ประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ว่า แม้หลายคนจะมองช่อง 3 ว่ามีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอล แต่แท้จริงแล้วก็พบความลำบากเหมือนกับช่องทีวีอื่นๆ เนื่องจากลูกค้าแทบไม่ซื้อโฆษณาจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ผ่านมา รวมถึงการเพิ่มขึ้นของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งก็ยังไม่มีตัวเลขชี้วัดความนิยมของช่องออกมา สถานการณ์คงเป็นเช่นนี้อีกระยะ ทั้งนี้ ตนมองว่าการเปิดช่องดิจิตอลทีเดียว 24 ช่อง เป็นการเร่งรัดเกินไป ทั้งยังส่งผลให้ราคาประมูลและการแข่งขันสูง

"ทยอยประมูลทีละ 5 ช่องให้มันไปได้ดี แล้วประมูลเพิ่มดีกว่า นี่แพง แล้วก็แข่งขันกันสูง ไปแย่งเค้กก้อนเดียวกัน ถ้าปล่อยทีละ 5 ช่อง เวลาผ่านไปตลาดโตขึ้นค่อยประมูลก็ได้ ประมูลทีเดียวพร้อมกันหมดก็เดือดร้อนกันหมด ลำบากหมดกันทุกคน" ประวิทย์กล่าว

 

ประวิทย์ยังกล่าวถึงการที่บุคลากรด้านข่าวของสถานีที่ลาออกไปอยู่ทีวีช่องอื่นหลายคนว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ล่าสุด มนุชา เจอมูล ผู้สื่อข่าวรายการข่าวสามมิติก็ลาออกไป โดยจะไปเป็นผู้ประกาศเต็มตัว ซึ่งตนก็ยินดีหากไปแล้วมีโอกาสที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม บุคลากรที่มีอยู่ถือว่าเพียงพอแล้ว

"สภาพตอนนี้เหมือนเป็นการบังคับให้ทุกช่องสร้างบุคลากรของตัวเองไปในตัว เพราะจะไปหาจากช่องอื่นๆ ไม่ได้แล้ว" ประวิทย์กล่าว

 

สำหรับกรณี 2 นักแสดงชื่อดัง หมาก-ปริญ สุภารัตน์ กับมิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง ที่มีปัญหาขัดแย้งกัน ตนมองเป็นเรื่องของเด็ก ซึ่งไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใดๆ

"ผมยังบอกเป็นเรื่องคน 2 คนทะเลาะกัน ทำไมต้องประกาศให้ชาวบ้านเขารู้ สุดท้ายเขาก็เริ่มคุยกันดีล่ะ แต่ว่าต้องใช้เวลา" ประวิทย์กล่าวในที่สุด