จากน้องฝ้ายถึงพี่หมาก

 

จากกรณีน้องฝ้าย เรื่องการถูกกดดันว่าไม่คู่ควรตำแหน่งจนทำให้ต้องสละมงกุฎ คงต้องแยกเป็น 2 ประเด็น 

ประเด็นแรก คือ เรื่องความสวยที่ไม่เข้าตา ไม่ที่สุดพอกับตำแหน่ง ตรงนี้เป็นเรื่องน่าเห็นใจสาวฝ้ายอยู่ไม่น้อย เพราะความสวย ความงาม เป็นเรื่องสายตาแต่ละบุคคล บางคนมองว่าไม่สวย บางคนมองว่าสวย และถ้าคนส่วนใหญ่ของประเทศบอกว่าความสวยของสาวฝ้ายไม่คู่ควร คนที่น่าจะต้องรับผิดชอบร่วมกันในเรื่องนี้มากกว่าตัวฝ้ายเห็นจะเป็นทุกผู้เกี่ยวข้องที่ตัดสินใจเลือกเธอให้รับตำแหน่งนี้

 

กับอีกหนึ่งข้อคัดค้านว่าน้องฝ้ายไม่คู่ควรตำแหน่ง คือ การโพสต์ในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอก่อนได้ตำแหน่งด้วยภาษาไม่สุภาพ หยาบคาย...เข้าใจได้ว่าเจ้าตัวคงไม่คิดว่าสิ่งที่ทำไปด้วยความคะนองและสนุกในวัยรุ่นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง...เป็นข้อคิดเตือนใจว่าก่อนทำอะไร ควรต้องคิดไตร่ตรองให้ดี เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่รู้ การกระทำของตัวเองจะส่งผลต่อตัวเองเสมอ   

 

แต่ผ่านไปไม่กี่วันกระแสน้องฝ่ายต้องเงียบกริบอย่างรวดเร็วกว่าที่ควรเป็นเมื่อมีกรณีพระเอกขวัญใจสาวอย่างหมากที่เจอพิษของไลน์เล่นงานให้ต้องกุมขมับหนักเช่นกัน เพราะทันทีที่ไลน์สนทนาของหมากกับมิ้นต์หลุดมา ทำให้แฟนคลับหมากถึงช็อก เพราะหลายๆ คนไมคาดคิดว่าเจ้าตัวจะใช้คำพูดหยาบคายและรุนแรงขนาดนี้ แต่ถึงตอนนี้สิ่งที่กระจ่างแล้ว คือ คำด่านั้นเป็นของหมากจริงๆ เมื่อเจ้าตัวแถลงข่าวยอมรับว่าทำจริง

 

แต่สิ่งที่คาใจคนทั้งประเทศ คือ ต้นตอที่ทำให้หนุ่มหมากฟิวส์ขาดถึงต้องด่าด้วยวาจารุนแรงขนาดนั้นคือเรื่องอะไร และดูเหมือนว่าจะต้องสงสัยหรือค้นหาต่อไปเมื่อเจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ขอพูดเรื่องนี้

 

ปัญหานี้ที่รุมเร้าหนุ่มหมากมีหนึ่งกรณีศึกษาน่าสนใจ ในเรื่อง ผู้จัดการส่วนตัวดารา ที่ยุคปัจจุบันนี้มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อตัวดารา โดยกรณีนี้ผู้จัดการถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องว่ามีส่วนสำคัญทำให้เกิดเรื่องบาดหมางใจ...สิ่งสะท้อนคือ นักแสดงระดับพระเอก นางเอก ถ้าได้ผู้จัดการที่เปรียบเสมือนกุนซือคนสำคัญที่ดีก็ดีไป เป็นการส่งเสริม แต่ถ้าได้แบบไม่ดี ก็มีส่วนทำให้ความนิยมสั่นคลอนได้เหมือนกัน 

 

การออกมายกมือไหว้พร้อมคำขอโทษของหนุ่มหมากต่อแม่ของสาวมิ้นต์ น่าจะช่วยลดความเครียดที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวได้ไม่น้อย และวันเวลาก็จะค่อยๆ ทำให้เรื่องนี้เงียบหายไป

 

แต่สิ่งน่าจับตามองที่สุดคือ ความนิยมของหนุ่มหมากในใจแฟนละครและแฟนคลับจะยังเหนียวแน่นมากน้อยแค่ไหนหรือจะถูกสั่นคลอนให้ลดถอยลง เพราะเอาเข้าจริงต้นตอความบาดหมางจนนำสู่กรณีเจ้าปัญหาอาจไม่สำคัญเท่าพฤติกรรมและคำด่าของหมากที่ส่อถึงความก้าวร้าวนั้นคนจะยอมรับและให้อภัยได้หรือไม่ หรือจะเป็นเรื่องเสียความรู้สึกที่คาใจไปอีกนาน เพราะสังคมไทย เรื่องความเคารพผู้ใหญ่ ไม่ก้าวร้าวของเด็กต่อผู้ใหญ่ยังเป็นเรื่องสำคัญเสมอ  

 

และดูท่าว่า 2 ละครที่เจ้าตัวเป็นพระเอกและกำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี้ คือ ภพรัก และ แอบรักออนไลน์ รวมถึง บ่วงอธิฏฐาน ที่เตรียมเปิดกล้อง จะเป็นบททดสอบสำคัญในการวัดสถานะพระเอกในระยะยาวของเขาหมากว่าจะยังดีอยู่หรือไม่ ซึ่งคนดูจะเป็นผู้ให้คำตอบนั้น 

 

ปัญหาต่างๆ นานา ที่มี โซเชียล เน็ตเวิร์ก เป็นต้นตอ บวกความคึกคะนองปาก อาจทำให้เหล่าคนดังต้องกลับมาฉุกคิดว่าต่อไปนี้จะทำอะไรก็ควรคิดให้มาก เพราะมีสิทธิ์พังได้ถ้ายังขาดสติ และถ้ามองแง่ดี สิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เหล่าคนดังที่ใครๆ ก็สวมหัวโขนให้ต้องลดความมั่นใจ หรือ อีโก้ในตัวเองลงบ้าง เพราะความดังหรือความนิยมไมได้ยืนยาว มีโอกาสหมดได้ และตัวเองก็สามารถทำพังได้ด้วยน้ำมือตัวเอง...