ล้วงลึกหัวใจของผู้ชายสุด 'น่ารัก'ทำความรู้จักตัวตน ของ 'สน-ยุกต์'
หากพูดถึงละครอารมณ์ดี มีความสดใสซาบซ่า พร้อมหน้าพระเอกนางเอกทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่อย่างเรื่อง "น่ารัก" ละครโรแมนติก คอมเมดี้ แฝงความแฟนซีนิดๆ ส่งตรงจากค่าย "เอ็กแซ็กท์" ซึ่งวันนี้ หน้าบันเทิง คมชัดลึก จะพาไปทำความรู้จัก "สน-ยุกต์ ส่งไพศาล" ให้มากขึ้น
ละครเรื่อง "น่ารัก"
000บทบาทในละคร "ไผท" มีความคล้าย "สน" แค่ไหน
ไผท คนนี้เขาเป็นผู้ชายน่ารัก มองโลกในแง่ดี มีความคล้ายผมส่วนหนึ่ง คือเหมือนเอาผมมาเล่น แต่ผมไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้เหมือนในเรื่องเท่านั้นเอง (หัวเราะ) ผมอาจจะไม่ได้เป็นคนอ่อนโยนเหมือน ไผท ตอนนี้เรื่องการถ่ายทำ ผมคิดว่าน่าจะใกล้ปิดกล้องแล้ว คิดว่าน่าจะประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์แล้วเพราะละครเรื่องนี้ถ่ายไปออกอากาศไป
000พูดถึงการร่วมงานคนอื่นๆ อย่าง แพทตี้ (อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ยิปซี (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) รถเมล์ (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) และ ชาคริต แย้มนามสักหน่อย และบรรยากาศในกอง
กองนี้สนุกดีนะทุกคนสนิทกันเร็วมาก เพราะส่วนใหญ่โลเกชั่นเป็นต่างจังหวัด เราก็เตรียมใจอย่างเดียว เพราะการออกต่างจังหวัด มันจะต้องตื่นเช้า พักผ่อนน้อย ที่สำคัญอุปสรรค น่าจะเป็นที่สภาพอากาศ คือต้องมโนว่าอากาศในเรื่องมันเย็น แต่ว่าความจริงแล้วมันร้อนมาก เพราะถ่ายตอนหน้าร้อนเมืองไทย เสื้อผ้าต้องใส่หนาๆ พอคัตปุ๊บแล้วถอดเลย ในเรื่องก็จะเจอพี่ชาคริจ พี่รถเมล์ บ้าง แต่ที่เข้าฉากด้วยกันบ่อยๆ ก็มีเต๋อ แพทตี้ และ ยิปซี ที่เล่นคู่ผม
000ละครเรื่อง มาลีเริงระบำ
ตอนนี้ผมก็แบ่งไปตามวันคือ น่ารัก ถ่ายวันจันทร์- พุธ ส่วน มาลีเริงระบำ พฤหัสบดี - อาทิตย์ กับเรื่องนี้ถ่ายไปได้ 30 -40 เปอร์เซ็นต์แล้ว เคิดว่าไม่รีบออนแอร์เท่าไหร่ เลยมีการหยุดได้ กับพี่ไก่ก็ชิลๆ ไม่ได้รีบคือคนละฟิล กับการทำงานกับพี่ไก่ (วรายุฑ มิลินทจินดา) ก็สบายๆ เพราะเคยร่วมงานกันมาก่อน บทเรื่องนี้ต้องแต่งตัวจัดมาก ก็เป็นนักร้อง เป็นครูสอนเต้นด้วย เป็นศิลปินด้วย เรื่องบัลเลต์ คือผมแค่เรียนทำท่าเฉยๆ ให้มันดูสวย เพราะการเต้นบัลเลต์จริงๆ มันยาก มันต้องสั่งสมมาตั้งแต่เด็ก
ชีวิตในวงการบันเทิง
000จากวันแรกที่เราได้เริ่มเล่นละคร ความรู้สึกของเราตอนนี้ มันเป็นอย่างไร มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิม
จากวันแรกผลงานเรื่องแรก ก็ขึ้นปีที่ 6 แล้ว คือมันสบายขึ้นเยอะ ไม่เกร็ง ไม่กลัวอะไรแล้ว ผมรู้สึกเริ่มสนุกกับงาน เพราะได้สร้างสรรค์อะไรใหม่ ก่อนหน้านี้ ผมอาจจะทำตามคำสั่งอย่างเดียว แต่ทุกวันนี้ ผมสามารถคิดเองได้แล้ว คือแบบอยากเล่นอะไร ก็เสนอผู้กำกับเอา เพราะแต่ก่อน ด้วยความที่เรายังเด็กด้วย เหมือนมีกรอบของผู้ใหญ่ ผมไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าเสนอความคิดเห็น แต่ตอนนี้พอกรอบมันหลุดแล้วทุกๆ อย่าง มันก็กลายเป็นว่าไม่ประดิษฐ์แล้ว
000กับคำว่า "พระเอกโรบ็อท" กลายเป็นคำที่สนไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่
ส่วนตัวผมถามว่าปลื้มมั้ย ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ถ้าได้ดูผลงานใหม่ๆ ของผม ผมเชื่อว่าคนที่เคยคิดถึงผมในแง่นั้น คงจะเปลี่ยนความคิดได้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดู ผมก็อยากให้ดู พอมีคนพูดถึงเราในทางดีชื่นชมเรารู้สึกดีใจนะ ที่ความพยายามของเรา ทำให้คนเห็นได้ ถามว่าผมเช็กกระแสตัวเองในโลกโซเชียลบ้างหรือเปล่า ผมไม่ได้เช็กเลย คือแบบไม่อยากดู เพราะเมื่อก่อนดูแล้วเซ็งมาก เดี๋ยวนี้ผมเลยไม่ดูเลย เพราะเคยโดนว่า ตอนที่เล่นไม่ดี แต่อันนั้นเรายอมรับนะ และมันก็ไม่ได้ฝังใจหรอก แค่อยากเห็นคำติชมเหล่านั้นมาในรูปแบบอื่นจะรู้สึกดีมากกว่า
000สำหรับเรื่องงานในวงการบันเทิงยังอยากทำอะไรอีกบ้างไหม
อันนี้ผมพูดไม่ถูกเหมือนกัน คือไม่ได้คาดหวังว่าต้องการอะไรมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นคือ อยากเห็นกราฟการพัฒนาของผมมันสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนี้มันเหมือนอาจไม่ได้แย่ลง หรืออาจจะไม่ได้ดีขึ้นมาก แต่ผมอยากเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองพอสมควร ส่วนงานในวงการบันเทิงที่อยากทำ ผมอยากเล่นหนังมาก แนวโรแมนติกดราม่าสุดก็โอเคนะ หรือไม่ก็บู๊สุดๆ แบบ จา พนม ไปเลย
อนาคตของพระเอกชื่อ "สน"
000เคยให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะลาวงการบันเทิงไปเรียนต่อ ตอนนี้ยังเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
เคยบอกไปว่าให้เวลาตัวเองอีก 1 ปี คือผมได้สัมภาษณ์ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และผมคุยกับผู้ใหญ่แล้ว นี่ก็ครึ่งทางแล้ว ถามว่าเวลามันน้อยเกินไปมั้ยสำหรับให้เวลาหนึ่งปีสำหรับตัวเองกับแฟนคลับผมคิดว่าไม่นะ ถ้ารวมปีหน้าด้วยเป็น 7 ปีในวงการบันเทิง ก็น่าจะเยอะพอแล้ว แต่ถามว่าเสียดายมั้ย ก็เสียดายเพราะมีแฟนคลับต่างชาติด้วย มีหลายคนบอกว่าทำไมถึงไม่รีบกอบโกยในช่วงเวลาที่ยังทำได้ คือถ้ามันโกยได้ผมก็ทำอยู่ แต่คำว่าโกย นี่มันขึ้นอยู่ว่าคนจะมองในลักษณะไหน อาจจะหมายถึงโอกาส ผมมองว่าถ้าทุกอย่างมันดี ผมก็จะไม่ทิ้งงานตรงนี้ไปหรอก แต่ถ้ามันไม่พัฒนา ไม่เห็นกราฟเพิ่มขึ้น มันอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่ผมจะได้ก้าวไปต่อ
ครอบครัว
000ขุมทรัพย์กำลังใจที่สำคัญที่สุด
คุณพ่อคุณแม่ผม ท่านเป็นคนที่คอยให้กำลังใจผมมาตลอด และสอนให้ผมวางแผนการใช้ชีวิต ซึ่งท่านก็บอกว่าให้ผมได้ลองทำหลายๆ สิ่งด้วยตัวเอง อย่างเรื่องการเรียนของผม ท่านก็มีการแนะนำอะไรบ้าง กับการใช้ชีวิตในวงการ ท่านก็บอกให้ผมอดทนเวลาเจอกับเรื่องราวที่ชวนท้อ จะไม่มีการแนะนำอย่างอื่น เพราะผมก็ใช้ชีวิตในวงการของผมแบบนี้อยู่แล้ว ท่านแค่แนะนำให้ผมทำอย่างไรที่จะเติบโตในอนาคตต่อไป หรือว่าควรต้องทำอย่างอื่นบ้างนะ
เคาะประตูหัวใจหนุ่มเจ้าเสน่ห์
000พักนี้กับเรื่องหัวใจ กับเรื่องสาวๆ เงียบหายไปนะ
หัวใจตอนนี้ผมเอาเป็นสิ่งสุดท้ายดีกว่า เพราะผมไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนั้นสักเท่าไร ว่าผมจะมีแฟนหรือเปล่า ผมก็อยากจะสร้างอนาคตตัวเองให้มันมั่นคง เรื่องความรักตอนนี้ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ผมอยู่คนเดียวได้ ถามว่าเหงาบ้างมั้ย คือการทำงานของผมมันเยอะกว่าความเหงานะ ถามว่าเหงามั้ยมีบ้างเป็นบางเวลา เวลาเหงา ผมก็เจอเพื่อนหรือทำงานอะไรผมก็เหนื่อยแล้ว เคยนะมีแบบอยู่คนเดียว วันว่างก็จะโทรหาใครดี อะไรประมาณนี้ นึกไม่ออก แต่ก็มีเพื่อนนี่แหละ ส่วนเวลาว่าง ผมก็เอาไปเรียนหมด
000ถ้าเจอสาวคนหนึ่ง เข้ามาในชีวิต จะต้องเป็นคนแบบไหน
คนคนนั้น ต้องเข้าใจผมว่า ผมกำลังสร้างอนาคตอยู่ ต้องช่วยกัน ไม่ใช่จะมาขัดขวาง ต้องเกื้อกูลกันเท่านั้นเลย ถ้ามาแบบสวยอย่างเดียว อันนี้ผมก็ขอพักไว้ก่อนแล้วกัน คือมันเป็นโจทย์ที่หายากนะผมว่า คือตอนนี้ผมอายุ 25 ปี เอาเป็นว่ารอผมอายุ 35 ก่อน ถ้าอยากให้ผมรักอยากให้ผมดูแลเอาใจใส่ ก็รอก่อนตอนนั้น ผมน่าทำได้เต็มที่ รออีกนิดนึงนะ
000ให้ตัวเองกับเรื่องความรัก 10 ปี ไม่คิดว่านานไปใช่ไหม
10 ปี ไม่นานนะ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลา ที่เหมาะสมนะ เพราะผมตั้งใจว่าจะแต่งงานตอน 35 หรือหลัง 35 ขึ้นไป ความคิดว่าอยากแต่งงานอยากมีลูกมันมีมานานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม หลายคนมองว่าผมเป็นผู้ชายที่ตรึงเครียดไปหรือเปล่า คือจะบอกว่าผมไม่อยากปล่อยชีวิตตอนหนุ่มไว้ ตอนนี้ผมยังเหนื่อยได้ ผมก็อยากเหนื่อยให้เต็มที่ ผมไม่อยากไปเหนื่อยตอนแก่ คือถ้าจะล้มก็ลุกตอนนี้ได้เลยไง ดีกว่าล้มตอนแก่ และเพื่ออนาคตครอบครัวของผมด้วย
หนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนี้ มีหลากหลายมุมที่ชวนให้น่าค้นหาจริงๆ
https://www.facebook.com/teeneedotcom