นางเอกผู้โชคดี มิว นิษฐา
"เป็นอะไรที่เราดีใจมากที่คนมองว่าเราพัฒนาการดีขึ้น มันเป็นสิ่งที่เราต้องการ อย่างเรื่องก่อนโดนว่าพูดเหมือนท่องบท แข็ง ฟีลลิ่งไม่ได้"
มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน บอกถึงบท วนิษา ในละคร รักออกฤทธิ์ ที่สาวเจ้าว่ายากกับการวางตัวเป็น "ตั่วเจ้" ผู้มีอำนาจควบคุมกิจการมากมายและลูกน้องชายมากหน้า แถมยังมีดวงกินผัวต้องแต่งงานถึง 5 ครั้งอีกต่างหาก
"ปรับหมดเลย การยืนการเดิน ต้องดูมั่นใจ" เธอแจง
ก่อนจะว่า "ก็ห่างตัวเรานิดนึงนะ ตัวเราคงไม่มีอำนาจกับผู้ชายเยอะขนาดนั้น ถ้าเจอเหตุการณ์อย่างนั้นคงกลัวแล้ว"
เพราะ "มิว นิษฐา" ตัวจริงนั้นขี้อายในขั้นสาหัสจึงพยายามที่จะไม่ทำตัวโดดเด่น
"ไม่ชอบอะไรที่เด่น หรือเดินพาเหรดถือป้าย ร.ร.จะไม่เอา หลบ ครูโทร.มาที่บ้านก็ไม่รับสาย ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบแสดงออก กีฬาก็ไม่เล่น ชอบไปนวด เดินช้อปปิ้ง นัดกับเพื่อน"
ดังนั้นการมาเป็นนักแสดงในวันนี้จึงไม่ใช่ภาพที่มีอยู่ในหัว
"เพื่อนบอกให้ช่วยไปแคสต์หน่อย จริงๆ ไม่ชอบไปแคสต์นะไม่ใช่ทางเรา แต่ไปก็ได้เผื่อได้ก็ได้เงิน ไม่ได้คิดว่าจะได้ยาว" มิวย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในวงการกับงานโฆษณา แล้วพัฒนามาเป็นมิวสิกวิดีโอ
ทว่าคนกลับรู้จักตอนโฆษณาแชมพูคู่กับ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ จนได้ฉายา "แฝดแพนเค้ก" ซึ่งนี่ก็อาจเป็นผลงานที่ทำให้ได้เข้าไปเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 และมีชื่อเสียงกับบท "หม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์" จากเรื่อง คุณชายปวรรุจ แห่ง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ
"มันคือความโชคดีมากที่ได้เล่น เพราะเป็นละครฟอร์มยักษ์ เป็นซีรีส์ แถมเล่นคู่พี่โป๊ป (โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) เป็นผู้ชายที่สาวๆ ชอบด้วย คนเลยรู้จักเราเร็ว"
แต่กระนั้นก็ยอมรับกับหลายเสียงที่ติติงเรื่องการแสดง
เพราะเธอว่าก่อนหน้านั้นได้เรียนการแสดงเพียงแค่ 3 เดือน แล้วประเดิมถ่ายทำด้วยฉากที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งการเร่งถ่าย ความเป็นมือใหม่บวกกับความเกร็งจากการไม่รู้จักใครในกองถ่ายทำให้เล่นได้ไม่เนียน
"เราดูเองยังว่าไม่โอเคเลย เพราะยังไม่เข้าใจตัวละคร นักแสดงใหม่แค่ท่องบทก็แย่แล้ว มันกังวลว่าเขาพูดประโยคนี้ เราต้องต่อประโยคนี้นะ กลายเป็นท่องบทโดยขาดความเข้าใจ"
ทว่าเมื่อผ่าน "การทำงานที่หนักที่สุดในชีวิต" มาได้ทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ยิ่งรักออกฤทธิ์ที่ได้เล่นกับคู่ขวัญโป๊ปอีกครั้ง ยิ่งสบาย
"เขาเป็นคนมีมุมส่วนตัว แต่ก็เล่นเข้าขากันขึ้น เรื่องปรับจูนมีอยู่แล้ว เรายังไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขนาดนั้น"
อย่างไรก็ตาม แม้ยอมรับว่าเรื่องนี้ที่ได้มาเล่นคู่กันเป็นเพราะกระแสเรียกร้อง "โป๊ป-มิว" จากกลุ่มแฟนคลับ แต่ถ้าเธอได้ไปเล่นคู่กับคนอื่นๆ เชื่อว่าพวกเขาก็ไม่ได้หวงแต่อย่างใด
"ส่วนใหญ่แฟนคลับเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ค่อนข้างเข้าใจ เล่นกับใครเขาก็ติดตาม ไม่ต้องอธิบายอะไรให้เขาฟัง เขารู้มันเป็นหน้าที่เป็นการแสดง เขารู้เรากับพี่โป๊ปไม่ได้อะไรกัน"
รวมไปถึงคนที่กำลังคุยๆ ก็เข้าใจว่าการแสดงก็เป็นแค่การแสดงเลยไม่มีอะไรน่าหนักใจ
ซึ่งหลังจากนี้มิวก็จะมีทั้งคู่กับ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ ใน ทรายสีเพลิง และ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี เรื่อง สิงห์ หนึ่งในซีรีส์ชุด เลือดมังกร ที่คนหลังถึงดูหล่อมาดนิ่งแต่ตัวจริงตลกเชียว
"เป็นโชคดีอีกอย่าง" เธอว่ายิ้มๆ ถึงการได้คู่กับพระเอกสุดฮอต
"เราได้คู่พระเอกที่สาวๆ หลงรักกันเยอะแยะ คนคงจับตาว่าเราเล่นได้มั้ย เข้ากันไหม ก็กดดันนะ มีบ้าง แต่ไม่ได้เอามาเป็นเรื่องใหญ่ พยายามไม่กดดันตัวเอง มันก็จะหายไป"
ดังนั้นเมื่องานในวงการราบรื่น พอถามถึงเป้าหมายในอนาคตที่เคยฝันอยากเป็นดีไซเนอร์จึงเรียนสาขาการออกแบบแฟชั่นที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว เลยชักลังเล
"เหมือนอิ่มตัวประมาณนึงกับเสื้อผ้าตอนเรียนมา 4-5 ปี ตอนนั้นทำธีสิส ถ่ายปวรุจด้วย เหนื่อยมาก"
ส่วนเรื่องการแสดง "ไม่รู้อนาคตเป็นไง ตอนนี้ก็ทำสิ่งที่เขามอบให้เราให้ดีที่สุด ไม่เคยมองไกล อยากเอาปัจจุบันให้ดี ไม่ค่อยคิดถึงอนาคตมาก เพราะเรารู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา"
ขนาดตัวเธอเองหลังเข้าวงการก็ยังมีความเปลี่ยนแปลง
"วางตัวให้ดีขึ้น เมื่อก่อนอยากทำไรก็ทำ เป็นซัมวัน ใครก็ไม่รู้ ตอนนี้เป็นที่รู้จัก การจะพูดต้องคิด แต่ปกติไม่ใช่คนพูดอะไรกระโชกโฮกฮากอยู่แล้วไม่มีปัญหาตรงนี้"
"แต่ก็ไม่ค่อยวางตัวมาก เป็นปกติอยู่แล้ว"
แถมมิวยังไม่กังวลกับคลื่นลูกใหม่ที่ซัดเข้าเรื่อยๆ
"รู้สึกว่าเราก็เป็นสไตล์เรา เป็นตัวเรา ก็ต่างจากคนอื่นอยู่แล้ว ถึงคนเข้ามาใหม่ 10 คน ก็ไม่มีใครเป็นตัวเรา 10 คน ก็มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันไป รับบทแตกต่างกันไป ไม่ได้มีใครเป็นคู่แข่งกัน"
"เหมือนต่างคนทำหน้าที่ที่เหมาะสมกับตัวเอง"
อย่างที่มิวกำลังทำอยู่
https://www.facebook.com/teeneedotcom