เปิดบันทึกความทรงจำของ'เต้ย'เผยนิยาม'เล็กพริกขี้หนู
กำลังเข้าโรงภาพยนตร์อยู่ในเวลานี้ สำหรับภาพยนตร์รักดราม่าสุดเข้มข้น ผลงานการกำกับการแสดงของผู้กำกับมากฝีมือ "อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร" กับ "ไทม์ไลน์...จดหมายความทรงจำ" ที่ได้พระเอกซุปตาร์ฟ้าแลบอย่าง "เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข" และนางเอกสาวอารมณ์ดี "เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ" ที่วันนี้หน้าบันเทิงหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" แอบฉกตัวนางเอกของเรื่องมานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวแบบทุกซอกทุกมุม
ไทม์ไลน์...จดหมายความทรงจำ
เป็นอย่างไรบ้าง กับบทบาทที่ได้รับ มีความเหมือนและแตกต่างกับเต้ยอย่างไร
ในภาพยนตร์เรื่องนี้เต้ยรับบทเป็น จูน เป็นเด็กผู้หญิงเรียนอยู่ปี 1 เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเอง เป็นคนลุยๆ อยู่ได้ด้วยตัวเองและเต็มที่กับการใช้ชีวิตให้เหมือนกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ ทำชีวิตให้มีความสุข อยากไปไหนก็ไป เป็นคนชอบการถ่ายภาพ ชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าถามว่าในบทของจูนมีความตรงกับตัวของเต้ยมากน้อยแค่ไหน เต้ยคิดว่าจูนมีความคล้ายกับตัวเต้ยในบางจุด ในเรื่องการใช้ชีวิตมีเหมือนกันอยู่บ้าง อย่างเช่นจูนจะมีความใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวรอบโลก ซึ่งเต้ยก็ฝันไว้อย่างนั้น อีกอย่างคือการที่เป็นคนลุยๆ ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยไปซะทั้งหมด
พูดถึงพระเอกเจมส์ จิรายุ สักหน่อยกับการมาร่วมงานกัน
กับเจมส์เราค่อนข้างสนิทกันมากๆ เต้ยกับเจมส์ก่อนหน้านี้ เราเคยร่วมงานกันผ่านโฆษณาชิ้นหนึ่ง ซึ่งพอเราได้มาเจอกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราเองเลยทำงานกันง่ายมากขึ้น และเจมส์เองเลยกลายเป็นน้องคนหนึ่งที่เต้ยเอ็นดู และสนิทมากเหมือนอยู่กับเขาแล้วเราสบายใจนะ เพราะเขาขี้เล่น และเป็นคนขี้อ้อนด้วย ถามว่าเขาซนมั้ย เขาซนนะ และเขาจะเป็นเหมือนสีสันให้กับกองนี้มาก ไปกอดคนโน้นที คนนี้ที ด้วยความที่เขาเป็นแบบนี้ การทำงานของเราเลยง่ายขึ้น เพราะเขาเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เรื่องกำแพงต่างๆ มันจึงไม่มี เลยทำงานด้วยกันง่าย
ฉากที่คิดว่าหินที่สุด และซีนทีประทับใจ
ความยากของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือก่อนหน้านี้ ที่เต้ยทำงานมา เต้ยจะถ่ายไปแบบตามขั้นตอนเรียงฉากไปแบบ 1-10 แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่อย่างนั้น คือการถ่ายทำ มันจะค่อนข้างกระโดดไปกระโดดมาพอสมควรแล้วมันจะมีเรื่องอารมณ์ที่จะต้องต่อเนื่องควบคู่กันไปด้วย อันนี้คือข้อที่ยากของหนังเรื่องนี้ ส่วนฉากที่ประทับใจเต้ยชอบซีนที่อยู่ตอนท้ายๆ ของเรื่อง ซึ่งมันจะเป็นจุดสำคัญของเรื่องนี้ ซึ่งเต้ยจะบอกตอนนี้ไม่ได้ก็ต้องเข้าไปชมกันเอาเองว่าจะเป็นอย่างไร
เหตุผลที่ผู้ชมควรเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้
สำหรับเหตุผลเต้ยเอาเหตุผลของพี่อุ๋ยก่อนแล้วกันคือ สิ่งที่พี่อุ๋ยอยากจะสื่อสารให้คนดูได้เห็น นั่นก็คือ เขาตั้งใจจะถ่ายทอดหนังเรื่องนี้ออกมามาแทนความรัก เพราะพี่อุ๋ยมองว่าคนสมัยนี้ใช้ความรักกันสิ้นเปลืองมาก ฉาบฉวย พอย้อนไปดูสมัยก่อน กว่าคนเราจะรักกันได้ต้องส่งจดหมายหากันเป็นปี และความรักของคนเหล่านั้นมีค่ามาก พอเปรียบเทียบกับความรักของคนสมัยนี้ที่มอบให้กัน คือมันมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรดูรวดเร็วไปหมด และอีกอย่างหนึ่งที่พี่อุ๋ยอยากจะบอกก็คือ อยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แทนความรักให้คนไทย เพราะพี่อุ๋ยมองว่าตอนนี้คนไทยรักกันน้อยไป ส่วนสำหรับเต้ยภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงอยู่ 3 อย่างคือ ความรัก ความฝัน และความทรงจำ
ย้อนวันวานวัยเด็ก
ตอนเด็กๆ เป็นคนอย่างไร ครอบครัวครัวอบรมเลี้ยงดูยังไงบ้าง
พ่อกับแม่เต้ย เป็นคนที่เลี้ยงดูเต้ยแบบเปิด เต้ยรู้สึกว่าท่านทั้งคู่เก่งมาก ที่ให้เต้ยได้กล้าเผชิญกับโลกเองได้ โดยที่เขาเองไม่ได้ทิ้งเราไปไหนนะ แต่จะคอยดูแลอยู่ห่างๆ คือเขารู้ว่าเต้ยเป็นคนที่ดื้อ พูดอะไรมาก็จะไม่ค่อยเข้าใจหรอก เขาจะให้เต้ยเจอด้วยตัวเองเสมอ แล้วพอเต้ยไปเจอเรื่องราวต่างๆ มา เต้ยก็จะคอยมาเล่าให้เขาฟังตลอด ซึ่งพอเราได้เรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว เต้ยมองว่ามันจะเป็นความรู้ที่อยู่ติดตัวเราไปตลอดเลย ถ้าถามว่าพ่อแม่เต้ยเป็นคนดุมั้ย สำหรับเต้ยคิดว่าไม่นะ แต่ถ้าตอนเด็กๆ จะเป็นคุณแม่ซะมากกว่าที่จะคอยดุคอยตี แต่คุณพ่อจะไม่เลย ตอนเด็กๆ เต้ยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ซนเอาเรื่องอยู่นะ โดยเฉพาะตอนที่อยู่ช่วงมัธยมต้น ซึ่งเต้ยคิดว่าการแตกเนื้อสาวของเต้ยมาเร็วมาก ตอน ม.1 จำได้ว่าไม่เรียนเลย ไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เอาอะไรเลย แต่พอเข้าม.2-ม.3 เต้ยก็กลับมาตั้งใจเรียนมากขึ้น ทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆ มากขึ้น
เล่าวีรกรรมเด็ดๆ ตอนเด็ก เรื่องไหนแสบสุดๆ
ตอนนั้นเป็นช่วงตอนอนุบาล 3 หนูจำได้ว่า ตอนนั้นเป็นช่วงที่เด็กทุกคนกำลังนอนกลางวันอยู่ แล้วหนูนอน ยังไม่หลับตอนนี้ไม่รู้คิดอะไรอยู่นะ หนูล้วงเข้าไปในรูจมูก แล้วเอาขี้มูกไปป้ายเพื่อนคนที่นอนอยู่ข้างๆ ซึ่งพอกลับมานึกดูอีกที หนูก็ฮาตัวเองมากๆ แล้วหนูจะเป็นพวกที่เวลาพ่อแม่พูดอะไร หรือห้ามทำอะไรก็แล้วแต่ ก็จะทำ ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งพ่อใส่นาฬิกาเล่นกีฬาแล้วมันจะเปียกและเหม็นเหงื่อพ่อ ก็บอกหนูว่าให้เอาไปวางไว้ แต่ห้ามดมนะเพราะมันเหม็น แต่พอเดินลับหลังพ่อไป หนูก็ดมซึ่งมันก็เหม็นจริงๆ คือเด็กๆ หนูก็เป็นอย่างนี้ตลอดเลย
บนถนนเส้นทางบันเทิง
ก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงได้อย่างไร
คือต้องบอกว่ามันเป็นความบังเอิญที่คุณพ่อเต้ยทำงานอยู่ที่บริษัทเจเอสแอล แล้วเต้ยได้ไปถ่ายแบบบ้างถ่ายโฆษณาบ้าง ตั้งแต่สมัยเต้ยอยู่มัธยมต้น ถามว่าชีวิตเต้ยวนเวียนอยู่ในวงการมาโดยตลอดหรือเปล่า เต้ยว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น มันมีช่วงที่เต้ยหายไปบ้าง กับงานในวงการ ตอนแรกเต้ยคิดอย่างเดียว คือว่าทำงานแล้วได้เงินมาช็อปปิ้งจับจ่ายไปเที่ยวเต้ยคิดแค่นี้ ชีวิตในวงการเต้ยไม่มีอะไรมากตามสเต็ปมาโดยตลอด ตั้งแต่ถ่ายแบบ ไล่ไปจนได้มาเล่นละครเรื่องแรกคือ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า ซึ่งนานมากตอนนั้นเต้ยยังอยู่ ม.5 ประมาณ 7 ปีมาแล้ว
มุมมองก่อนและหลังที่จะมาสัมผัสกับวงการบันเทิง
ก่อนหน้านั้น เต้ยคิดกับวงการนี้เฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเลย คิดแค่ทำงานได้เงินช็อปปิ้งแค่นั้นจริงๆ หนูเป็นเด็กที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับการเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงสักเท่าไหร่ ออกไปในแนวที่ท้อซะมากกว่าในช่วงแรก เพราะหนูมักจะเจอกับคำวิจารณ์เข้ามาค่อนข้างเยอะ และตอนนั้นเราเองก็ยังปรับตัวไม่ค่อยถูก เวลาที่เจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา แต่สุดท้ายเต้ยมองว่าวงการนี้ให้อะไรหลายอย่างกับเต้ยมากๆ ทั้งประสบการณ์ชีวิต ความคิด โอกาส โชค และพื้นที่ที่เต้ยยืนอยู่ในจุดนี้ในวงการบันเทิง และเต้ยก็รักในอาชีพนักแสดงมากๆ
มองอนาคตในวงการบันเทิงของตัวเองไว้อย่างไรบ้าง
อยู่วงการนี้เต้ย คิดว่าเราไม่สามารถมองอนาคตตัวเองได้เลย เราไม่ใช่นายจ้างตัวเอง เพราะต้องมีคนมาจ้างเราทำงาน เต้ยว่ามันก็แล้วแต่โอกาสที่เราจะได้รับนะ เต้ยคิดว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนที่มอบโอกาสให้เต้ยด้วย ในอนาคตถ้าถามว่าอยากทำอะไรอีก คงเป็นเบื้องหลังนะ เพราะเต้ยอยากมีหนังเป็นของตัวเอง และคิดว่าจะเป็นหนังที่มีความดราม่า ให้ข้อคิดกับคนดู ประมาณนี้
เปิดประตูค้นหัวใจ
มุมมองความรักส่วนตัวในแบบฉบับของเต้ย
ความรักของเต้ยส่วนตัวนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เต้ยคิดว่าสามารถที่จะอยู่คนเดียวได้ แต่พอโตขึ้นมา เราเรียนรู้ว่าชีวิตเราไม่ได้มีแค่เราคนเดียว มันจะต้องมีคนอื่นๆ ด้วย กับการที่เต้ยได้มาคุยกับอเล็กซ์ (อเล็กซ์ เรนเดล) มันคือความบังเอิญมากกว่า คือตัวเขาเองไม่ได้มาจัดโปรโมชั่นอะไรให้เต้ยตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้เขาเป็นยังไง ตอนนี้เขาเองก็ยังคงเป็นแบบที่เต้ยได้รู้จักวันแรก เราคบกันแบบเพื่อนผู้ชาย สามารถไปเที่ยวไปทำกิจกรรมด้วยกันแบบลุยๆ ได้ เพราะเต้ยชอบการผจญภัยมากๆ แล้วเราคงไปด้วยกันได้ในจุดนี้ด้วยมันเลยคุยกันรู้เรื่อง
หลายคนบอกว่าคู่เราเป็นคู่ที่น่ารักหวานตลอด ส่วนตัวคิดยังไง
ไม่รู้สินะ เต้ยคิดว่าคู่เราจะเน้นไปแบบสบายๆ มากกว่า ใช้เหตุผลคุยกัน แต่เต้ยก็ไม่รู้นะ ว่าคนอื่นเขาจะมองแบบไหน ไม่ได้หวานมากไป หรือน้อยไป บอกแล้วว่าเราเป็นเหมือนเพื่อนผู้ชายกับอเล็กซ์มากกว่าความหวานซะด้วยซ้ำ
วิธีการดูแลรักษาความรักกับอเล็กซ์เป็นอย่างไรบ้าง
วิธีการดูแลกันของเต้ยกับอเล็กซ์ คือเราทั้งคู่ เวลาที่มีช่วงไม่เข้าใจกัน เรามักจะคุยและปรับความเข้าใจกันแบบง่ายๆ มากกว่า เต้ยกับอเล็กซ์เลือกที่จะไม่เก็บความรู้สึกถ้าไม่ชอบอะไร จะพูดจะบอกกันตรงๆ ไม่ปล่อยให้อะไรต่างๆ มันคาราคาซังอยู่ แล้วเราก็คุยกันด้วยเหตุผล เต้ยว่านี่แหละคือการดูแลกันที่ดีที่สุด สำหรับเต้ยนะ
บอกเลยว่าสาวน้อยคนนี้มีอะไรดีมากกว่าที่คิด...จริงๆ
https://www.facebook.com/teeneedotcom