ชาลี มอเตอร์ไซค์คว่ำ แข่งรักนักซิ่ง

 ที่หมู่บ้านร้างย่าน อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งมี ‘ฉลอง ภักดีวิจิตร’ เป็นผู้กำกับฯ ของผลิตโดยค่ายบางกอก ออดิโอ วิชั่น 

 ฉากที่ถ่ายทำเป็นฉากแข่งรถมอเตอร์ไซค์ระหว่าง ‘โน้ต’วัชรบูล ลี้สุวรรณ กับ ‘ชาลี กรรณสูต’ ซึ่งขณะที่ถ่ายทำถึงจุดนี้ซึ่งเป็นทางโค้ง และมีเนินดินขวางทางอยู่ 

ทำให้ ‘ชาลี’ มองไม่เห็นรถจึงไปแฉลบกับกองดินและเสียการทรงตัว ขี่มาด้วยความเร็วสูง เมื่อเห็นว่าไม่สามารถที่จะประคองรถเอาไว้ได้ ‘ชาลี’จึงตัดสินใจดีดตัวเองออกมาจากเบาะรถ และลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ข้างทาง ขณะที่‘โน้ต’ซึ่งขับตามหลังมา แต่อยู่ห่างกันจึงทำให้ไม่พุ่งเข้าไปชนรถของ ‘ชาลี’ที่เกิดอุบัติเหตุ และขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยของมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง นำส่งโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากแพทย์ได้ทำการสแกนสมอง เพื่อดูว่าศรีษะได้รับความกระทบกระเทือนมากน้อยแค่ไหน พร้อมทั้งเอ็กซเรย์ส่วนสำคัญต่างๆของร่างกาย ไม่พบอาการผิดปกติใดๆ แต่รอดูอาการให้ครบ 24 ชั่วโมงก่อน จึงจะบอกได้ว่าปลอดภัย โดยเฉพาะบริเวณส่วนหัวที่ได้รับการกระแทกกับพื้นถนนแรงพอสมควร

“มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ พอผมเลี้ยวโค้งมาเพื่อจะเข้าทางตรงมันก็เจอกองดินขวางหน้าพอดี ผมไม่สามารถที่จะหักรถหลบไปทางไหนได้แล้ว เพราะรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ในวินาทีนั้นผมตัดสินใจทิ้งตัวลงกับพื้นถนนดีกว่า โดยที่ผมเอามือจับหมวกกันน็อคเอาไว้ เพราะมันไม่มีสายรัดครับ ผมกลิ้งไป 3 ตลบ และหมวกก็กระเด็นหลุด ตอนนั้นผมจำอะไรไม่ได้แล้วและผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองสลบนานแค่ไหน ลืมตามาอีกทีผมเห็นคนมุงดูผมเยอะแยะไปหมด คนแรกที่ผมเห็นหน้าคืออาหลองแล้วก็โน้ต นอกนั้นมีใครบ้างผมจำไม่ได้”

 “ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ผมก็ผิดคิวกับน้องนักแสดงจากละครเรื่อง เนตรนาคราช พอต่อมาอีกวันก็ผิดคิวในละครเรื่อง เล่ห์นางหงส์ อีกและโดนที่หางตาข้างซ้ายเหมือนกันเลย ผมรู้ว่าปีนี้เป็นปีชงของผมแบบเต็มๆ ผมก็พยายามทำบุญให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ปีหน้าเขาว่าผมจะโชคดีครับ” 

 ทางด้านนักแสดงหนุ่ม ‘โน้ต’วัชรบูล ลี้สุวรรณ ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า

 “ตอนที่พี่ชาลีเกิดอุบัติเหตุอย่างจริงๆ นั้นผมไม่เห็น เพราะว่ามันเป็นโค้ง แต่เห็นว่ามีฝุ่นฟุ้งขึ้นมาพอสมควร พอรถของผมผ่านโค้งมาได้ก็มองไปข้างหน้า เห็นทีมงานวิ่งเข้าไปหาพี่ชาลีซึ่งนอนสลบอยู่ข้าง ตอนนั้นผมรใจไม่ดีเลย เพราะเห็นสภาพของพี่ชาลีแล้วมันต้องหนักแน่ๆเลย เพราะขาเขาบิดเหมือนคนขาหักและเขาก็นิ่งมาก พอหันไปดูรถก็ยิ่งใจไม่ดีหนักเข้าไปอีก

 และผมก็บอกให้ทุกคนห้ามขยับตัวพี่ชาลีนะ เพราะถ้าเราขยับไม่ดีเขาอาจจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้ ตอนนั้นพี่ชาลีนอนแน่นิ่งไปไม่ต่ำกว่า 10 นาที พออาหลองและผู้ช่วยมาถึงก็รีบโทรหามูลนิธิให้มาช่วย ตอนนี้พี่ชาลีเริ่มรู้สึกตัวและลืมตาขึ้นมามอง ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมากเลย”