ยุคงานเยอะต้องอดทน กินน้ำ-ฉี่บางทียังไม่ได้

ต๊ะแจงเหตุที่"เปลี่ยนไป"บอกเรื่องนี้มีที่มา

ว่าทุกวันนี้เป็นยุคงานเยอะจนไม่มีเวลาจะพูดคุยหรือทักทาย โอดแค่จะกินน้ำหรือฉี่บางทียังทำไม่ได้

ต๊ะ วริษฐ์ ทิพย์โกมุท ให้สัมภาษณ์ว่า

ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่โดนข้อหาดังแล้วเปลี่ยนไป หรือก้าวร้าวผู้ใหญ่ แต่ตนมีเหตุผลนั่นคือ ตนงานเยอะขึ้นแต่ว่า เวลาน้อยลง กับความไม่เข้าใจกันเล็กน้อยของตนและฝ่ายจัดการเรื่องงาน อย่างรับงานวันละ 3 งาน และเป็นงานที่มีความเหลื่อมล้ำเวลามาก ทำให้ต้องรีบไปจนไม่มีเวลาพูดคุยกับใคร และไม่มีเวลาแม้กระทั่งดื่มน้ำ หรือ ฉี่

ส่วนเรื่องความก้าวร้าวนั้น

ตนยืนยันว่าตนยังเป็นคนเดิมทั้งกิริยาและคำพูด และคนที่อยู่ในกองหรือผู้ที่ใกล้ชิด ได้สัมผัสก็ยังไม่ได้ว่าอะไร

วริษฐ์กล่าวว่า รู้และถูกผู้ใหญ่ปลูกฝังมานานแล้ว

ว่าจะต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น จึงสอนให้เข้มแข็ง อดทน และทำใจมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อแรกๆตนยังทำใจไม่ได้ก็ต้องอาศัยความอดทน แต่เมื่อทำใจได้แล้วก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา เพราะปกติเวลาที่ไปกองถ่ายตนจะบอกกับคนในกองไว้ก่อนอยู่แล้วทุกคนตั้งแต่ช่างไฟเลยว่า หากทำอะไรผิดก็ขอโทษ และว่าตนก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันมาจากไหน ตนทำไม่ดีจริงๆหรือเปล่า ถ้าจริงก็จะปรับปรุง

มันมีที่มาของคำว่า เปลี่ยนไป

เพราะมันมีงานเยอะขึ้น เวลาว่างน้อยลง บางทีไปวันละ 3 งาน งานแรกยังไม่มีอะไร แต่งานที่ 2 นักข่าวรู้ว่าผมจะมาก็ไปรอ แต่มันยังมีงานที่ 3 ให้ผมต้องรีบไปอีก

แต่ตัวผมบอกผู้จัดการทุกครั้ง ว่าขอสัมภาษณ์ก่อนทำงาน

เพราะถ้าทำงานก่อนแล้วต้องรีบวิ่งมันก็จะไม่ทัน แต่ฝ่ายจัดงานและผู้จัดการผมไม่ยอมเข้าใจ มันเสียความรู้สึกผมเหมือนกัน เพราะอย่างบางทีผมขอกินน้ำ หรือขอฉี่ แต่ไม่ได้แล้วต้องรีบขึ้นวินไปเลย

มีงานเยอะก็ดีผมชอบ ได้เงิน

แต่ก็เข้าใจกันและกันนิดหนึ่ง จะได้ทำงานด้วยกันได้ ถ้าคนที่เข้าใจก็จะเข้าใจ แต่คนที่ไม่เข้าใจก็จะแอนตี้ แต่ผมทำอะไรไม่ได้โดนสั่ง แต่คิดว่าคงไม่มีใครอยากจะให้ใครเกลียด แต่เรื่องก้าวร้าว ผมไม่รู้สึกอะไรนะครับ แต่ถ้าทำไม่ดีก็ต้องปรับปรุง ทำให้ดีให้เขาเห็นให้ได้ โดยความเต็มใจ ไม่ใช่เพื่อที่จะเอาชนะ วริษฐ์กล่าว